กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?

“ท่านจ้าวตำหนัก นั่นเป็นมังกรโลหิต 5 กรงเล็บของเผ่าพันธุ์มังกร เฉวี่ยฉาน”

ในขณะที่ชายชราในชุดคลุมสีแดงเลือดกล่าวคารวะทักทายต้วนหรูเฟิง กู่มี่พลันส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดกล่าวบอกฐานะของอีกฝ่ายให้ต้วนหรูเฟิงทราบ “นอกจากนี้มันยังเป็นผู้คุมกฏของเผ่าพันธุ์มังกรอีกด้วย”

“ข้ามาหา ตี้จิ่ว ตอนนี้มันอยู่ไหน”

ต้วนหรูเฟิงมองมังกรโลหิต เฉวี่ยฉาน เบื้องหน้าค่อยกล่าวเสียงเรียบ

ตี้จิ่ว?

หากต้วนหรูเฟิงกล่าวบอกว่ามาหาผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรเฉวี่ยฉานคงไม่แปลกใจอะไร แต่พออีกฝ่ายบอกว่ามาหาตี้จิ่ว มันย่อมรู้สึกพิกลแล้ว

ตี้จิ่วแม้จะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บเหมือนผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร แต่มันก็ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่

ถึงแม้พลังฝีมือตี้จิ่วจะใช้ได้ แต่กระทั่งตัวมันเองพลังฝีมือยังนับว่าห่างไกลจากจ้าวตำหนักเมฆาครามลิบโลก…

“จ้าวตำหนักเมฆาคราม ข้าขอเรียนถามท่านได้หรือไม่ ว่าไฉนท่านถึงได้มาหาตี้จิ่ว?”

เฉวี่ยฉานกล่าวถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

มันย่อมสัมผัสได้ว่าท่าทางจ้าวตำหนักเมฆาครามจะไม่ได้มาดีเป็นแน่!

“เฉวี่ยฉานท่านจ้าวตำหนักข้ามาหาตี้จิ่วก็มาหาตี้จิ่ว เจ้าจะถามให้มากความทำอะไร! ท่านจ้าวตำหนักข้าต้องรายงานให้เจ้ารู้งั้นเหรอ?”

กู่มีกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยัน มองเฉวี่ยฉานด้วยสายตาหาเรื่อง

แม้เฉวี่ยฉานจะเป็นมังกรโลหิต 5 กรงเล็บ แต่กู่มี่ก็ไม่ได้หวาดกลัวมันแม้แต่น้อย อันที่จริงอีกฝ่ายยังเป็นคู่ปรับเก่าของมันด้วยซ้ำ ถึงแม้มันจะเอาชนะเฉวี่ยฉานไม่ได้ง่ายๆ แต่อีกฝ่ายก็ยากจะทำอะไรมันได้เช่นกัน!

“ข้าย่อมมิได้หมายความเช่นนั้น…”

หากมีแค่กู่มี่คนเดียวเฉวี่ยฉานจะไม่กลัวเลย ทว่าต่อหน้าต้วนหรูเฟิงแบบนี้ มันไม่กล้าฉุนเฉียวทำอะไรบุ่มบ่าม!

กู่มี่คนเดียวก็สามารถพัวพันรับมือมันได้แล้ว

น่ากลัว…ต้วนหรูเฟิงลงมือเพียงครั้งก็สยบมันได้ง่ายดาย

ครู่ต่อมาเฉวี่ยฉานพลันพบว่าต้วนหรูเฟิงไม่ได้เห็นหัวมันแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเลือกจะเมินคำถามมันแล้วพุ่งร่างข้ามหัวมันไปเสียดื้อๆ พุ่งตรงเข้าไปยังส่วนลึกถิ่นที่อยู่เผ่าพันธุ์มังกร!

ทันใดนั้นเองสำนึกเทวะอันทรงพลังก็แผ่พุ่งออกจากร่างต้วนหรูเฟิง พริบตาพื้นที่กว่าครึ่งของเผ่าพันธุ์มังกรก็อยู่ในความรับรู้ของต้วนหรูเฟิง คล้ายคนจะพลิกเผ่าพันธุ์มังกรทั้งเผ่าให้คว่ำลง เปิดเผยทุกสิ่งออกมาจนหมด!

