ตอนที่ 226 ของขวัญจากเจียงจิ่นเวย

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 226 ของขวัญจากเจียงจิ่นเวย

ตอนที่ 226 ของขวัญจากเจียงจิ่นเวย

ของขวัญ?

“หวังดีประสงค์ร้าย” จวงหว่านบ่น

ทุกคนรู้ว่าครั้งล่าสุดที่ซูเจิ้งหลันมาเขาพูดอะไร

ในขณะที่เขามาขอความเมตตา ก็เอาแต่พูดจามุ่งร้าย อีกทั้งยังมีการพูดมั่วซั่วว่าเถ้าแก่ของพวกเขาพึ่งพาผู้ชายเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ

แม้ว่าเมิ่งเสี่ยวป๋อจะทึ่ม แต่เขาก็ไม่ได้โง่ เขากล่าว่า

“เถ้าแก่ ขอแค่สั่ง แล้วผมจะลงไปจัดการเขาทันที”

ซูเถาโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ

“งั้นคุณไปเถอะ อ้อ แล้วก็ไม่ต้องไปอธิบายอะไรให้เขาฟังนะ มันเสียเวลา”

นั้นจึงทำให้เมิ่งเสี่ยวป๋อเดินออกไปด้วยท่าทางที่เย่อหยิ่ง และเมื่อเขาไปถึงประตู เขาก็ขับไล่ซูเจิ้งหลันออกไป และเตือนด้วยสายตาที่เบิกกว้าง

“อย่ามาที่นี่อีก ที่นี่ไม่มีงานที่เหมาะสมสำหรับคุณ อีกอย่าง…คุณซูของพวกเราไม่สนใจของขวัญของคุณ”

ซูเจิ้งหลันถูกเขาผลักออกไป เมื่อคิดว่าเขาถูกปฏิเสธแบบนี้หลายต่อหลายครั้ง และเมื่อนึกถึงความอยุติธรรมและความอัปยศอดสูที่เขาได้รับที่ประตูเถาหยาง ความโกรธก็พุ่งขึ้นในใจของเขา

เขาผลักเมิ่งเสี่ยวป๋อคืน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ผลักแรงมาก แต่เขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

“ฉันขอเตือนว่าอย่ามายั่วโมโหฉัน ฉันลืมบอกไป พี่สาวคนโตของฉันกลับมาแล้ว แล้วนายรู้ไหมว่าพี่เขยคนปัจจุบันของฉันคือใคร เขาเป็นรองหัวหน้าของฐานซินตู ซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่ที่สุดในทางใต้! และฉันยังได้ยินมาอีกว่าการประชุมสุดยอดพันธมิตรฐานทางใต้ พี่เขยของฉันเป็นเจ้าภาพ!”

“ที่ฉันมาวันนี้ ก็เพื่อมามอบสิ่งดี ๆ แทนพี่สาวของฉัน ฝากนายไปบอกเธอด้วยล่ะว่าไม่ต้องเกรงใจ!”

ขณะที่เขาพูด เขาก็วางกล่องของขวัญในมือลงกับพื้นและจากไปพร้อมกับเสียงปึงปัง

เมิ่งเสี่ยวป๋อรู้สึกงุนงงเมื่อได้ยินแบบนั้น แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับไปพร้อมกับกล่องของขวัญ

จวงหว่านและเฉียนหรงหรงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกล่องของขวัญ

“เอาของขวัญมาให้จริง ๆ เหรอ มันคืออะไร”

เมื่อเห็นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา ซูเถายิ้มและพูดว่า “แกะได้เลยค่ะ”

จากนั้นเธอก็หันไปหาเมิ่งเสี่ยวป๋อ “เขาพูดอะไรหรือเปล่า”

เมิ่งเสี่ยวป๋อเกาหัว “เขาพูดว่าอะไรนะ ว่าพี่สาวของเขากลับมาแล้ว และดูเหมือนว่าพี่สาวของเขาจะคบอยู่กับคนที่มีอำนาจ เขาพูดหลายอย่างมาก ผมไม่เข้าใจ”

ซูเถาประหลาดใจ

พี่สาว?

เจียงจิ่นเวยกลับมาแล้วเหรอ?

ถังโต้วอายุเกือบสี่ขวบแล้ว เธอยังจะไปหาผู้ชายที่มีอำนาจอะไรอยู่อีก?

