บทที่ 254 พิฆาตในพริบตา

บทที่ 254 พิฆาตในพริบตา

“ไอ้หนู มีความกล้า อย่าหลบ!” ไหน่ไชตะโกนเสียงดังใส่อู๋ฝานด้วยโทสะเกรี้ยวกราด

การต่อสู้ช่วงที่ผ่านมา เขาครองความได้เปรียบเหนือกว่า ทุกการลงมือเล่นงานอู๋ฝานหนักหนาหมายเอาชีวิต หากมองแล้วจะคล้ายว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้ตอบโต้ แต่เขาทราบดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นของปลอม แม้ว่าอำนาจการบุกของเขาดุดันรุนแรง แต่มันไม่เคยประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่อาจทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ แต่เขาเองก็เริ่มเหนื่อยล้า แขนเริ่มที่จะอ่อนแรงลง

“อย่าหลบ? ก็ได้” อู๋ฝานยืนนิ่งตอบรับ พร้อมจ้องไหน่ไช

ได้ยินอู๋ฝานพูดดังนั้น เขาก็ยินดีขึ้นมา เพราะเขามีความมั่นใจว่าพละกำลังของตนเหนือกว่าอู๋ฝาน ทักษะการต่อสู้ของเขาไม่ใช่อะไรที่อีกฝ่ายจะเทียบเปรียบได้ ร่างกายที่ผอมบางเช่นนั้นอาจปราดเปรียวไปบ้าง แต่ในด้านพละกำลังเขายังมีความมั่นใจ

“ไอ้หนูขนยังไม่ขึ้นนี่ ไม่มีทางรับเอาไว้ได้แน่!” ไหน่ไชคิดแบบนั้นอยู่ในใจ

ในความเห็นของไหน่ไช อู๋ฝานได้เปรียบกว่าตนก็แค่ความยืดหยุ่นของร่างกาย อีกฝ่ายดูผอมบางเช่นนั้น ร่างกายจะยืดหยุ่นดีก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ร่างกายเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางมีเรี่ยวแรงอันใด ตอนนี้อู๋ฝานกำลังเผชิญหน้ารับการโจมตีโดยตรง อีกฝ่ายไม่ทราบว่าความตายกำลังจะมาเยือน ทั้งยังเรียกได้ว่ากำลังยืนรอรับความตาย

คิดได้ดังนั้น สีหน้าไหน่ไชก็ดีขึ้น ความมั่นใจฟื้นกลับคืน ความดุร้ายแสดงออกให้เห็น หมัดของเขาพุ่งตรงใส่อู๋ฝานอีกครั้งหนึ่ง หมัดนี้เขาไม่ได้ออมแรงใดทั้งสิ้น กระทั่งรวบรวมแรงจากทั้งร่างกายเลยด้วยซ้ำ พลังจึงเปรียบได้ดังพยัคฆ์ทะยานลงจากขุนเขา เขาหมายจะเผด็จศึกอีกฝ่ายในหนึ่งหมัด!

อู๋ฝานในตอนนี้ไม่คิดหลบเลี่ยงอีกต่อไป ยืนนิ่งพร้อมกับปล่อยหมัดตอบโต้ไหน่ไช

นับตั้งแต่อู๋ฝานขึ้นมาบนสังเวียน มันเป็นการตอบโต้ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้ เขาเอาแต่หลบเลี่ยง

ไม่ว่าจะไหน่ไช หรือว่าผู้คนที่รับชมนอกสังเวียน พวกเขาไม่ได้มองการตอบโต้ของอู๋ฝานเป็นจริงเป็นจัง เพราะเห็นได้ชัดว่าพละกำลังของคนทั้งสองไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน

“ไอ้หนูนี่หัวไปกระแทกกับลาโง่มาหรือไง? คิดแลกหมัดกับไหน่ไชเนี่ยนะ? หลบต่อไปเหมือนที่ทำมาจะไม่ดีกว่าหรือไง? ไหน่ไชก็น่าจะใกล้หมดแรงแล้ว ถึงตอนนั้นค่อยหาโอกาสโจมตีก็ยังได้ บางทีอาจจะมีหวังชนะด้วยซ้ำ ตอนนี้คืออะไร? ฆ่าตัวตายหรือไง?” นอกสังเวียน เพื่อนของชายหนุ่มคนที่เดิมพันข้างอู๋ฝานก่อนหน้า ตอนนี้เห็นอู๋ฝานเลือกประจันหน้ากับไหน่ไช ทำเอาเขาอดไม่ได้ที่จะต้องบ่นพึมพำออกมา

ชายหนุ่มคนที่อยู่ข้างกายเขา ตอนนี้กำลังมองอู๋ฝานด้วยความเป็นกังวล เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอู๋ฝานจึงเลือกทำเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าประจันหน้ากันก็มีแต่จะแสดงให้เห็นว่าตนอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายหรอกเหรอ เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจนี้ไม่ฉลาดนัก!

