เพียงแค่นั้น เขาก็เข้าใจว่าหุ่นเลโก้นั้นถูกสร้างออกมาให้เหมือนหญิงสาวที่งดงาม

‘เจ้าหนูนี่คิดถึงแม่ของเขาอีกแล้วเหรอ?’ เขาคิดด้วยความโมโห

“เจนสัน ลูกอย่างเจอคุณแม่จริง ๆ เหรอ—” เขาโพล่งอออกไปโดยไม่คิด

เจนสันยืนอยู่ที่บันไดด้วยความบูดบึ้ง ร่างเล็กจิ๋วของเขามองดูดื้อรั้นและเปลี่ยวเหงาเป็นพิเศษ เขาหันหลังกลับมามองที่เจย์ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

เจย์ถึงกับเม้มปากแน่น เขาควรจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนโชคดีที่ยังไม่จับโรสโยนลงไปในซ่องซะก่อน ไม่งั้นล่ะก็ ด้วยความเห็นแก่ตัวโดยธรรมชาติของเจนสัน เขาจะไม่มีทางให้อภัยเจย์แน่หากเขาพบว่าพ่อของเขารังแกคุณแม่

ยังไงก็ตาม—

ที่เจนสันคิดถึงแม่มากขนาดนี้ก็เป็นเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเจย์เอง

ไม่กี่ปีก่อน เจย์ยังเข้าใจว่าโรสตายไปแล้ว และไม่ต้องการให้เจนสันใช้ชีวิตอยู่ในโลกด้วยความเคียดแค้น เขาจึงสร้างเรื่องโกหกขึ้นมาว่าคุณแม่ยังคงรักเขาในทุก ๆ วัน

และใช่ เจย์เพิ่งได้รู้ความจริงที่น่าตกใจมาก โรสยังมีชีวิตอยู่และแถมยังสบายดีอีกด้วย

ในขณะที่เจย์กำลังใคร่ครวญว่าจะพาเจนสันไปหาโรสดีหรือไม่ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

ปลายสายที่โทรเข้ามาคือผู้ช่วยของเขา เกรย์สัน ผู้ซึ่งมีน้ำเสียงที่กำลังเครียดสุดขีด

“คุณอาเรส…โรสหนีไปแล้วครับ”

“อะไรนะ?” ใบหน้าหล่อเหลาของเจย์บิดเบี้ยวด้วยความไม่เชื่อ

“ฉันจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้” เขาไม่แม้แต่จะใช้เวลาทานอาหาร เจย์วางโทรศัพท์แล้วหันหลังเตรียมจะออกจากบ้าานทันที

คุณปู่คุณย่ามองที่ลูกชายของเขาที่วิ่งออกไปเหมือนพวกบ้างาน ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทั้งคู่รู้สึกผิดต่อเขา

คุณปู่คุณย่าหันไปมองที่เจนสัน ผู้ที่ทำให้ลูกชายของพวกเขาต้องหัวปั่นขนาดนี้ “เจนสันน้อย ดูสิ หนูทำให้คุณพ่อต้องเหนื่อยขนาดไหน เอาเป็นว่าต่อไปให้ปู่กับย่าทำมื้อเที่ยงให้กินดีไหม?”

“ไม่ ไม่ดี” เจนสันเข้าห้องไปก่อนจะกระชากปิดประตูเสียงดัง

คุณย่าที่กำลังตะหลิวไว้ในมือถึงกับใช้มันชี้ไปทางเจนสันอย่างหมดความอดทน “เจนสัน เจ้าเด็กเกเรนี่! ใครสอนให้เขามีนิสัยแบบนั้นกัน? ไม่น่ารักเลยสักนิด”

โจเซฟินถอนหายใจอย่างอ่อนแรง “ก็พ่อเขาไง”

เจย์รีบรุดมาที่โรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

เมื่อเขาขึ้นไปถึงโซนวีไอพีบนชั้นเก้า ตัวล็อคสแกนลายนิ้วมือยังคงอยู่บนประตู แต่ประตูกลับถูกเปิดอ้าออก ใบหน้าอันสุขุมของเจย์ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึง

