บทที่ 208 รวมถึงมื้อนี้

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 208 รวมถึงมื้อนี้

บทที่ 208 รวมถึงมื้อนี้

ซูโย่วอี๋ร้องไห้อย่างหนักจนหัวของเธอหนักอึ้ง เธอรู้สึกเพลียมากแต่ก็นอนไม่หลับ เธอพลิกไปพลิกมาอยู่อย่างนั้นจนหลับไปในที่สุด แต่ไม่นานเสียงจากห้องข้าง ๆ ก็ทำให้เธอตื่นขึ้นมา

แรก ๆ เสียงยังไม่ดัง แต่ผ่านไปสักพักมันก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้ชายคนนั้นหอบหายใจอย่างหนัก

หญิงสาวพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับเสียงครวญครางที่เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอ

ซูโย่วอี๋หลับต่อไม่ได้ เธอเลยลุกขึ้นจากเตียงแล้วเทน้ำดื่มหนึ่งแก้ว

อวิ๋นเหมี่ยวอยู่ห้องข้าง ๆ เธอ

และตอนนี้ซูโย่วอี๋เพิ่งรู้ว่าแฟนของอวิ๋นเหมี่ยวมาหา

ทำให้หญิงสาวทั้งโมโหและเขินอายในเวลาเดียวกัน

ครั้งล่าสุดที่เธอกับลู่เฉิน… มันคงไม่ถึงขนาดนี้ใช่ไหม

คงไม่หรอก!

ไม่งั้นคงได้อายคนแน่!

“จิ้งจอกเน่า นายช่วยปิดเสียงห้องข้าง ๆ ได้ไหม”

จิ้งจอกเน่ารู้สึกโล่งใจที่เห็นว่าในที่สุดเธอก็เลิกเศร้า [เดี๋ยวฉันจัดการเอง]

ในที่สุดหูก็เงียบ

ตอนนี้ซูโย่วอี๋หิวมากจนนอนไม่หลับ เธอมองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสองพอดี

เธอรู้สึกเหมือนจะตาย

หิวจนไส้กิ่ว

โชคดีที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางไว้ ขณะที่รอน้ำเดือด ซูโย่วอี๋ก็เลือกรสชาติที่ชอบออกมา

เมื่อน้ำเดือดเธอก็ใส่ทุกอย่างลงไป กลิ่นของกะหล่ำปลีดองโชยออกมา ทำให้เธอน้ำลายสอ

หอมมาก

เธอม้วนเส้นรอบ ๆ ส้อมพลาสติก แล้วยัดเข้าปากคำใหญ่

ติ๊ด

เสียงประตูดังขึ้น!

ซูโย่วอี๋มองไปที่ประตูขณะที่เธอกำลังเคี้ยวอยู่เต็มปาก อะไรกันเนี่ย!

ใครจะมาเปิดประตูเธอกลางดึกอย่างนี้!

โชคดีที่เธอล็อคประตู

พอมีคนผลักประตู มันเลยไม่เปิด

ซูโย่วอี๋ซ่อนตัวอยู่หลังประตูพร้อมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “รีบไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะโทรแจ้งตำรวจ”

คนดี ๆ ที่ไหนจะมาพยายามเปิดประตูห้องคนอื่นกลางดึกกัน

ลู่เฉินหยุดการกระทำชั่วคราว “โย่วอี๋”

“ลู่เฉิน?”

“ผมเอง”

ซูโย่วอี๋แง้มประตูออกเล็กน้อยเพื่อยืนยันว่าเป็นลู่เฉินที่เป็นคนพยายามเปิดประตู

ส่วนลู่เฉินก็จ้องมองมาที่เธอ ซูโย่วอี๋สวมชุดนอน ผมของเธอยุ่งเหยิงและเธอถือถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในมือ

เขาปิดประตูแล้วเอื้อมมือไปหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ร้อนไหม”

ซูโย่วอี๋มองลงไปก็พบว่ามือของเธอแดง “จู่ ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงคนพยายามเปิดประตู ฉันก็เลยตกใจมาก”

“กลัวขนาดนี้ยังถือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาด้วยเหรอ?”

