ตอนที่ 236 หมีจากอาร์ตัวร์

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

236 ลูกค้าจากอาร์ตัวร์

 

การพูดคุยกับลิวิเซลใช้เวลานานพอสมควร

หลังจากใช้เวลาค่อย ๆ ดื่มชาสองแก้วช้า ๆ จู่ ๆ ฉันก็คิดขึ้นมาได้ว่า 

 

ฉันไม่เคยคิดเลยว่าเวลาที่ฉันจะสามารถสนทนาแบบปกติกับผู้ชายคนนี้จะมาถึง

 

ตอนที่ฉันทาถึงที่มาเวเลียเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกอะไรก็ดูน่าสนุกมากเลย แต่ก็อย่างที่คิดไว้ ฉันโกรธมากเมื่อมีคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฉันได้รับผลกระทบ

โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเด็ก ๆ มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถยอมรับได้ 

                    

――บางทีตอนนี้ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะพิจารณาถึงความสัมพันธ์กับมาเวเลียอีกครั้ง

 

“องค์ชาย ขอบคุณที่สละเวลามาพูดคุยกับฉัน แต่เรามาเริ่มหัวข้อหลักกันดีกว่าไหม”

 

“หัวข้อหลัก……? อ้า จริงสินะ”

 

ถูกต้องเลย เหตุผลที่เขามาถึงที่นี่คงไม่ใช่เพียงแค่พูดคุย และสร้างสันติเฉย ๆ

 

“เราได้ยินมาว่าในวันที่โรงเรียนทหารจักรกลเข้าสู่วันปิดเทอมฤดูหนาว มีผลลัพธ์ที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสำเร็จของเธอ――แต่คนอื่น ๆ เองก็ได้รับความช่วยเหลือจากเธอถูกไหม?”

 

อืม ดูเหมือนถ่ายทอดไปได้อย่างถูกต้องล่ะ

 

“หากการฝึกฝนยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ ฉันคิดว่าซิลจะสามารถแข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลได้ในฤดูร้อนหน้า ส่วนแคนจะตามทันไหม? แต่ถ้ามีเวลาทั้งปี ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เหตุผลที่ฉันเรียกคุณกับรองผู้การอิลก์มาในครั้งนี้ เพราะฉันต้องการให้พวกคุณแข็งแกร่งกว่าทหารจักรกลล่ะ ต่อให้พวกคุณเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อปกติแบบนั้นก็ตาม

 

――ยังไงก็ตาม ให้ฉันได้บอกจุดประสงค์ของฉันก่อน ฉันต้องการลดคุณค่าของทหารจักรกลลง ฉันอยากให้พวกคุณหยุดมองแต่ทหารจักรกล และเริ่มมองโลกภายนอกซะบ้าง”

 

จุดประสงค์จริง ๆ ของฉันคือการเปิดประเทศมาเวเลีย

หากไม่ทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้นก่อน ฉันก็คงไม่สามารถเริ่มขายเมจิกวิชั่นได้

 

ถ้าฉันยังไม่สามารถสร้างรากฐานที่นี่ได้ ก็จะไม่สามารถเชิญเจ้าชายลำดับที่สองของอาร์ตัวร์ ฮิเอโร่ มาได้

 

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะสร้างจุดเชื่อมโยงที่เราจะได้เจอกันในปีนี้

สำหรับการเปิดตัวเมจิกวิชั่น……อย่างเร็วที่สุดก็น่าจะเป็นปีหน้า หรือปีถัด ๆ ไป

 

“ต้องการลดคุณค่าของทหารจักรกล สินะ……”

 

ด้วยรอยย่นระหว่างคิ้ว ลิวิเซลวางมือบนคางและคิด

 

“……เมื่อปัญหาแมลงคลี่คลายแล้ว เราก็จะก้าวไปสู่การเมืองระดับประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในบรรดาทางเลือกเหล่านั้น……”

 

“นี่นรวมถึงสงครามด้วยใช่ไหม?”

 

“…………”

 

ครู่หนึ่งเขามองมาที่ฉันด้วยสายตาเฉียบคมที่เกือบจะฆ่าคนได้――แต่ทันใดนั้นเขาก็หายใจออกและหัวเราะออกมา

                                                    

“ไม่หรอก มีคนแบบเธออยู่นอกประเทศนี้มากมายสินะ? เรารู้แล้วว่าการเข้าไปท้าทายคนแบบพวกเขา ก็มีแต่จะพ่ายแพ้อยู่ฝั่งเดียว เราเรียนรู้เรื่องนั้นมาด้วยตัวเองแล้ว 

เราไม่มีความตั้งใจที่จะถอยห่างจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือเริ่มความสัมพันธ์ทางการฑูตภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เอื้ออำนวย แต่……บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องเริ่มสร้างมิตรภาพไว้บ้างแล้ว

อย่างน้อยเราก็ไม่อยากสร้างศัตรูอีกต่อไป ถึงจะอยากปฏิเสธแค่ไหนก็ตาม”

 

เมื่อพิจารณาว่านี่เป็นคำพูดของว่าที่ราชาองค์ต่อไป ฉันคิดว่าสามารถดึงคำพูดที่สำคัญบางคำออกมาได้ 

 

“ทว่านั่นมีเงื่อนไขว่า เราจะต้องแข็งแกร่างกว่าทหารจักรกลและแมลงด้วย

เนีย・ลิสตัน、คุณจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้หรือไม่?”

