บทที่ 221 เยี่ยมเยียน

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 221 เยี่ยมเยียน

บทที่ 221 เยี่ยมเยียน

หอผู้ป่วยใน

หยวนซือเจียนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย เธอแอบฟังการสนทนาระหว่างผู้ป่วยที่อยู่เตียงถัดไป

สมาชิกในครอบครัวของเขาชื่นชมหมอโจวตลอดเวลา ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด

ผู้ป่วยเตียงถัดไปได้รับการแนะนำมาจากโรงพยาบาลอื่น ๆ พวกเขาคุยฟุ้งไปทั่วว่าหมอโจวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่ยาก ๆ

ทว่าวันนี้หมอโจวรักษาคนไข้มาแล้วหลายคน แต่เขาไม่ได้รักษาแม่ของเธอ เขาไม่ได้วินิจฉัยโรคของแม่เธอเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้เธอผิดหวัง

ผู้ป่วยเกือบทุกรายที่ได้รับการรักษาจากหมอโจวต่างก็ชื่นชมหมอโจว

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเป็นห่วงแม่ของเธอมากขึ้น แม่ของเธอเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ซึ่งแม้แต่หมอโจวก็รักษาไม่ได้?

ก๊อก ก๊อก…

ประตูถูกเคาะ

โจวอี้สวมเสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามาในวอร์ดด้วยรอยยิ้ม

“อุ๊ย นั่น หมอโจว!” สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยเตียงถัดไปกล่าวอย่างตื่นเต้น

“สวัสดีครับ!” โจวอี้ยิ้มและพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ชายชราที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณควรดูแลตัวเองให้ดี หลังจากที่ผมฝังเข็มให้คุณอีกสองครั้ง คุณก็สามารถออกจากโรงพยาบาลและกลับบ้านได้เลย”

“ขอบคุณ ขอบคุณ หมอโจว” ชายชรากล่าวอย่างยินดี

“ยินดีครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว” โจวอี้พูด จากนั้นก็มองไปที่หญิงชราบนเตียงข้าง ๆ ที่หยวนซือเจียนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง

“หมอโจว แม่ของฉันเป็นอะไรกันแน่?” หยวนซือเจียถามขึ้นทันที

“ผมยังไม่อาจยืนยันได้ ต้องรอจนกว่าแม่ของคุณจะอาการกำเริบอีกครั้งเท่านั้น ผมถึงจะสามารถตัดสินได้แม่นยำกว่านี้ว่าเธอเป็นอย่างที่ผมคิดไหม” โจวอี้กล่าว

“ที่คุณคิดคืออะไร?”

“ผมยังไม่สามารถพูดได้ถ้ายังไม่มั่นใจ แต่ผมสามารถบอกคุณได้ว่า แม่ของคุณไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง แม้ว่าเธอจะป่วย แต่ก็จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตแน่นอน ดังนั้นสบายใจได้!” โจวอี้ ปลอบโยน

เมื่อหยวนซือเจียได้ยินคำพูดนี้ เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก

“หมอโจว ฉันต้องรอจนกว่าแม่ของฉันจะมีอาการอีกงั้นเหรอ?” หยวนซือเจียลังเล

“ใช่!” โจวอี้พยักหน้า “ผมจะให้เบอร์มือถือของผมไว้ ถ้าแม่ของคุณมีอาการ ให้คุณโทรหาผมให้เร็วที่สุด ผมจะมาที่นี่ทันที”

“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะหมอโจว”

“ด้วยความยินดี”

โจวอี้ให้หมายเลขโทรศัพท์แก่อีกฝ่ายและออกจากวอร์ดไป

4 โมงเย็น

โจวอี้มารอรับลูกสาวของเขา เขาทักทายผู้ปกครองของนักเรียนคนอื่น ๆ ที่คุ้นเคย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

เขาเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้

ถังหว่านโทรหาเขาเมื่อคืนนี้

เขาดูเวลาที่โทร …สิบสามวินาที

“ฉันดูเหมือนจะทำผิดพลาดไปซะแล้ว”

“ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้โทรหาเธอเลยตั้งแต่เธอออกจากจินหลิง”

“ไม่เพียงแต่ไม่โทรหา แต่ฉันไม่แม้แต่จะส่งข้อความถึงเธอด้วยซ้ำ”

“และเมื่อเธอโทรหา ฉันก็วางสายและนอนต่อทันทีโดยที่แทบไม่พูดจาทักทายอะไรเลย”

“ซวยแล้วล่ะ…”

โจวอี้ส่ายหัวอย่างขมขื่น

เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ไม่รู้จักความสัมพันธ์ของชายและหญิงในเชิงความรัก

ในฐานะสามีของถังหว่าน ฉันดูเหมือนจะไม่สนใจเธอเลย

ทำไมฉันไม่โทรหาเธอบ้าง?

โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันจะดูไม่จริงใจหากเขาโทรไปหาตอนนี้ เขาควรไปที่เมืองภาพยนตร์ด้วยตัวเองจึงจะดีที่สุด ไหน ๆ แล้วเขาก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งของเรื่องนั้น! แม้เขาจะเข้าไปทักเธอตรง ๆ ไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเจอถังหว่านได้

แต่พรุ่งนี้เขามีงานต้องทำ ดังนั้นเขาควรไปที่นั่นหลังเลิกงานพรุ่งนี้เย็น

โจวอี้ตัดสินใจแล้วและอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอ

“พ่อจ๋า!”

เมื่อถังเหมียวเหมี่ยวออกมา เธอก็รีบกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของโจวอี้

“ลูกสาวที่แสนน่ารักของพ่อ ทำไมวันนี้หนูดูมีความสุขจัง” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม และกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“วันนี้คุณครูชมหนูด้วยแหละ!”

“คุณครูชมลูกเหรอ? ลูกทำอะไรมาล่ะ?”

“หนูปั้นตุ๊กตาหิมะ! วันนี้ทุกคนปั้นตุ๊กตาหิมะกัน มีแค่เหมียวเหมี่ยวเท่านั้นที่ทำด้วยตัวเอง และตุ๊กตาหิมะของหนูก็สวยมากด้วย!” ถังเหมียวเหมี่ยวเล่าอย่างภาคภูมิใจ

“ฮ่า ฮ่า ลูกสาวของพ่อเก่งที่สุด”

“ฮิฮิ…”

เมื่อพ่อและลูกสาวกลับมาถึงบ้าน ถังเหมียวเหมี่ยวก็รีบไปหาถังเสี่ยวรุ่ยและโอ้อวดเรื่องคำชมของคุณครู

แม้ว่าถังเสี่ยวรุ่ยจะไม่ประหม่าอีกต่อไป แต่นิสัยที่เงียบขรึมที่เธอมีอยู่นั้นมันถูกบ่มเพาะมาหลายปีแล้ว และเธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในเวลาอันสั้น

แต่เมื่อเธออยู่กับถังเหมียวเหมี่ยว เธอก็เริ่มที่จะพูดคุยมากขึ้น

โจวอี้ไปที่ห้องครัว ในขณะที่ถงหู่อยู่ในสนามเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ ส่วนแม่เฒ่าเทียนจี้ยังคงทำตัวขี้เกียจและนั่งอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นอย่างง่วงงุน

สำหรับช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน เวลามักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

เย็นวันถัดไป

โจวอี้ไม่ได้ไปรับลูกสาวหลังเลิกเรียน เพราะหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาก็เรียกรถแท็กซี่ทันทีและบอกคนขับแท็กซี่ให้ไปที่เมืองภาพยนตร์ซือซี

หกโมงเย็นกว่า ๆ เขาก็ไปถึงที่หมาย

โจวอี้ไปถึงโรงแรมที่ทีมงานพักอยู่และรู้ว่าทุกคนยังไม่กลับมา ดูเหมือนว่าคืนนี้จะมีการถ่ายทำในช่วงกลางคืน

ดังนั้นเขาจึงสั่งกาแฟและชานมมาจำนวนมาก ก่อนจะนำพวกมันไปที่กองถ่าย มองดูฉากที่สว่างไสวและมีชีวิตชีวาที่นี่ และรอยยิ้มที่สดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

“คุณถัง คุณยังยุ่งอยู่หรือเปล่า”

โจวอี้พาพนักงานหกคนจากร้านกาแฟและร้านชานมเข้ามาในกองถ่าย เขาทักทายคนที่รู้จักมากมาย จากนั้นก็เดินไปหาถังจี้โจวเพื่อส่งแก้วกาแฟให้

“เอ๋? โจวอี้? ทำไมคุณมาเร็วจังล่ะ” ถังจี้โจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขารับกาแฟที่โจวอี้ส่งให้ มาดมกลิ่นแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กาแฟของวูลฟ์คาเฟ่ ผมชอบที่สุด”