สำนึกเทวะอันทรงพลังของต้วนหรูเฟิง ทำให้เฉวี่ยฉานถึงกับหน้าเปลี่ยนสี แม้สำนึกเทวะนั่นจะไม่ได้แผ่พุ่งมาที่มันตรงๆ ทว่าลมหายใจของมันถึงกับติดขัด ยิ่งมายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเล็กกระจ้อยร่อยเพียงใด

‘เสียงลือว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามต้วนหรูเฟิงผู้นี้แม้จะพึ่งผงาดขึ้นมายึดครองตำหนักเมฆาคราม แต่พลังฝีมือมิได้ด้อยไปกว่าท่านผู้นำ…บัดซบข่าวลือล้วนเหลวไหลทั้งเพ! พลังฝีมือมันเหนือกว่าที่ลือกันไว้หลายขุม!!’

เฉวี่ยฉานตะลึงลาน ในใจยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความหวาดกลัว

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่ต้วนหรูเฟิงเมินไม่เห็นหัวมัน ทั้งไม่ไว้หน้าเผ่าพันธุ์มังกรแม้แต่น้อย ทำให้เฉวี่ยฉานบังเกิดโทสะขึ้นมาทันที “จ้าวตำหนักต้วนท่าน…”

เฉวี่ยฉานที่คิดจะหยุดต้วนหรูเฟิง พลันถูกร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งพุ่งมาขวางเอาไว้ก่อน

“เฉวี่ยฉาน ไม่เห็นเจ้าหลายปี ให้ข้าดูหน่อยปะไร ว่าเจ้าก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว…”

ผู้ที่หยุดเฉวี่ยฉานย่อมเป็นกู่มี่

ร่างกายผอมแห้งในชุดคลุมลมดำ แววตาสีโคลนทอประกายเย็นเยือก มุมปากแสยะยิ้ม มือหนึ่งถือไม้เท้าควงไปมา อีกมือหักนิ้วเล่นดังกล็อกๆ ให้บรรยากาศราวกับคนพร้อมมีเรื่องได้ทุกเวลา พาลให้เฉวี่ยฉานตาขวางไปทันใด

หากมีเพียงกู่มี่คนเดียว เฉวี่ยฉานคงพุ่งไปรบกันให้รู้เรื่องแล้ว…

อนิจจาตอนนี้จุดประสงค์มันเพียงแค่คิดขัดขวางต้วนหรูเฟิง…แต่ในเมื่อทำไม่ได้ เช่นนั้นมันยังจะลงมือให้เจ็บตัวทำอะไร?

มันเลยไม่ได้บ้าจี้ลงมือกับกู่มี่

‘ไปหาท่านผู้นำ!’

ตอนนี้เรื่องเดียวที่เฉวียฉานคิดได้ก็มีเท่านี้ เพราะคนเดียวในเผ่าพันธุ์มังกรที่มีพลังสามารถพอจะหยุดต้วนหรูเฟิงได้ ก็มีแค่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนเดียวเท่านั้น!

เฉวี่ยฉานเพียงถลึงตามองกู่มี่ด้วยสายตาอาฆาตอีกครั้ง ก่อนที่จะพุ่งร่างหายไป

กู่มี่ก็ไม่ได้ตามมันไปแต่อย่างใด เพียงเร่งพุ่งร่างตามแผ่นหลังไวๆของต้วนหรูเฟิงไปทันที

“กู่มี่ เจ้าเคยเห็นเจ้าตี้จิ่วอะไรนั่นแล้วใช่หรือไม่? ลากคอมันมาให้ข้า!”

ใบหน้าต้วนหรูเฟิงแม้จะยังสงบเฉยเมย หากแต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยจิตฆ่าฟัน

มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บที่เรียกว่า ตี้จิ่ว นั่น…เกือบฆ่าบุตรชายมันตายแล้ว!

ในโลกใบนี้ในสายตาของต้วนหรูเฟิง มีเพียง 2 คนที่ไม่อาจมีใครมาแทนที่ได้ และนั่นคือลี่หรัว กับต้วนหลิงเทียน

ที่มันทิ้งต้วนหลิงเทียนไว้ในทวีปเมฆาล่อง ก็เพราะอยากให้บุตรชายวางรากฐานให้แน่นหนา ยามที่มาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าพลังฝึกปรือจะได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ มันคงพาต้วนหลิงเทียนมายังตำหนักเมฆาครามตั้งนานแล้ว

“ทราบ!”

กู่มี่รับคำแข็งขัน สองตาทอประกายเจิดจ้า เร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปค้นหาทันที

หลังจากที่ได้รับทราบว่า ตี้จิ่ว เกือบสังหารจ้าวตำหนักน้อย ใจมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดนัก!