“หิวเหรอ” ซูโย่วอี๋ดูเขินอาย

ลู่เฉินถอดเสื้อสูทออกแล้วแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าอย่างลวก ๆ จากนั้นจ้องมองไปที่เธอ “คุณอยากกินอะไร ผมจะให้คนทำให้”

“ไม่เป็นไร มันดึกแล้ว ฉันไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน”

ลู่เฉินพูดออกมาง่าย ๆ “ใช้เงินแก้ปัญหามันทำให้สบายใจขึ้นนะ บอกผมมาเถอะว่าคุณอยากกินอะไร”

ซูโย่วอี๋ไม่กล้าบอกเขา แต่ลู่เฉินก็ยังคงถามเธออยู่อย่างนั้น

“ไก่ทอดไหม?”

“หรือพิซซ่า?”

“ปลาย่างล่ะ?”

“สเต็ก?”

“ปูนึ่ง?”

“หมาล่าเซียงกัว*[1]?”

ทั้งหมดที่พูดมานี่ไม่ใช่อาหารโปรดของลู่เฉิน แต่เป็นอาหารแคลอรีสูงที่ซูโย่วอี๋เคยชอบมาก

เธอกลืนน้ำลายด้วยหัวใจที่เต้นระรัว แต่เธอคิดว่าต้องรอนานกว่าจะได้กิน อาจต้องใช้เวลาถึงตีสาม กว่าจะกินเสร็จก็คงตีสี่

เหมือนกินอาหารเช้าเลย

“หยุดพูดนะ ฉันไม่อยากกินจริง ๆ ฉันอยากนอนมากกว่า”

“งั้นเหรอ”” มุมปากของลู่เฉินยกยิ้มขึ้น “แมวน้อยจอมขี้เกียจของผมอยากนอนแล้วงั้นเหรอ”

ซูโย่วอี๋เกือบสำลักบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เธอเพิ่งกลืนลงคอ คำว่านอนระหว่างเธอกับเขามีความหมายเดียวกันหรือเปล่า?

มันเหมือนไม่ใช่แบบที่เธอคิดเลย

จากนั้นลู่เฉินก็รีบอาบน้ำ เขาสวมชุดนอนออกมาแล้วเข้านอน

กลิ่นหอมของเจลอาบน้ำและร่างกายที่ยังมีไอน้ำเกาะผสมผสานกับกลิ่นกาย

ลู่เฉินดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาอย่างเคยชินโดยเอาคางเกยไว้บนศีรษะของเธอ “โย่วอี๋ วันนี้คุณอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่า”

ซูโย่วอี๋โอบแขนของเธอไว้รอบเอวของลู่เฉินและฝังใบหน้าของเธอไว้แนบอกของเขาอย่างออดอ้อน ฟังเสียงหัวใจเต้นแรงของเขา “ฉันไม่เป็นไร”

“เพราะการถ่ายทำเหรอ?”

“อืม มันเป็นเพราะฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคนอื่น”

ซูโย่วอี๋เงยหน้าขึ้น “เหมยเหมยเป็นคนบอกคุณเหรอ”

มือเรียวของลู่เฉินยกคางของเธอขึ้น และริมฝีปากบางของเขาก็แตะริมฝีปากของเธอเบา ๆ “ครั้งหน้าคุณต้องบอกผมด้วยตัวเอง รู้ไหม”

“ลู่เฉิน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังคุณนะ ตอนนั้นอารมณ์ของฉันเหมือนแตกสลาย แต่ฉันต้องรีบไปถ่ายทำก่อนที่จะจัดการกับมันได้ คุณรู้ไหม การถ่ายทำต้องควบคุมอารมณ์มากแค่ไหน และฉันก็เกือบแย่กับอารมณ์เลวร้ายพวกนั้น”

ซูโย่วอี๋ทำหน้ามุ่ย “แต่สุดท้าย ฉันก็ควบคุมมันไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ”

ลู่เฉินถอนหายใจเล็กน้อย “คุณไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น”

แม้ว่าเธอจะลำบากแค่ไหน เขาก็จะคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง

ซูโย่วอี๋เข้าใจความคิดของเขาเกือบจะทันที “ฉันไม่ต้องการให้คุณเป็นคนปกป้องฉันอยู่ฝ่ายเดียวนะ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถยืนเคียงข้างคุณได้ในฐานะซูโย่วอี๋ที่พร้อมจะให้ความมั่นใจและสนับสนุนคุณได้เช่นกัน”

“อย่างที่ผมบอก ผมจะสนับสนุนคุณในสิ่งที่คุณทำ แต่มีอยู่อย่างหนึ่ง คุณอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป”