เมื่อเห็นว่าเมิ่งเสี่ยวป๋อจำไม่ได้ ซูเถาจึงนำภาพกล้องวงจรปิดมาดูใกล้ ๆ เธอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินซูเจิ้งหลันพูดว่า “รองหัวหน้าฐานซินตู และการประชุมสุดยอดพันธมิตรฐานทางใต้”

ได้ยินมาว่าเจียงจิ่นเวยหนีไปกับผู้นำของฐานเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ?

ผ่านไปเพียงครึ่งปี เธอก็คบหากับรองหัวหน้าฐานซินตูแทน?

และการประชุมสุดยอดพันธมิตรทางใต้ เธอรู้เรื่องนี้เพราะเมื่อปีที่แล้วสือจื่อจิ้นได้เข้าร่วมการประชุมในนามของตงหยาง

ทุกปีจะมีผู้ร่วมงานเป็นผู้นำ ผู้มีอำนาจ นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง กองคาราวาน หรือแม้แต่บุคคลที่มีชื่อเสียงจากที่ต่าง ๆ ในภาคใต้

ในปีนี้ตงหยางได้รับชื่อเสียงมากมายจากน้ำและเชื้อเพลิง และฐานต่าง ๆ ทางตอนเหนือหลายแห่งก็เคยได้ยินเรื่องนี้ ดังนั้นที่ประชุมสุดยอดพันธมิตรภาคใต้จึงอนุมัติโควตาพิเศษอีกสามแห่งสำหรับตงหยางรวมเป็นหกสิทธิ์

โควตาออกมาเมื่อวานนี้ เผยตงได้โทรหาเธอเพื่ออธิบายเรื่องราว ตงหยางได้สิทธิ์พิเศษมาสามโควตา และมันจะถูกมอบให้แก่เธอ ซึ่งเธอสามารถพาคนไปด้วยได้

ซูเถาคิดถึงเรื่องนี้และเห็นด้วย

การไปถึงจุดสุดยอดนี้มีประโยชน์หลายอย่าง และอาจจะมีการสั่งซื้อเสบียงจำนวนมาก ทำให้เธอได้รับผลึกนิวเคลียส

หากสิ่งที่ซูเจิ้งหลันพูดเป็นความจริง เธออาจได้พบกับเจียงจิ่นเวยในที่ประชุม

เจอก็เจอ แต่อย่ามาวุ่นวายกันก็พอ

“พี่เถาจื่อ ของขวัญชิ้นนี้คืออะไร อาหารเหรอ?” เฉียนหรงหรงถามอย่างสงสัย

ซูเถาเดินตามเสียงและเดินไปดูในกล่องของขวัญ ข้างในมี… สตรอว์เบอร์รี?

แต่ทำไมมันขาวจัง

จวงหว่านหยิบมันขึ้นมาและดมมัน “มันเป็นสตรอว์เบอร์รี”

เธอใช้สมองเพื่อระลึกถึง

“มันน่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รีสีขาว ฉันเคยเห็นมันในร้านขายผลไม้ก่อนวันสิ้นโลก มันหายากจริง ๆ ก่อนวันสิ้นโลกก็มีราคาแพงมาก ยิ่งวันสิ้นโลกมาถึงก็ยิ่งหายากไปกันใหญ่”

เฉียนหรงหรงนั่งยอง ๆ ข้างกล่องของขวัญและดมกลิ่น จากนั้นพูดด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “กลิ่นหอมมาก”

ซูเถาหยิบมันขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วดมมัน มันหอมมาก ๆ เหมือนสตรอว์เบอร์รีแต่เธอไม่เคยเห็นสตรอว์เบอร์รีสีขาวมาก่อน

เช่นเดียวกับเฉียนหรงหรง เธอเป็นเด็กที่เกิดหลังวันสิ้นโลก และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าซูเจิ้งหลันและเจียงจิ่นเวยส่งสตรอว์เบอร์รีกล่องนี้ให้เธอมันหมายความว่าอะไร

ก็แค่อวด อวดว่าฉันมีชีวิตที่ดี อวดว่าฉันเป็นเจ้าคนนายคน ฉันอยากให้เธออิจฉา ทำให้เธอเสียใจที่จากครอบครัวซูไป

ซูเถาหัวเราะออกมาดัง ๆ อย่างไม่อายใคร

ดังนั้นเธอจึงหันไปหาเมิ่งเสี่ยวป๋อแล้วพูดว่า

“เสี่ยวป๋อ รบกวนคุณไปตามอู๋เจิ้นมาที่นี่หน่อย สิ่งนี้น่าจะทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก”

เมิ่งเสี่ยวป๋อรีบออกไป และอู๋เจิ้นก็มาถึงภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เมื่อเขาเห็นกล่องสตรอว์เบอร์รีสีขาว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

“พายเบอร์รี! ผมเคยคิดจะหามันนะ แต่ก็ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน มันไม่ง่ายเลยที่จะปลูกสิ่งนี้หลังจากวันสิ้นโลก มันหายาก แต่มันอร่อย เถ้าแก่ คุณได้มันมาจากไหนเหรอ?”