กระทั่งหวังจื่อหมิงที่อยู่ในห้องส่วนตัว ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดอู๋ฝานจึงตัดสินใจทำเช่นนี้

“หรือว่า เขาจะคิดว่าตัวเองมีกำลังเหนือกว่าไหน่ไชงั้นเหรอ?” หวังจื่อหมิงคาดเดา

หากอู๋ฝานอยู่ที่นี่ เขาคงตอบออกมาว่า ใช่! อีกทั้ง มันยังไม่ใช่เป็นเพียงแค่เรื่องของความรู้สึก แต่มันคือข้อเท็จจริง!

อู๋ฝานในตอนนี้ ได้สวมใส่อุปกรณ์ครบชุด ยกเว้นก็เพียงแค่อาวุธกับหมวกเกราะ ในสภาวะดังกล่าว ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตมืดเช่นเฟ่ยอวิ๋น ก็ไม่มีทางต่อกรกับเขาได้ ในเมื่อเฟ่ยอวิ๋นยังไม่สามารถ เช่นนั้นไหน่ไชที่เป็นเพียงขอบเขตสว่างขั้นกลางจะนับเป็นอะไรได้

ดังนั้นแล้ว กับการแข่งขันในด้านกำลังกับไหน่ไช อู๋ฝานจึงมีความมั่นใจ

“ตึง!”

“แกร๊ก!”

“อ๊าก!”

เสียงที่ดังต่อเนื่องในระยะประชิดดังให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

เสียงแรกนั้นเป็นตอนที่หมัดของคนทั้งสองปะทะกัน เสียงที่สองคือเสียงกระดูกหัก

เดิมทุกคนคิดว่าคนที่กระดูกหักควรเป็นอู๋ฝาน พวกเขาคาดเดาจากการที่ก่อนหน้านี้กระดูกของจิ้นเฉิงถูกหักอย่างต่อเนื่อง พวกเขายังจำเรื่องในช่วงเวลานั้นได้ดีและเด่นชัด

เพียงแต่ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ เพราะเสียงแผดร้องที่ดังตามติดนั้น มันมาจากริมฝีปากของไหน่ไช ไม่ใช่ของอู๋ฝาน!

และตอนนี้ กลุ่มคนที่อยู่ใกล้สังเวียน และมีสายตาที่ค่อนข้างดี พวกเขาได้เห็นชัดว่ากระดูกชิ้นใหญ่บริเวณศอกของไหน่ไชแตกหักและปูดโปนออกมา ได้เห็นเพียงแค่นั้นทุกคนก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันยากจะทานทนแล้ว นับประสาอะไรกับไหน่ไชที่เป็นผู้ประสบเหตุ การที่เขาแผดร้องเสียงดังขนาดนั้น มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแม้แต่น้อย

ทุกคนต่างคิดว่าหลังหมัดคนทั้งสองปะทะต่อกัน อู๋ฝานจะล้มลงกับพื้นและหมดสติ หรือไม่ก็ร่างกระเด็นออกนอกสังเวียน ก็เพราะพวกเขาเคยได้เห็นพละกำลังอันยอดเยี่ยมของไหน่ไชมาก่อน อีกฝ่ายแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นปัจจุบันมันไม่ใช่อะไรที่ทุกคนเคยคาดเดากันเอาไว้แม้แต่น้อย คนที่กระดูกหักเป็นไหน่ไช คนที่แผดเสียงร้องออกมาก็เป็นไหน่ไช และคนที่ล้มลงไปกองกับพื้นก็เป็นไหน่ไช!

ร่างอันใหญ่โตของไหน่ไชกระเด็นกลับและล้มลงต่อหน้าสายตาตื่นตกใจของผู้คน กระทั่งว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังคงแผดเสียงร้องออกมาไม่หยุด

ทุกคนมองอู๋ฝานด้วยอาการตื่นตระหนก พวกเขาไม่ทราบว่าร่างกายผอมบางเช่นนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด ก่อนหน้านี้พวกเขาเดากันไปว่าร่างกายใหญ่โตของไหน่ไชน่าจะหนักราวหนึ่งร้อยกิโลกรัมได้ แต่แล้วร่างนั้นกลับถูกชายหนุ่มเล่นงานกลับจนกระเด็น อีกฝ่ายแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันแน่?