น้ำเสียงของลู่เฉินจริงจัง “คุณสามารถโดดเด่นในฐานะซูโย่วอี๋ได้ แต่ผมจะคอยสนับสนุนคุณเสมอ และคุณก็จะยอมแพ้เมื่อไหร่ก็ได้ ผมยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน”

ดวงตาของซูโย่วอี๋ร้อนผ่าว ฉากการถูกทรมานในคุกใต้ดินฉายขึ้นมาในหัวของเธออีกครั้ง ซ้อนทับกับภาพของลู่เฉินที่อยู่ตรงหน้าเธอ ความรู้สึกคับแค้นในใจก็พุ่งสูงขึ้น จากนั้นน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของหญิงสาว

“ลู่เฉิน ทำไม… คุณพูดเก่งจัง… พวกคำพูดหวาน ๆ เลี่ยน ๆ อะไรแบบนี้”

เขามักจะทำให้เธอซึ้งใจเสมอ

ลู่เฉินทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเธอบ่อน้ำตาแตก เขาจึงจูบซับน้ำตาของเธอทีละหยด ๆ “แล้วทำไมคุณร้องไห้เก่งจัง”

ทุกครั้งที่เธอร้องไห้ มันทำให้เขารู้สึกเป็นทุกข์มาก

ซูโย่วอี๋สะอึก “นอน… นอนเถอะ”

ลู่เฉินจูบหน้าผากของเธอ “ฝันดีนะโย่วอี๋”

“ฝันดีนะลู่เฉิน”

ทั้งสองผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

ซูโย่วอี๋ถูกปลุกด้วยเสียงบางอย่าง เมื่อเธอลืมตาขึ้นก็เห็นว่าลู่เฉินคุยโทรศัพท์อยู่

“ตอนนี้เธออยู่ไหน”

“อะไรกันประธานลู่ นายไม่รู้ว่าเหรอว่าฉันอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ว่านายส่งฉันมาที่โม่เป่ยเพื่อทำอาหารให้ภรรยาสุดสวยของนายเหรอ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ทำเลยนะ เอาหมาล่าเซียงกัวหนึ่งแล้วก็ทำโจ๊กธัญพืชมาสักถ้วย”

“นี่มันเพิ่งกี่โมงเอง! นายกดขี่พนักงานเหรอ! อีกอย่าง ตอนเช้าแบบนี้ใครเขาจะมากินอะไรเลี่ยน ๆ กัน”

ลู่เฉินได้ยินเหมือนเสียงอะไรเคลื่อนไหวมาจากไกล ๆ

ลู่เฉินปิดลำโพงและมองไปที่ซูโย่วอี๋ เขาพบว่าคนบนเตียงตื่นแล้ว

เขาทำหน้าไม่ถูก “ไป๋เสิ่นเฉียว ไม่มีใครบ่นเรื่องความน่ารำคาญของเธอเลยเหรอ?”

“เอาตามนี้แล้วกัน ไว้ค่อยมากินอาหารเช้าด้วยกัน”

หลังจากพูดจบเขาก็วางสายไป

ไป๋เสิ่นเฉียวดูสับสน ลู่เฉินมาที่โม่เป่ยเหรอ?

ถึงปากบ่นแต่การลงมือทำไวมาก!

เธอรีบลุกขึ้นและรีบไปที่ห้องครัวทันที

ส่วนซูโย่วอี๋ที่ยังไม่ตื่นดียังกอดผ้าห่มแน่น

แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขาดช่วงราวกับกำลังละเมอ “คุณคุยกับใคร”

ลู่เฉินแต่งตัวเต็มยศแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขานั่งลงข้างเตียงและยีผมของเธอ “เพื่อนสนิทของผมตอนสมัยเรียนมหาลัย เธอเป็นคนดี เดี๋ยวถ้าคุณเจอคุณก็จะรู้”

“คุณนอนต่ออีกหน่อยไหม”

ดูเหมือนซูโย่วอี๋ยังไม่อยากจะตื่น แต่โดนปลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“คุณให้เพื่อนของคุณทำอาหารเหรอ”

ลู่เฉินยิ้ม “เธอเป็นเชฟ เธอทำอาหารให้คุณกินมาหลายวันแล้ว รวมถึงมื้อนี้ด้วย”

[1] หมาล่าเซียงกัว (麻辣香锅) คือ หมาล่าผัดแห้ง อาหารจีนสไตล์เสฉวน