บทที่ 253 หนึ่งรุกหนึ่งถอย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 253 หนึ่งรุกหนึ่งถอย

บทที่ 253 หนึ่งรุกหนึ่งถอย

“ไม่เห็นจำเป็นต้องคิด! ฉันเดิมพันว่าอู๋ฝานชนะ!” หวังจื่อหมิงบอกออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ทราบแล้วครับ ผมจะช่วยนายน้อยหวังลงทะเบียนเอง” หลังเห็นหวังจื่อหมิงยืนยันแน่ชัด ติงอวิ๋นก็ไม่อาจกล่าวคำอื่น มีแต่ต้องตกลง

ในเมื่อเขาเป็นคนเปิดรับเดิมพัน ก็ต้องตอบรับการเดิมพันของทุกคน

สิบนาทีผ่านไป ด้านบนสังเวียน

“ไอ้หนู ก่อนตายมีอะไรอยากพูดก็รีบพูดออกมา ฉันใจดีพอจะให้เวลาแกได้พูด” ไหน่ไชยกหมัดทั้งสองข้างของตนเองขึ้นมาตั้งการ์ดบริเวณหน้าอก พร้อมบอกกับอู๋ฝาน

“พวกเรามีสุภาษิตจีนโบราณกล่าวเอาไว้ว่า เลือดแลกเลือด ฟันแลกฟัน ไม่รู้ว่าพอจะเคยได้ยินมาบ้างไหม” อู๋ฝานถาม

“ไม่เคย” ไหน่ไชตอบกลับ “ฉันบอกให้แกพูดประโยคสุดท้ายก่อนตาย ไม่ใช่ให้มาพูดคำคมแถวนี้!”

“ถ้าไม่เคยได้ยิน ไม่ช้าก็จะได้ทราบความหมายเอง” อู๋ฝานตอบกลับ “ส่วนคำพูดสุดท้ายอะไรนั่น คิดว่าคุณควรคิดไว้พูดเองน่าจะดีกว่า”

“ไอ้หนู ในเมื่ออยากตายถึงขนาดนั้น ฉันก็จะสงเคราะห์ให้เอง!” ไหน่ไชตอบกลับ ทั้งร่างทะยานพุ่งเข้าหา สีหน้าท่าทีดุร้ายแสดงออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด หมายจะฉีกร่างอู๋ฝานในชั่วพริบตา

อู๋ฝานเพียงยืนนิ่ง สายตาของเขามองไหน่ไชอย่างสงบ ไม่มีแม้ร่องรอยความแตกตื่นใดปรากฏบนใบหน้า

แต่เป็นฝูงชนรอบด้านที่แตกตื่นแทน พวกเขาที่ได้เห็นไหน่ไชพุ่งเป็นรถถังเข้าหาอู๋ฝาน ปอดพลันต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ถัดจากนี้พวกเขาคงจะได้เห็น ‘ภาพอันน่าสยดสยอง’ ของอีกฝ่ายที่ต้องทุรนทุราย หลายคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะต้องหลับตาลง เพราะไม่อาจทนมองต่อไม่ไหว

หวังจื่อหมิงที่อยู่ในห้องส่วนตัว เมื่อเห็นเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะต้องลุกจากที่นั่งขึ้นมายืน สีหน้าท่าทีกำลังแสดงออกซึ่งความกังวล กระทั่งคิดตะโกนยอมแพ้แทนอู๋ฝาน

ไหน่ไชพุ่งเข้าหาอู๋ฝาน ทว่ากลับเห็นอีกฝ่ายไม่ขยับเคลื่อนไหว ในใจเขายิ่งนึกเหยียดหยัน

คนที่ไร้ซึ่งฝีมือ ไม่มีอะไรทั้งนั้น กล้าดีอย่างไรมาท้าทายเขา?

ชั่วพริบตาจากนั้น ไหน่ไชเหวี่ยงหมัดเข้าหาอู๋ฝาน เป็นหมัดตรงเข้าใส่ใบหน้าของชายหนุ่ม

สายลมรุนแรงพัดผ่าน หมัดนั้นในสายตาของอู๋ฝานยิ่งเข้าใกล้ยิ่งใหญ่ขึ้น

แต่ในขณะทุกคนคิดว่าหมัดของไหน่ไชจะปะทะอู๋ฝานจนทำให้ต้องล้มลง น็อกเอาต์กับพื้น ศีรษะของอู๋ฝานกลับเอียงเล็กน้อย เป็นการหลบเลี่ยงหมัดอันแข็งแกร่งของไหน่ไชในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที

หลังเห็นขยะเปียกตรงหน้าตนเองถึงขั้นหลบเลี่ยงหมัดอันดุดันได้ ไหน่ไชถึงกับต้องประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังตอบสนองอย่างรวดเร็ว หมัดแรกไม่อาจเล่นงาน น็อกเอาต์ได้ อีกหมัดหนึ่งจึงตามติดหมายลงมือ ครั้งนี้เขาคิดจะเล่นงานหน้าท้องของชายหนุ่ม และเขาเชื่อว่าตราบเท่าที่ต่อยหน้าท้องของอู๋ฝานได้ อีกฝ่ายจะถูกเล่นงานอย่างสาหัสจนอวัยวะภายในได้รับความเสียหาย

ด้วยระยะเพียงแค่นี้ ไหน่ไชมีความมั่นใจว่าอย่างไรก็สามารถทำให้อู๋ฝานได้รับบาดเจ็บสาหัสได้

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เผยสีหน้าเย้ยหยันออกมา ก็ได้พบว่าอู๋ฝานก้าวเท้าถอย หน้าท้องจึงถอยหลบเลี่ยงตามฝีเท้า มันหลบหมัดของเขาได้อย่างหมดจด ระยะห่างหมัดของไหน่ไชกับหน้าท้องของอู๋ฝานเมื่อครู่ มันเฉียดไปเพียงห้าเซนติเมตร ตอนนี้เองที่ในใจของไหน่ไชได้พบกับความรู้สึกแปลกประหลาด

เหตุใดหมัดของตนเองไม่ยาวกว่านี้อีกสักห้าเซนติเมตรนะ?

เพราะเล่นงานอู๋ฝานพลาดถึงสองครั้งอย่างต่อเนื่อง มันทำความมั่นใจที่ไหน่ไชมีแต่เดิมเกิดเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิด โดยเฉพาะตั้งแต่ที่เขาเอ่ยวาจาอวดดีออกไป ทว่าตอนนี้กลับยังไม่อาจเล่นงานอีกฝ่ายได้ เรียกว่าตัวเขากำลังทำตนเองอับอายเสียเอง

“ตายซะ!”

ไหน่ไชทั้งโกรธและอับอาย ตอนนี้ยิ่งดุร้ายมากขึ้น ก้าวออกไปข้างหน้าเข้าใกล้อู๋ฝาน หมัดขวาเหวี่ยงออกอีกครั้งหมายโจมตีอีกฝ่ายให้ได้

เพียงแต่หมัดนั้นก็ยังไม่อาจโจมตีได้สำเร็จ อู๋ฝานยังสามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดายเช่นเคย

ไหน่ไชยิ่งหงุดหงิด สายตาจ้องอู๋ฝานอย่างกินเลือดเนื้อ เขาทุ่มเทเรี่ยวแรงหมายโจมตีชายหนุ่มอีกครั้ง เขาสาบานกับตนเองว่าจะเล่นงานอีกฝ่ายให้แหลกเละ!

ทว่าสิ่งที่ทำไหน่ไชแทบคลุ้มคลั่ง คือการที่แต่ละหมัดของตนเกือบจะต่อยโดนอู๋ฝานอยู่แล้ว แต่ทุกครั้งอีกฝ่ายจะหลบเลี่ยงไปได้ในระยะกระชั้นชิด ทุกครั้งจะเป็นการหลบอย่างจวนตัวตลอด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้เขาคลุ้มคลั่ง

เรื่องที่เกิดขึ้นบนสังเวียน แม้แต่กับผู้ชมในโถงก็ยังต้องประหลาดใจ

เดิมนั้นฝูงชนคิดไปว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายอย่างไรก็ไม่มีทางทัดเทียมกัน จิ้นเฉิงยังไม่อาจรั้งไหน่ไชไว้ได้ถึงนาทีเลยด้วยซ้ำ อู๋ฝานยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ พวกเขาจึงคิดไปกันเองว่าเพียงแค่หนึ่งหมัด ไหน่ไชก็สามารถเผด็จศึกอู๋ฝานได้แล้ว

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นสวนทางกับความคิดของพวกเขา แม้ว่าภาพที่เห็น ไหน่ไชจะยังคงความได้เปรียบ เขากำลังเล่นงานอีกฝ่ายจนต้องถอยหลบเลี่ยง ทว่าจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มกลับยังไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ทุกการโจมตีของไหน่ไช อู๋ฝานหลบเลี่ยงได้ทั้งหมด

แม้แบบนั้นก็มีคนเกิดความคิดอันหาญกล้าขึ้นมาว่า อู๋ฝานเจตนาที่จะถอยหลบเลี่ยงเอง การเผชิญหน้ากับไหน่ไชไม่ได้ทำให้เขาด้อยกว่า หากไม่เช่นนั้นแล้วเพราะอะไรสีหน้าของอีกฝ่ายถึงสงบนิ่งมาโดยตลอดล่ะ ไม่มีร่องรอยของความแตกตื่นเลยแม้แต่น้อย?

