ตอนที่ 83: การถูกกลั่นแกล้ง

ทันทีที่ได้ยินคําสั่ง เสี่ยวเฉิงก็พลันมองผ่านผนังและพื้นไปยังประตูลิฟต์ “ใครอยู่ใกล้ลิฟต์ที่ชั้นหนึ่งบ้าง?”

“หน่วยหกกับหน่วยสิบครับ”

“ฝั่งตรงข้ามประตูลิฟต์ มีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้น ผู้ชายที่ตัดผมทรงเปิดข้าง น่าจะอายุประมาณสามสิบได้มั้ง หมอนั่นคอยทําหน้าที่ตัดระบบลิฟต์เพื่อให้ตํารวจทํางานล่าช้า แถมเขายังพกปืนไว้ข้างตัวด้วย”

ดอลฟินจ้องมายังเสี่ยวเฉิงอย่างไม่เชื่อสายตา ทุกคําสั่งที่ออกมาจากปากของเสี่ยวเฉิงดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปยังทีมสมาชิกนักฆ่า ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งรายละเอียดและคําอธิบายก็ถูกต้องทั้งหมดจริงๆ!

แม้แต่เซินเหยาและหรานจิงก็ต้องตกใจจนอ้าปากค้าง

หน่วยที่หกและสิบต่างก็วิ่งมาถึงลิฟต์ที่ละคน พวกเขาพบชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งตรงข้ามลิฟต์กําลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ทันทีที่ตํารวจทั้งสองวิ่งมาถึง ชายคนนั้นก็ยังคงแสร้งทําเป็นอ่านข่าวต่อไป แต่ทว่า ทันทีที่คนร้ายเห็นตราตํารวจ ก่อนที่อีกฝ่ายจะไหวตัวทัน ตํารวจทั้งสองนายก็พลันพุ่งเข้ามาใส่กุญแจมือนักฆ่าเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ตํารวจยังเอื้อมมือไปหยิบปืนออกมาจากเอวของชายคนร้ายพร้อมกับรายงานให้เสี่ยวเฉิงทราบถึงสถานการณ์ทันทีด้วย “รายงาน! เป้าหมายที่ลิฟต์ถูกคุมตัวแล้วครับ!”

คําพูดที่ดังมาจากวิทยุสื่อสารพลันทําให้ดอลฟินหน้าซีดลง

เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มและมองไปยังสาวนักฆ่าตรงหน้า “ยังอยากเล่นต่อไหมล่ะ?”

ดอลฟินพลันก้มหน้าและไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอพยายามที่จะไม่ตื่นตระหนก

ทว่า เสี่ยวเฉิงยังคงออกคําสั่งต่อไป “ปลายทางเดินบนชั้นสี่ มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อกันฝน เป็นชายผมยาวมัดผมหางม้า หมอนั่นมีหน้าที่คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของตํารวจรีบจัดการเลย!”

ทันทีที่ได้ยินคําสั่ง ตํารวจอาชญากรรมทั้งสามหน่วยก็รีบวิ่งไป ทั้งสามเห็นชายต้องสงสัยสวมเสื้อกันฝนคนหนึ่งกําลังยืนจุดบุหรี่อยู่

ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็พลันเดินเข้าไปและถามขึ้น “พี่ชาย ผมขอยืมไฟแช็คหน่อยได้ไหม?”

นักฆ่าในเสื้อกันฝนพลันเหลือบมองมา แต่ทว่า ทันใดนั้นเอง เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็พุ่งเข้ามาขนาบข้างพร้อมกับผลักคนร้ายลงพื้นและใส่กุญแจมือเอาไว้ หลังจากนั้น พวกเขาก็ยึดอาวุธคนร้ายและพาไปยังลิฟต์ชั้นหนึ่ง

“เป้าหมายที่อยู่ชั้นสี่ถูกจับกุมแล้วครับ!”

“ดีมาก” ทันทีที่เสี่ยวเฉิงพูดจบ เขาก็พลันหันไปถามหรานจิง “ผ่านไปกี่นาทีแล้ว?”

“ประมาณแปดนาที” หรานจงพลันมองไปยังนาฬิกาข้อมือ

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มพร้อมกับหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและออกคําสั่งต่อไป

“ฟังนะ! พวกนายสามคนรีบไปที่ลานจอดรถ แถวนั้นมีพนักงานเก็บบัตรอยู่ เขาน่าจะถูกพวกกลุ่มนักฆ่ายัดเงินให้ไปแล้ว บอกพนักงานเก็บบัตรให้ส่งข้อความไปหาชายหน้าบากว่านักฆ่าทั้งสามขึ้นรถตู้และขับออกไปแล้ว ส่วนรถตู้ก็จอดอยู่ตรงนั้นแหละ มีกุญแจอยู่ข้างใน พวกนายทั้งสามคนขึ้นไปสตาร์ทรถแล้วก็ขับออกจากโรงพยาบาลไปได้เลย หลังจากนั้นฉันอยากให้พวกนายตรง ไปที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามถนนหน่อย มีห้องหนึ่งที่หันเข้ามาตรงกับหน้าต่างห้องของฉัน มันอยู่ที่ชั้นสี่ ข้างในห้องมีนักฆ่าคนหนึ่งอยู่ หมอนคอยทําหน้าที่จับตาดูสถานการณ์จากระยะไกล บุกเข้าไปได้เลย!”

“รับทราบครับ!” หน่วยตํารวจอาชญากรรมรู้หน้าที่ของตนเป็นอย่างดี พวกเขาสามคนตรงไปยังลานจอดรถและโชว์ตราตํารวจให้พนักงานดู เนื่องด้วยพนักงานเป็นคนขี้กลัว เขาก็พลันกล่าวคําพูดออกมาทันที “ผม…. ผมไม่รู้เลยนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น คนพวกนั้นสั่งให้ผมบอกพวกเขาด้วยหากมีใครขึ้นรถตู้และขับออกไป”

“ไม่เป็นไร เราหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับตํารวจได้นะ คุณจะได้ไม่ต้องถูกลากเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้”

“แน่นอนครับ ผมจะให้ความร่วมมือแน่นอน”

“ถ้าพวกเราขับรถออกไป นายก็แค่วิทยุไปบอกคนอีกฝ่ายว่ารถตู้ขับออกไปแล้ว แค่นั้นแหละ เข้าใจใช่ไหม?”

พนักงานพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ”

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งสามก็ขึ้นรถตู้ ไม่นานนัก เสียงของเสี่ยวเฉิงก็พลันดังออกมาจากวิทยุ “ปิดไฟรถตู้ด้วย ไม่งั้นนักฆ่าจากโรงแรมฝั่งตรงข้ามเห็นพวกนายแน่ พยายามหลบหน้าหน่อยนะ แล้วก็ขับตรงไปชานเมืองเลย”

“รับทราบครับ!”

ระหว่างที่รถตู้ขับออกไป พนักงานเก็บบัตรก็วิทยุไปหาชายหน้าบากที่อยู่บนรถตู้ “ระ-รถตู้ออกไปแล้วครับ”