ล็อคแบบสแกนลายนิ้วมืออันนี้มันพิเศษกว่าอันอื่น ไม่มีรุ่นใดในท้องตลาดที่เหมือนมัน

มันไม่ได้ใช้ระบบรหัส และยังไม่มีช่องหรือรอยต่อให้สามารถงัดแงะได้

ทางเดียวที่จะปลดล็อคมันได้คือมีลายนิ้วมือตรงกันตั้งแต่ครั้งแรกที่กด

และมีเพียงลายนิ้วมือของเขาและเจนสันที่ถูกบันทึกไว้ในล็อค

“พวกนายเจออะไรจากกล้องวงจรปิดบ้าง?” เจย์พลันนึกถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของตึกทันที

เกรย์สันก้มลงมองต่ำแล้วกล่าว “คุณอาเรส ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในระบบจัดการของกล้องถูกใครบางคนทำลายลงอย่างตั้งใจครับ”

รูม่านตาของเจย์ถึงกับหดตัวลง

ระบบสังเกตการณ์ของแกรนด์เอเซียนั้นถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิด อีกทั้งระบบจัดการข้อมูลก็ยังถูกป้องกันไว้หลายต่อหลายชั้น

ทำไมผู้ช่วยปริศนาของโรสถึงสามารถถอดรหัสระบบป้องกันของเขาได้ในเวลาเพียงไม่นาน?

หมอนั่นเป็นมือโปรรึไง?

“ใครเป็นคนทำงานหน้าโต๊ะตอนนี้?” เมื่อไร้ซึ่งระบบสังเกตการณ์ สิ่งเดียวที่เจย์พอจะคิดได้คือผู้เห็นเหตุการณ์

ไม่นานนัก นางพยาบาลร่างเล็กที่อยู่ที่โต๊ะต้อนรับก็ถูกนำตัวมาพบเจย์

เจย์นั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนและย่นคิ้วที่ถูกจัดระเบียบไว้อย่างดีของเขา

อีกด้านหนึ่ง เกรย์สันเคลียร์ลำคอของตัวเองก่อนจะกล่าวถามด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ “คุณได้รับอนุญาตในการได้รับความทรงจำดี ๆ จากการทำงานที่แกรนด์เอเซีย ทีนี้ ผมจะทดสอบคุณเล็กน้อย ตั้งแต่ช่วง 11 โมง ใครมาที่โรงพยาบาลบ้าง?”

นี่เป็นครั้งแรกที่พยาบาลสาวถูกเรียกให้มาพบท่านประธานเป็นการส่วนตัว เธอค่อนข้างกังวลและอ้ำอึ้งพอสมควร

“เรียนคุณอาเรส ทุกคนที่เข้ามาเมื่อช่วงกลางวันของวันนี้คือพวกสมาชิกครอบครัวของผู้ป่วยในค่ะ จะมีพวก…วอร์ด 808…วอร์ด 704…วอร์ด 706…วอร์ด 503…”

นางพยาบาลสาวพยายามอย่างที่สุดในการค้นความทรงจำในหัวของเธอเรื่องรายละเอียดของแขกทุกคน ทว่า เจย์ก็ขัดจังหวะเธอด้วยความเหลืออด “ช่วยข้ามพวกครอบครัวของผู้ป่วยทั้งหลายที่คุณเคยเห็นไปก่อน คุณเห็นพวกหน้าใหม่บ้างรึเปล่า?”

พยาบาลสาวย่นหน้าผากของเธอลงและพยายามนึกอย่างหนัก แต่สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้า “ฉันเคยเจอทุกคนมาก่อนแล้วค่ะ”

เกรย์สันถึงกับงุนงง เขาถาม “มันจะเป็นไปได้ยังไง? นอกจากจะมีแบทแมนปีนเข้ามาทางหน้าต่าง?”