ขณะที่ผู้ชมส่วนใหญ่เลือกไม่เชื่อ แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ได้หมายความว่าอู๋ฝานแข็งแกร่งกว่าไหน่ไชไม่ใช่เหรอ? ที่อู๋ฝานกำลังทำอยู่นี้คือหยอกเย้าไหน่ไช?

ทว่าขณะมองร่างของไหน่ไช พร้อมครุ่นคิดถึงความแข็งแกร่งที่เกือบจะสังหารจิ้นเฉิงได้ในชั่วพริบตา พลางหันมองอู๋ฝานที่ร่างกายดูผอมบางกว่า ฝูงชนจึงอดคิดไม่ได้ว่าการคาดเดานี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ทางด้านหวังจื่อหมิงที่อยู่ในห้องส่วนตัว ตอนนี้เขาสงบใจนั่งลงเรียบร้อยแล้ว แม้เขาไม่ทราบว่าอู๋ฝานจะหลบเลี่ยงไปจนถึงเมื่อใด หรือกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่โดยสรุปนั้น ชายหนุ่มจะไม่เจออันตรายใดทั้งสิ้น เขาจะไม่ถูกไหน่ไชสังหาร แค่นี้ก็มากพอทำหวังจื่อหมิงวางใจ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้อ่อนแอดังเช่นที่เขาเคยคาดคิด

“อู๋ฝานทำได้ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าจิ้นเฉิงอีก ทั้งยังไม่ถูกไหน่ไชเล่นงานเลยแม้สักครั้งด้วย แบบนั้นไม่ใช่ว่าอู๋ฝานเองก็เป็นผู้ฝึกตนหรือไงนะ?” หวังจื่อหมิงกำลังมองอู๋ฝานที่อยู่กลางสังเวียน ขณะพึมพำตัวเองไปเรื่อย

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะคาดเดาไว้อยู่บ้าง แต่หวังจื่อหมิงก็ยังต้องตื่นตะลึงยามได้ยืนยันกับตาของตนเอง เพราะเขาเคยตรวจสอบข้อมูลเบื้องหลังของอู๋ฝานมาก่อนแล้ว พื้นเพของอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาอย่างที่ไม่อาจจะธรรมดาไปมากกว่านี้แล้ว กระทั่งว่าดูยากลำบากเสียด้วยซ้ำ ด้วยพื้นเพดังกล่าว เขาไม่มีทางไปข้องเกี่ยวกับการฝึกฝนตนเองได้อย่างแน่นอน

แต่ความจริงที่พิสูจน์ให้ได้เห็นตรงหน้าแล้ว มันทำเอาข้อสันนิษฐานเก่าของหวังจื่อหมิงผิดเพี้ยนไปทั้งหมด ไม่เพียงแต่อู๋ฝานจะเกี่ยวข้องกับการฝึกตน แต่ตัวเขาเองยังเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่ง!

“หรือว่า เบื้องหลังของอู๋ฝานที่เคยสืบมาได้ก่อนหน้านี้ ทั้งหมดจะเป็นของปลอม?” หวังจื่อหมิงเริ่มคาดเดา

ยิ่งคิดเท่าไหร่ หวังจื่อหมิงก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูง

ผู้ฝึกตนมักมีอิทธิพลและอำนาจอยู่เบื้องหลัง ตราบเท่าที่อิทธิพลนั้นแข็งแกร่งมากพอ คิดปลอมแปลงประวัติความเป็นมาเพื่อให้คนอื่นสับสนไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด สาเหตุที่หวังจื่อหมิงไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน ก็เพราะตลอดมาเขามักจะคุ้นชินกับการที่อู๋ฝานเปิดเผยตนเองว่าเป็นคนธรรมดา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไปแล้ว ทำให้เขาคิดถึงความเป็นไปได้ดังกล่าวขึ้นมา

หลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ หวังจื่อหมิงก็รู้สึกหวาดเกรงอู๋ฝานขึ้นมาในใจ ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ทราบสถานการณ์แท้จริงของชายหนุ่ม มันแสดงให้เห็นว่าเบื้องหลังของอู๋ฝานจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลหวังของตน เป็นอำนาจและอิทธิพลที่แข็งแกร่งกว่ามาก อย่างที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีทางอยู่ในระดับทัดเทียมกันได้