 

เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว

นั่นคือเหตุผลที่ฉันเรียกพวกคุณมา

 

――ด้วยเหตุนี้เอง ลิวิเซลกับอิลก์ก็กลายเป็นลูกศิษย์ของฉัน

 

 

 

 

 

 

สองเดือนผ่านไปนับตั้งแต่ตอนนั้นมา และมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น

 

อย่างแรก การฝึกฝน

ซิลเลน แคลนอลล์ยังคงเหมือนเช่นเดิม แต่ลิวิเซลกับอิลก์ซึ่งต่างก็ยุ่งอยู่กับงาน ใช่วิธีผลัดกันเข้าร่วม

 

พวกเขามีความก้าวหน้าค่อนข้างดี

เพราะว่าพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่งมาตั้งแต่ต้น พวกเขาจึงคว้า「คิ」ของตัวเองมาได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ฝึกฝนด้วยตัวเองในขณะที่ไม่สามารถมาอยู่ที่คฤหาสน์ได้

 

“――เด็กนั้นยังไงกัน……”

 

“――ลูกศิษย์ของน้องเองค่ะ ท่านพี่ชาย”

 

นอกจากนี้ การเติบโตของมิโตะก็น่าทึ่งมาก

 

แม้ว่าเธอจะยังขาดองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ร่างกาย เทคนิค และทัศนคติ แต่เธอก็สามารถเอาชนะลูกศิษย์หน้าใหม่ได้ เพียงแค่เสริมร่างกายให้แข็งแกร่งด้วย「คิภายใน」ดังนั้นจะบอกว่าน่ากลัวหรือจะบอกว่าน่าเชื่อถือก็ได้

 

นอกจากนี้ซิลเลนยังรับมิโตะเป็นลูกศิษย์ชั่วคราวอีกด้วย ฉันตัดสินใจไปแล้วว่าเด็กคนนั้นจะกลายเป็นลูกศิษย์ของฉันในสักวันหนึ่ง จึงยังพูดไม่ได้ว่าเป็นลูกศิษย์ของฉัน

 

“――มาแล้ว”

 

นอกจากนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้เรียกมา แต่ในวันหนึ่ง อีสก็แอบเข้ามาผสมโรงเริ่มฝึกจนเป็นส่วนหนึ่งของฉากการฝึกฝนไป

แล้วเธอยังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

 

 

การพัฒนารถม้าสามล้อกับม้าจักรกลเริ่มขึ้นเต็มรูปแบบแล้วเช่นกัน

เพราะว่าพวกเราสามารถตัดสินใจเกี่ยวโรงงานได้แล้ว จึงได้รับรายงานต่าง ๆ ทุกสัปดาห์

 

โดยเฉพาะรถสามล้อต้นแบบที่ถูกสร้างมาให้วิ่งได้ไม่เร็วมากนัก ได้ส่งมาถึงคฤหาสน์เพื่อให้ทดลองขับแล้ว

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามข้อเสนอแนะ เพื่อความสะดวกสบายในการขับ และจุดที่ไม่เป็นที่พอใจ

 

เพราะสุดท้ายก็ตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นเครื่องมือสำหรับเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้หาเงิน……แต่เรื่องนั้นก็ลอยออกจากมือฉันไปแล้วล่ะน๊า

ลิวิเซลเริ่มไปแล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่มีความชัดเจนว่าประเทศจะตอบสนองอย่างไร

ม๊า พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของอาคาชิแล้ว ดูแล้วน่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายในเวลานี้

 

แน่นอนว่าการพัฒนาของม้าจักรกลก็มีความก้าวหน้าเช่นกัน

นับตั้งแต่มีการสร้างต้นแบบรูปทรงขึ้นมา ดูเหมือนจะมีการปรับปรุงหลายอย่าง เช่น ตำแหน่งและวัสดุใดที่ควรใช้เพื่อให้ล้อหมุนได้ง่ายขึ้น วิธียึดเกาะพื้นที่ดีขึ้น เป็นต้น

 

ยังไงก็ตาม มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้นบ้าง

 

“――นั่นสิเน๊ ดูเหมือนว่าคนงานรุ่นเยาว์จะไฟลุกก๊าน”

 

จากคำบอกเล่าของอาคาชิ ดูเหมือนว่าจะมีช่างฝีมือหลายคนที่หมกมุ่นอยู่กับการพัฒนาม้าจักรกล ทำให้เหมือนจะมีข้อพิพาทภายในเวิร์กช็อปที่ทำสัญญาไว้

 

โดยสรุปคือ สถานการณ์ภายในแบ่งออกเป็นสองฝ่าย「นั่นคือควรพัฒนาฝั่งไหนก่อน ระหว่างรถสามล้อหรือม้าจักรกล」