นั่นเพราะตอนที่ตี้จิ่วเดินทางผ่านท่าบริเวณชายฝั่งทะเลตอนใต้หมายออกจากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันก็ได้ทักตี้จิ่วและสนทนากันพักหนึ่ง และเมื่อคิดว่าเป้าหมายของตี้จิ่วไม่ใช่จ้าวตำหนักน้อยมันจึงไม่ได้ขัดขวางอีกฝ่าย…

หากมันรู้แต่แรกว่าเป้าหมายของตี้จิ่วคือจ้าวตำหนักน้อย มันไม่มีวันปล่อยให้ตี้จิ่วพุ่งร่างลงใต้ไปแบบนั้น!

ด้วยความละอายใจในเรื่องนี้ กู่มี่จึงแผ่สำนึกเทวะออกไปเต็มกำลัง หมายหาตัวตี้จิ่วให้พบโดยเร็วที่สุด

ต้วนหรูเฟิงและกู่มี่ได้แผ่สำนึกเทวะออกมาตรวจสอบผู้คนไปทั่วอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเช่นนี้ ย่อมทำให้เผ่าพันธุ์มังกรรู้สึกได้ ตอนแรกพวกมันทั้งหมดก็มีโมโหทั้งเดือดดาลอยากออกมาสั่งสอนกู่มี่กับต้วนหรูเฟิงนัก

อย่างไรก็ตามพอพวกมันออกมาและแลเห็นว่าเหล่าอาวุโสในเผ่าพันธุ์ที่ลงมือไวกว่าพวกมัน กลับถูกอีกฝ่ายทุบตีคนละฝ่ามือก็สิ้นสภาพสู้รบ ทำให้พวกมันไม่กล้าทำอะไรสืบไป…

“พวกมันที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?!”

“พวกมันลงมือกับคนของเผ่าพันธุ์มังกรเราอย่างไม่เห็นหัวผู้ใด ยังทำราวกับออกมาเดินเล่นชมสวนหลังบ้าน…”

“อย่ายอมให้พวกมันหยามหน้าเราอีกเลย! พวกเราออกไปสู้มันเถอะ!!”

“สู้กับผีอันใด! เจ้าเห็นชายชราชุดดำผู้นั้นหรือไม่? ข้าว่ามันมิพ้นเป็นข้ารับใช้ของชายวัยกลางคนนั่น…ทว่าลำพังชายชุดดำตบฟาดออกมาฝ่ามือเดียว ก็เอาชนะมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บของเผ่าพันธุ์พวกเราได้ง่ายๆ”

“หากอาวุโส มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้งหลายมิลงมือ น่ากลัวว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถหยุดพวกมันได้!”

……

เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงกับกู่มือลงมืออย่างไม่ไว้หน้าใครและอุกอาจมากถึงเพียงใด คนในเผ่ามังกรก็ได้แต่คับแค้น ทว่าจนปัญญาจะทำอะไรได้ จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายตรวจสอบไปอย่างไม่อาจต้านทาน

ตอนนี้พวกมันทำได้แค่เฝ้ารอให้เหล่าอาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บออกโรง!

“ผู้ใดกัน!? กล้าบุกมาทำเรื่องบังอาจเพียงนี้ถึงเผ่าพันธุ์มังกร!!”

คล้ายสวรรค์ได้ยินคำภาวนาของคนในเผ่าพันธุ์มังกรหรืออย่างไรไม่ทราบ ไม่นานก็มีร่างกำยำหนึ่งพุ่งมาพร้อมเสียงประกาศกร้าวปานฟ้าผ่า หยุดขวางหน้าต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่เอาไว้ เป็นชายชราร่างใหญ่ในชุดสีเขียว…

ชายชราร่างใหญ่ผู้นี้ ลอยร่างค้างกลางหาวอย่างสง่างาม ในแววตายังเต็มไปด้วยประกายคมกล้า สภาวะร่างสงบเปี่ยมพลัง คล้ายไม่ได้รับผลกระทบจากความเดือดดาลหัวเสียแม้แต่น้อย!

“อาวุโสชิงเหยียน!”

“เป็นอาวุโสชิงเหยียนจริงๆ!!”

“อาวุโสชิงเหยียน เป็น 1 ในบรรดามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บของพวกเรา! ท่านต้องรับมือ 2 ตัวดีนั่นได้แน่!”