ซูเถายิ้ม “มันเป็นของขวัญจากคนอื่น แล้วคุณปลูกมันได้ไหม”

ทันทีที่คำถามนี้ออกมา ทุกคนในสำนักงานก็มองไปที่อู๋เจิ้นอย่างมีความหวัง

สตรอว์เบอร์รีสีขาวนี้ดูน่าอร่อย!

เพียงครู่เดียว ห้องทำงานก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของผลไม้

อู๋เจิ้นพยักหน้าอย่างแรง “ไม่มีปัญหา แค่… คุณต้องสร้างห้องเรือนกระจกที่เล็กลง”

ซูเถามีความสุขมากและโบกมือ “ได้สิ ไว้พรุ่งนี้หรือวันมะรืนฉันจะสร้างให้คุณ ต้องการพื้นที่เท่าไหร่”

อู๋เจิ้นรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “เรื่องนี้ผมตัดสินใจได้เหรอ”

แน่นอนว่าเขาให้ความสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

ซูเถาสะอึกและนับจำนวนผลึกนิวเคลียสในมือของเธอ

“…ไม่เกิน 500 ตารางเมตร คุณคิดว่ายังไง”

อู๋เจิ้นเงียบไปพักหนึ่ง “…แล้วถ้า 500 ตารางเมตรล่ะ”

ซูเถายอมรับพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้าเธอ

แบบนี้ผลึกนิวเคลียสในมือของเธอก็จะเหลือเพียงอันเดียว

โชคดีที่เธอรู้ว่าคำสั่งซื้อทางนู้นได้เริ่มเตรียมการแล้ว และลูกค้าจะชำระผลึกนิวเคลียสเมื่อเขาได้รับสินค้า

นอกจากนี้เธอก็จะได้รับผลึกนิวเคลียสเป็นจำนวนมาก

ซูเถาขอให้อู๋เจิ้นนำกล่องสตรอว์เบอร์รีออกไป

อู๋เจิ้นส่ายหัว เขาหยิบมาหนึ่งลูกและบรรจุในถุงที่ปิดสนิทอย่างระมัดระวัง

“ลูกเดียวพอ ที่เหลือกินกันเถอะ ผลไม้ชนิดนี้เก็บรักษาไม่ง่ายนัก มันจะนิ่มภายในวันหรือสองวัน”

จวงหว่านถามด้วยความสงสัย “ปลูกได้กี่ต้น”

อู๋เจิ้นมั่นใจในความสามารถของเขามาโดยตลอด “ให้เวลาผมหน่อย แล้วมันจะอยู่กับพวกคุณไปทั้งชีวิต”

ทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง

ซูเถาจึงแบ่งให้พวกเขาคนละนิดคนละหน่อย แม้แต่หลิวพ่านพ่านและเจิ้งซิงก็ได้รับไปคนละลูก

เจิ้งซิงไม่เคยเห็นสตรอว์เบอร์รีธรรมดา ๆ มาก่อน นับประสาอะไรกับพายเบอร์รี หลังจากได้มันมา เขาจ้องมองมันเป็นเวลานาน และในที่สุดก็เก็บมันใส่ถ้วยเพื่อนำกลับไปให้คุณย่าของเขาชิม

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ผู้อาวุโสเหม่ยก็หยิบของตัวเอง ก่อนที่จะล้างแล้วยัดเข้าไปในปากของลูกศิษย์ตัวน้อย แล้วลูบหัวเขาด้วยรอยยิ้ม

“ฉันไม่ชอบกิน ฉันจะให้นาย ไม่งั้นจะเสียของเปล่า ๆ”

เจิ้งซิงลังเลที่จะเคี้ยว และมองอาจารย์ด้วยดวงตาเบิกกว้างเป็นเวลานาน ราวกับว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่าง ดวงตาของเขาซาบซึ้งกับสิ่งที่ได้รับ เขาพยักหน้าและเริ่มเคี้ยวช้า ๆ

กลิ่นหอมหวานละลายในปากของเขา หวานจนทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น