ตอนนี้เองที่ทุกคนได้ตระหนักว่า ความคิดเรื่องความแข็งแกร่งของคนทั้งสองก่อนหน้านี้ของพวกตน ที่ว่าอยู่กันคนละระดับนั้น มันไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแต่ไม่ใช่ไหน่ไชที่มีกำลังเหนือกว่าอู๋ฝาน แต่เป็นอู๋ฝานที่มีกำลังเหนือกว่าไหน่ไช การประจันหน้าระหว่างคนทั้งสอง คือการเทียบเปรียบในด้านพละกำลัง อู๋ฝานชนะ และยังเป็นชัยชนะอันเด็ดขาด!

คนที่พล่ามบ่นก่อนหน้านี้ว่าอู๋ฝานโอ้อวดตนเองจนเกินไป ตอนนี้กำลังอ้าปากค้างตื่นตะลึงกับเรื่องที่พบเห็นตรงหน้า สีหน้าท่าทีของพวกเขาบ่งบอกชัดว่าไม่เชื่อ ผู้คนรอบด้านต่างก็มีสีหน้าท่าทีแทบไม่ต่างกัน ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นการที่ อู๋ฝานเผชิญหน้าวัดกำลังกับไหน่ไชแล้วยังเป็นฝ่ายเหนือกว่า!

เพียงแต่เรื่องราวยังไม่ได้จบลงที่ตรงนี้!

หลังร่างไหน่ไชกระเด็นลิ่วไป อู๋ฝานไม่ได้นิ่งเฉยรับชม แต่พุ่งตัวตามติดร่างของไหน่ไชที่ลอยลิ่ว ขณะร่างอีกฝ่ายเกือบจะออกไปนอกสังเวียนนั้นเอง ชายหนุ่มคว้าเท้าขวาของไหน่ไชเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ หยุดร่างของไหน่ไชเอาไว้ไม่ให้ออกไปนอกสังเวียน

อู๋ฝานคิดทำอะไร? ช่วยไหน่ไชเอาไว้? เพราะกลัวอีกฝ่ายจะตกสังเวียนแล้วได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?

ตอนที่กลุ่มคนได้พบเห็นฉากนี้ ใจพวกเขาก็สับสนและสงสัย พร้อมกับเกิดข้อสันนิษฐานขึ้นมา

ทว่าภาพที่เห็นถัดมา ทำให้ผู้คนได้คำตอบกับตาของตนเองว่าที่คาดเดาไปนั้น ผิด!

สิ่งที่ได้เห็นคือการที่อู๋ฝานออกแรง เหวี่ยงร่างของไหน่ไชกลับเข้าสังเวียนอย่างรุนแรง ร่างของอีกฝ่ายพลิกกลับขึ้นฟ้าหนึ่งร้อยแปดสิบองศากลางอากาศ ก่อนจะตกลงกระแทกพื้นสังเวียนอย่างหนักและรุนแรง

“ตึง!”

ร่างกายที่ใหญ่โตของไหน่ไชกับพื้นสังเวียนแนบชิดประสานกัน เกิดเป็นเสียงกระแทกดังลั่นให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแผดร้องน่าสังเวชดังออกมา ถัดจากนั้นก็เป็นเสียงร้องที่ยิ่งดังชวนน่าสังเวชยิ่งกว่าครั้งก่อน

“ตึง!”

อู๋ฝานไม่คิดปล่อยไหน่ไชไปง่าย ๆ เขาคว้าเท้าขวาของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเหวี่ยงร่างอีกฝ่ายขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็ฟาดลงใส่พื้นอีกด้านหนึ่งของสังเวียนอย่างรุนแรง

“ตึง!”

“ตึง!”

“ตึง!”

การถูกทุบลงกับพื้นสังเวียนดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงนั้นดังก้องในหูของผู้คน ร่างของไหน่ไชตอนนี้เปรียบดังกระสอบทราย ที่ถูกอู๋ฝานจับโยนเหวี่ยงเล่นฟาดพื้นไปมา ไหน่ไชเองในตอนนี้ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก ทำได้ก็เพียงกระอักเลือดออกมา พร้อมกับแผดเสียงร้องดังอย่างชวนสังเวช เขาที่อยู่ในกำมือของอู๋ฝาน ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ถูกฟาดเล่น

คนที่ชมเรื่องราวอยู่ต่างต้องตื่นตระหนก พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น ทั่วพื้นที่แห่งนี้ไม่มีเสียงอื่นใดปรากฏ นอกจากเสียงร่างของไหน่ไชที่ฟาดลงกับสังเวียน …ไม่มีเสียงอื่นใดแล้วจริง ๆ