……

ทันทีที่ชายชราร่างกายกำยำปรากฏตัวขึ้น เหล่าคนในเผ่าพันธุ์มังกรก็กลับมามีกำลังขวัญแข็งกล้าอีกครั้ง พวกมันเลิกหวาดกลัวพลังอำนาจของผู้บุกรุกทันที

เมื่อโดนชายชราร่างหนาหยุดขวางเอาไว้ อดไม่ได้ที่คิ้วของต้วนหรูเฟิงจะขมวดขึ้นมาด้วยความขัดใจ! ตอนนี้ยิ่งหาตัวตี้จิ่วไม่เจอ อารมณ์ก็ยิ่งไม่ค่อยสู้ดีเป็นทุน!!

“ไสหัวไป!!”

กู่มีกลับเป็นผู้ที่โพล่งออกมาเสียงดังเสียก่อน ทั้งยังพุ่งร่างออกมาลงมือดื้อๆ! สะบัดไม้เท้าคราหนึ่ง พาลให้อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบตัวบังเกิดความเปลี่ยนแปลงทันใด! กระทั่งความว่างยังคล้ายจะถูกสะกด!!

ซัว! ซัว! ซัว!

……

ในอาณาบริเวณ 100 หมี่รอบตัวกู่มี่พลันปรากฏเถาวัลย์แห้งเหี่ยวผุดโผล่ชอนไชออกมาจากความว่าง! พริบตาร่างชราหนาใหญ่นามชิงเหยียนที่พึ่งมาถึง ก็ถูกเถาวัลย์แห้งเหี่วดังกล่าวรัดพัวพันไปอย่างที่ไม่อาจตอบสนองอันใดได้ทัน!!

หลังจากที่ถูกมัดร่าง ชิงเหยียนก็ไม่ใช่ไม่ต่อต้าน ทว่าให้มันเร่งเร้าพลังเท่าไหร่ก็ไม่อาจคลายการรัดกุมของเถาวัลย์แห้งๆนี่ได้เลย อีกทั้งพลังอำนาจทั่วกายยังถูกสะกดไว้ไม่อาจใช้ออก คิดคืนร่างที่แท้จริงยังทำไม่ได้!

“ขะ…เขตแดนเถาไม้แห้งเหี่ยว! จะ…เจ้าคือ กู่มี่ แห่งตำหนักเมฆาครามงั้นเหรอ!?”

ในขณะที่ชิงเหยียนกำลังตกตะลึงกับพลังอำนาจของเถาวัลย์แห้งเหี่ยวที่รัดพันรอบตัว มันก็คล้ายนึกอะไรได้ออก เร่งกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตาม กู่มี่ ไม่คิดจะสนใจอะไรมัน เพียงสะบัดมือคราหนึ่ง เถาไม้แห้งที่รัดพันร่างชิงเหยียนก็เหวี่ยงร่างมันออกไปดั่งลูกข่าง! ผู้ชราหมุนคว้างติ้วๆไม่ทราบกี่รอบ สุดท้ายค่อยชนกำผนังเขา ร่างจมฝังไปลึกมองเห็นเป็นหลุมดำ!

กู่มี่ที่เขวี้ยงร่างตัวเกะกะให้พ้นทางไปแล้ว ก็ลอยร่างรอกลงอากาศให้ต้วนหรูเฟิงนำเข้าไปด้านในต่อ

ในฐานะมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ชิงเหยียนย่อมมีความภาคภูมิใจในตัวเองไม่น้อย แต่วันนี้มันกลับถูกผู้คนไม่เห็นหัวทั้งเขวี้ยงทิ้งราวหมูหมา ยังจะให้มันทนไหวได้อย่างไร!?

ฮู่มมมม!!

เปรี๊ยงงง!!

ชิงเหยียนที่ร่างฝังลึกในเขาเดือดดาลถึงขีดสุด มันคำรามออกมาดังลั่นด้วยโทสะ ระเบิดพลังชั่วชีวิตออกมาอย่างเกรี้ยวกราด! พริบตาที่มวลพลังปะทุออก เขาลูกนั้นพลันแตกระเบิดออกทันที!!

ปรากฏเป็นร่างมังกรเทพยาดาสีเขียวตัวใหญ่มหึมายาวหลายร้อยหมี่ทะยานออกมาจากเศษซากขุนเขาขึ้นไปลอยค้างกลางหาว มองไปยังกรงเล็บพบว่ามันมีถึง 5 กรงเล็บ!

“อาวุโสชิงเหยียนคืนร่างที่แท้จริงเช่นนี้ ท่านหมายลงมือจริงจังฆ่าผู้บุกรุกแล้ว!”