“ช่วงนี้ผมค่อนข้างว่างก็เลยแวะมาหา” โจวอี้ยิ้ม

“ฮ่า ฮ่า คิดไม่ถึงเลยว่าคนอย่างคุณจะมีเวลาว่างด้วย คุณมาที่นี่เพราะขี้เกียจทำงานสินะ?” ถังจี้โจวจิบกาแฟพลางหัวเราะ

“เฮ้ เฮ้ นอกจากพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดผม ก็มีผู้กำกับถังนี่แหละที่เดาใจผมออก”

“ฮ่าฮ่า พอแล้ว เลิกยอผมเถอะ ตอนนี้ผมยุ่งอยู่ คุณไปหาที่พักก่อนก็แล้วกัน”

“ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วงผม” โจวอี้โบกมือ

ตอนนี้ยังมือแก้วกาแฟเหลืออยู่ในมืออีกแก้วหนึ่ง สายตาของเขากวาดมองไปทั่วกองถ่าย แต่แล้วเมื่อผ่านไปสักพักเขาก็รู้สึกสับสน

เขาไม่เห็นถังหว่าน แม้แต่ซุนเหมิงที่ควรจะอยู่ด้วยนั้นเขาก็ไม่เห็น เขาเห็นแต่เฉินอันฉีซึ่งนั่งพักผ่อนอยู่ใกล้ ๆ

“คุณอันฉี คนอื่น ๆ พักอยู่ที่ไหนกันเหรอ?” โจวอี้เดินไปหาพร้อมรอยยิ้ม

“โจวอี้ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” อันที่จริงเฉินอันฉีเห็นโจวอี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อเธอเห็นว่าโจวอี้กำลังคุยกับถังจี้โจว เธอก็อายเกินกว่าจะรบกวน

“ผมไม่มีอะไรทำก็เลยแวะมาดูกองถ่าย” โจวอี้ยิ้ม

แวะมาดู?

หรือคุณกำลังมองหาใคร?

หัวใจของเฉินอันฉีเต้นรัว

“จริงสิ ผมได้ยินมาว่ามีผู้หญิงสวยมาก ๆ คนหนึ่งเพิ่งมาเข้าร่วมการถ่ายทำละคร แต่ทำไมผมไม่เห็นเธอเลยล่ะ” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม

“คุณหมายถึงถังหว่านใช่ไหม วันนี้เธอมีคิวถ่ายเยอะมาก เธอน่าจะเหนื่อยมากจากเมื่อตอนกลางวัน ตอนนี้เธอน่าจะไปที่รถเพื่อพักผ่อน” เฉินอันฉีตอบ

“ถังหว่าน… เป็นชื่อที่ดี คล้ายกับชื่อภรรยาของผมเลย” โจวอี้หัวเราะ

“ชิ… โจวอี้ เลิกล้อเล่นสักทีได้ไหม ทำไมคุณไม่พูดว่าถังหว่านเป็นภรรยาของคุณซะเลยเล่า!” เฉินอันฉีปิดปากหัวเราะเบา ๆ

“ผมเป็นคนหน้าหนานะจะบอกให้ เอางี้ ผมขอพูดตรงนี้เลยว่าเธอเป็นเมียผม ซึ่งเธอก็เป็นเมียผมจริง ๆ นะรู้ไหม” โจวอี้จงใจพูด

“ไม่เชื่อ!”

“ไม่เชื่อเหรอ งั้นรอดูได้เลย เมื่อไหร่ที่ถังหว่านมา ผมจะทำให้เธอยอมสยบต่อหน้าผมภายในไม่เกินสามนาที!” โจวอี้เชิดหน้า ยกกำปั้นขวาขึ้นตบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง

“ฮ่า ฮ่า คุณนี่หน้าหนาจริง ๆ ตกลง ฉันจะรอดู” เฉินอันฉียิ้มอย่างมีเลศนัย

ทว่าเมื่อเธอหันไปมองด้านหนึ่ง เธอก็พบว่าหญิงสาวผู้เป็นประเด็นของการสนทนาระหว่างพวกเขากำลังเดินมา เธอขยิบตาให้โจวอี้อย่างเจ้าเล่ห์ทันที และกระซิบด้วยรอยยิ้ม “ถังหว่านเป็นหญิงงามที่มีชื่อเสียง แต่บุคลิกของเธอเย็นชาอย่างกับภูเขาน้ำแข็ง เธอไล่ตะเพิดผู้ชายทุกคนที่ไล่ตามเธอ เอาล่ะ ตอนนี้เธอมาแล้ว คุณก็พยายามเข้าล่ะ!”

โจวอี้หันหลังไปมองและเห็นถังหว่านกำลังเดินมาที่กองถ่าย