 

“――อ้า ไม่เป็นร๊ายม๊ายเป็นร๊าย ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสำหรับช่างฝีมือที่จะประสบปัญหาแบบน๊าน เพียงแค่พวกเขามีความคิดที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการทำสิ่งที่ดีกว๊า”

 

เป็นอย่างงั้นเหรอ

ม๊า  โดยส่วนตัวแล้วฉันไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ตราบใดที่ม้าจักรกลนั้นถูกสร้างขึ้นเสร็ตตามเวลาที่แมลงเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง

 

 

 

วันเวลาเหล่านั้นได้ผ่านไป และก็มาถึงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ยังมีร่องรอยของฤดูหนาวหลงเหลืออยู่

 

“โย้ คุณหนู”

 

นี่เป็นครั้งที่สอง ที่อดีตกัปตันโจรสลัดอากาศ ลิกเนอร์ มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเป็นครั้งที่สอง

 

“ดีใจนะที่ยังดูดีอยู่ จ๊า เจอกัน!”

 

และก็กลับไปทันที

ครั้งนี้ก็เช่นเดิม ไม่มีเวลาแม้แต่ที่จะพักทานอาหาร เขานำจดหมายมาให้ฉัน

 

ทว่า ครั้งนี้ของฝากกลับแตกต่างออกไป

 

“――ไม่ได้เจอกันนานเลยนะขอรับ เนียโอโจ้ซามะ กระผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ท่านมีสุขภาพดี”

 

นอกจากสัมภาระที่บรรจุอยู่ในกล่องไม้ที่ถูกทิ้งไว้ ก็ยังมีดาลอน สุภาพบุรุษสูงอายุสวมชุดสูทที่อยู่เคียงข้างมาร์จู ประธานบริษัทเซโดนี

 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ จะพูดว่าคุณเป็นผู้ส่งสารจากบริษัทเซโดนีได้ไหมคะ?”

 

พูดตามตรง ฉันคิดแค่ว่าเขาเป็นพ่อบ้านของมาร์จูเท่านั้น

ฉันไม่คิดว่าประธานมาร์จูจะมาเองโดยตรงอยู่แล้ว แต่ ม๊า ฉันก็คิดในระดับหนึ่งว่าบางทีเขาอาจจะส่งทอร์คซึ่งเป็นลูกชายของเขามา

 

ฉันไม่ได้คาดหวังว่าคน ๆ นี้จะมา

อย่างแรกเลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาดำรงตำแหน่งอะไร

 

“ขอรับ คอลอนคนนี้ ได้รับความไว้วางใจให้มีอำนาจเต็มที่สำหรับกิจกรรมของเราที่นี่ขอรับ”

 

โห้ อำนาจเต็ม

นั่นหมายความว่า……เขาอาจจะเป็นบุคคลที่สำคัญมากในบริษัทเซโดนี

 

“ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบ การตัดสินใจว่าจะตั้งสาขาในมาเวเลียแห่งนี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในเรื่องนั้นครับ ถ้าเช่นไรก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยขอรับ”

 

“อืม ฉันรู้สึกว่ายังเร็วไปหน่อยที่จะพูดคุยกัน แต่ฉันขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของคุณค่ะ”

 

ฉันแค่เขียนจดหมายว่า「ณอยากจะเปิดสาขาที่นี่ไหม」เท่านั้นเอง

 

ฉันคิดว่าพวกเขาจะส่งผู้ตรวจสอบมาเท่านั้น แต่ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะให้คนที่มีอำนาจเต็มมาพิจารณาเปิดสาขาถึงที่นี่

 

มาเวเลียเข้มงวดกับชาวต่างชาติ

ด้วยเหตุนี้ บริษัทเซโดนีจึงหลีกเลี่ยงมาตลอด ทั้งการเปิดสาขา และการทำธุรกรรม

 

ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่มาจากลูกค้าเก่า แต่ก็ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะดำเนินการเร็วขนาดนี้……

 

“ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งเท่านั้นขอรับ หากมัวแต่ละเลย คุณจะถูกคู่แข่งทางธุรกิจเอาชนะได้”

 

และ ดาลอนก็หัวเราะอย่างอ่อนโยน

 

“เรื่องของเนียโอโจ้ซามะนั้นสำคัญเสมอขอรับ เพียงแต่ได้ฟังเรื่องราวการที่ต้องมาไกลขนาดนี้ก็คุ้มค่าแล้วขอรับ นั่นคือสิ่งที่นายท่านตัดสินใจ และกระผมก็เห็นด้วยกับเขา”

 

ฟุอืม เป็นอย่างงั้นสินะ

 

“จ๊า ถ้าอย่างนั้นเรามาคุยกันในตอนที่ทานอาหารกันเถอะค่ะ”

 

“ขอรับ กระผมอยู่ในความกรุณาของท่านแล้ว”

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-2186 มาก ๆ ครับ

ขอบคุณ คุณนิรนาม กสิกรไทย X-9699 มาก ๆ ครับ

ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

ขอบคุณงับ