เห็นฉากนี้ คนในเผ่าพันธุ์มังกรที่หน้าเสียเมื่อครู่ พลันเผยความตื่นเต้นเต็มไปด้วยความหวังออกมาอีกครั้ง

“ชายชราร่างผอมผู้นั้นที่แท้เป็นใครกันแน่…เมื่อครู่แม้จะเป็นการชิงลงมือก่อน แต่กลับรัดพันทั้งเขวี้ยงปาร่างอาวุโสชิงเหยียนไปได้ง่ายๆเช่นนี้ จนยั่วโทสะให้อาวุโสชิงเหยียนเดือดดาลได้ถึงขีดสุด…มิธรรมดาเลยจริงๆ”

คนของเผ่าพันธุ์มังกรหลายคนยังอดไม่ได้ที่จะตระหนักถึงเรื่องนี้

“เมื่อครู่หากข้าฟังไม่ผิด คล้ายอาวุโสชิงเหยียนจะสงสัยว่ามันคือ กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม…”

เผ่ามังกรคนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยความไม่แน่ใจ

“อะไร!? กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?”

เผ่าพันธุ์มังกรหลายคนหันมองหน้ากันเองทั้งส่ายหัว เห็นชัดว่าไม่เคยได้ยินนามดังกล่าว…ทว่ามีบางคนที่กลับหน้าดำคร่ำเครียด เงยหน้าขึ้นมองเรื่องราวบนฟ้าด้วยสายตาเป็นกังวล

“ข้าหวังว่ามันจักมิใช่กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม…หาไม่แล้ว อาวุโสชิงเหยียนจบสิ้นแน่!”

เป็นเหล่าอาวุโสมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บ ที่เคยได้ยินเสียงคำร่ำลือของกู่มี่มาก่อน!

“ท่านอาวุโส กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาครามร้ายกาจมากหรือ?”

ทันใดนั้นรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์มังกรหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

“กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม ไม่ว่าจะฐานะหรือพลังฝีมือกล่าวไปมิได้ต้อยต่ำไปกว่า ท่านอาวุโสผู้คุมกฏของเผ่าพันธุ์มังกรเรา…อาวุโสเฉวี่ย! เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วอาวุโสเฉวี่ยปะกะกับกู่มี่นับสิบครั้ง…ทว่าผลลัพธ์กลับทำได้แค่เสมอ!”

หนึ่งในอาวุโสมังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“อะไรนะ!?”

และวาจานี้ของมัน นับว่าทำให้คนในเผ่าพันธุ์มังกรที่ได้ฟังตื่นตระหนกไปทันที

ในฐานะคนในเผ่าพันธุ์มังกร พวกมันรู้ดีว่าอาวุโสผู้คุมกฏแห่งเผ่าพันธุ์มังกร อย่างอาวุโสเฉวี่ยฉานนั้นร้ายกาจปานใด…พลังฝีมืออาวุโสเฉวี่ยฉานจัดอยู่ใน 3 อันดับแรกของเผ่าพันธุ์มังกร!

ทว่าตัวตนเช่นนั้นกลับทำได้เพียงสู้เสมอกับกู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม?

‘หวังว่าตาแก่นั่นมันจักมิใช่กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาครามจริงๆ…’

ทันใดนั้นคนในเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหลายก็ลอบภาวนาในใจอย่างลับๆ

อนิจจาคำภาวนานี้ของพวกมันถูกกำหนดให้ล้มเหลว

เพราะเวลาเพียงแค่พริบตา ร่างชิงเหยียนในรูปลักษณ์มังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ ก็ถูกกู่มี่ลงมือซัดไป 10 กระบวนท่าจนทั่วกายยับเยิน!

ตูมมมม!!

เสียงสนั่นลั่นดังขึ้นอีกครั้ง ทุกผู้คนในเผ่าพันธุ์มังกรได้แต่ชมมองร่างชราในชุดคลุมลมดำอันผ่ายผอมลอยร่างค้างกลาวหาวอย่างไร้แยแส…

กลับกัน อาวุโสชิงเหยียนที่พวกมันมั่นใจก่อนหน้า…ตอนนี้ถูกซัดร่วงฟ้าตกลงมากระแทกเขาลูกหนึ่งอย่างแรงปานอุกาบาตถล่ม! พาลให้ขุนเขาลูกที่ 2 พังทลายตามลูกแรกไปติดๆ พื้นใต้เท้ายังสั่นสะเทือนไปปานแผ่นดินไหวครั้งใหญ่!