เจย์ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

แต่หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลคนนั้นก็นึกอะไรบางอย่างออกแล้วอุทานขึ้นมา “โอ้ จริงด้วย…”

ทุกคนกลับไปให้ความสนใจกับหล่อนอีกครั้ง แต่พยาบาลสาวก็ยิ้มออกมาอย่างเขินๆ “ไม่หรอก คงไม่ใช่เขาแน่”

“ใคร?” เจย์ขมวดคิ้ว

นางพยาบาลลังเลอยู่นานจนที่เธอจะกล่าวออกมา “ท่านเจนสันค่ะ!”

เกรย์สันอ้าปากค้าง “คุณหมายถึงท่านเจนสันไปที่ชั้นวีไอพี?”

พยาบาลร่างเล็กหยักหน้า

“เมื่อไหร่?” เจย์เอ่ยปากถาม

“ประมาณ 11:10 ค่ะ” เธอกล่าวด้วยความมั่นใจ

หลังจากช็อคไปชั่วครู่ เจย์ค่อยๆตั้งสติอย่างช้า ๆ

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่เจนสันมีจะน้อยนิดมากหากเป็นไปตามที่พยาบาลพูด แต่มันก็เป็นคำอธิบายเดียวสำหรับล็อคแบบแสกนลายนิ้วมือที่ถูกเปิดออก

ความโกรธของเจย์พุ่งสูงขึ้น เขารู้สึกเหมือนโดนทรยศ

เกรย์สันรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขารีบไล่ให้คนอื่นออกไปจากห้องทำงานทันที

คุณอาเรสถูกทรยศจากการร่วมมือกันของภรรยาและลูกชายของเขา ใครจะไปจินตนาการออกว่าเขาจะอารมณ์เสียขนาดไหน

ปัง!

เจย์หวดกำปั้นลงไปที่โต๊ะ ก่อนพ่นลมหายใจอย่างดูถูก “โรส ฉันคงประมาทเธอมากไป ฉันไม่คิดว่าเธอจะทำให้ลูกเกลียดฉันได้ ตอนที่เธอก้าวเข้ามาในประเทศนี้ ดูเหมือนเธอจะพาเจนสันมาด้วยสินะ”

เกรย์สันถือแก้วกาแฟอย่างระมัดระวังแล้วส่งให้ท่านประธาน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ “คุณอาเรส ในเมื่อท่านเจนสันกับโรสติดต่อกันแล้ว ทำไมคุณถึงไม่ลองให้พวกเขาทั้งคู่พบกันหน่อยล่ะครับ?”

เจย์เลิกคิ้วขึ้นและมองขึ้นไปมองเกรย์สันที่กำลังพูด เคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล

“ว่าต่อสิ”

ด้วยความโล่งใจ เกรย์สันจึงกล่าวต่อ “คุณอาเรส จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้หญิงทุกคนที่พยายามจะเข้าใกล้ท่านเจนสันมักจบลงด้วยชีวิตที่ทุกข์ทรมาน ด้วยเหตุนี้ คุณเองน่าจะรู้ดีมากกว่าใครถึงความสามารถของท่านเจนสันในการทำให้ชีวิตใครสักคนเป็นเหมือนนรกบนดิน”

“และนอกเหนือไปกว่านั้น คุณนายโรสเป็นแค่ผู้หญิงดาด ๆ ที่มาจากบ้านนอก ถ้าหากคุณรับคุณนายโรสเข้ามาในบ้านในฐานพี่เลี้ยงเด็ก ด้วยโรคย้ำคิดย้ำทำและภาวะออทิสติกที่ท่านเจนสันเป็น ผมมั่นใจว่าภาพคุณแม่สุดแสนสมบูรณ์แบบในจินตนาการของท่านเจนสันจะต้องพังทลายลงในเวลาไม่นาน”

“ในอีกด้านหนึ่ง คุณนายโรสจะต้องรังควานจนแทบตายจากน้ำมือของท่านเจนสันเอง! ใครจะไปรู้ล่ะครับ บางทีคุณอาจไม่ต้องไล่เธอออกด้วยซ้ำ เธออาจจะกราบกรานคุณขอเก็บข้าวของหนีกลับไปเองก็ได้!”