บทที่ 207 ขอแต่งงาน

กลางดึก ในโรงเตี๊ยมเสี่ยวหยวนชุนเส่อ

เถ้าแก่เนี้ยฮวาถอดเครื่องประดับออกจากศีรษะตัวเอง จากนั้นก็ปลดเสื้อคลุมตัวนอกออกทำให้รูปร่างที่อวบอิ่มของนางปรากฏอย่างชัดเจน ทันใดนั้นเองวงแขนคู่หนึ่งก็สวมเข้ามาที่เอวของนางจากด้านหลัง โอบกอดนางไว้แน่นจนร่างบอบบางของนางจมอยู่ในอ้อมกอด

“เจ้าลูกหมานี่ มาเงียบ ๆ อีกแล้ว ข้าตกใจนะ!” เถ้าแก่เนี้ยฮวาฟาดไปที่แขนของเขาเบา ๆ พูดอย่างหงุดหงิด

เฉาจีซุกใบหน้าลงที่ลำคอของนางก่อนจะสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ

“หอมจริง ๆ”

หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความสั่นสะท้านจากภายในร่างกายของนาง นางหันไปหาชายหนุ่มโอบกอดเข้าไปแล้วมอบจุมพิตหวานให้แก่อีกฝ่ายอย่างร้อนแรง

ขณะเดียวกัน ที่ห้องนอนด้านบน

ถังหลี่หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่ดังลอดมาจากห้องชั้นล่าง จนจินตนาการได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่เด็กๆทั้งสองคน อาศัยอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้าม ดังนั้นพวกเขาไม่น่าจะได้ยินเสียงน่าอายพวกนี้

เมื่อได้ยินเสียงแบบนั้นร่างกายของเว่ยฉิงก็เกร็งขึ้น

ชายหนุ่มที่อยู่ในวัยร้อนแรงแบบเขาจะทนได้อย่างไร….

เว่ยฉิงหันไปหาภรรยาและอุ้มนางโยนลงเตียงทันที

เช้าวันต่อมา

วันนี้ถังหลี่ตื่นสาย นางรู้สึกอับอายเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นเถ้าแก่เนี้ยฮวาที่งัวเงียออกมาจากห้องนอนเช่นกัน ความประหม่าและกระดากหายก็จางหายไป เมื่อฮวาเหนียงจื่อเห็นถังหลี่ก็เข้าไปกระซิบที่ข้างหูนางทันที

“สามีของเจ้าแข็งแรงมากจริง ๆ ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว”

ถังหลี่เข้าใจความหมายที่นางสื่อออกมาทันที ใบหน้าของหญิงสาวแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“แต่ว่านะ ก็ดีกว่าลูกหมาป่าของข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้นแหละ”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาชูสองนิ้วก่อนจะกางออกให้เห็นช่องวางเล็กน้อย

“ลูกหมาป่าของข้ายังเล็กนัก แต่ภายหน้าเขาต้องเติบโตขึ้นมากกว่านี้อย่างแน่นอน”

หัวข้อที่ฮวาเหนียงจื่อเปิดบทสนทนานั้นเปิดเผยมากเกินไป ขนาดถังหลี่ที่เคยอยู่ในยุคคนรุ่นใหม่ยังทนฟังไม่ได้

“ถ้าเจ้าอยากให้วัวไถนา เจ้าต้องให้อาหารวัว ข้าถือคติแบบนี้ เจ้าจะเอามันไปใช้กับคนของเจ้าก็ได้นะ”

ถังหลี่ได้ยินก็รู้สึกกระดากอายมากจริง ๆ นางรับเทียบยาที่เถ้าแก่เนี้ยฮวามอบให้แล้วเก็บมันไว้เงียบ ๆ

…..

นางไช่มาที่โรงเตี๊ยมตลอดสองสามวันที่เหลืออยู่ หญิงสาวเข้าครัวลงมือทำของอร่อยมาให้เอ้อร์เป่าทุกวัน เด็กชายกินจนหมด อีกทั้งนางไช่ยังเย็บถุงหอมให้แก่เด็กชาย เขาห้อยมันไว้ข้าง ๆ ถุงหอมที่ถังหลี่เย็บให้ ซึ่งพออยู่ด้วยกันแล้วมันดูน่าเกลียดมาก

แต่เด็กชายก็ยังคงห้อยไว้เป็นอย่างดี

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าวันที่ครอบครัวสกุลเว่ยจะเดินทางออกจากเมืองฉินโจวได้มาถึงแล้ว

“ถังถัง เจ้าอยู่ต่ออีกสองสามวันได้หรือไม่?” เถ้าแก่เนี้ยฮวาถามอย่างเหนียมอาย

“พี่ฮวาเกิดอะไรขึ้นหรือ?” ถังหลี่มองท่าทีเขินอายของอีกฝ่ายและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เจ้าลูกหมานั่นตอแยข้าทั้งวันบอกว่าอยากแต่งงานกับข้า ข้ารำคาญมากเลยตกลงไปน่ะสิ! แต่ว่าข้าไม่มีครอบครัว ดังนั้นข้าเลยอยากให้เจ้ามาเป็นญาติฝั่งเจ้าสาว” นางกล่าว

ฮวาเหนียงจื่อจะแต่งงานกับเฉาจีหรือ!

เป็นเรื่องดียิ่ง!

เดิมทีถังหลี่มีความวิตกอยู่บ้างว่าวันหนึ่งเฉาจีจะหนีไปและฮวาเหนียงจื่อต้องเสียใจอยู่เพียงผู้เดียว แต่ตอนนี้นางเห็นแล้วว่าบุรุษผู้นี้มีความจริงใจมากเพียงใด เขาเลือกที่จะอยู่ที่เมืองฉินโจวเพราะอยากปกป้องฮวาเหนียงจื่อ เขารักและจริงใจกับนางมาก แม้ตัวเขาจะอายุน้อยกว่าเถ้าแก่เนี้ยแต่เขาก็ยังรักและดูแลนางเป็นอย่างดี ในชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่งนั้น ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบใครสักคนที่ดีและรักนางอย่างจริงใจ

ถังหลี่มีความสุขมาก และนางวางแผนที่จะอยู่ที่เมืองฉินโจวต่ออีกประมาณสิบวัน

เมื่อนางไช่ทราบข่าว หญิงสาวรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นางรู้สึกขอบคุณเถ้าแก่เนี้ยฮวาไม่น้อย นางจึงได้กลับไปเตรียมของขวัญแต่งงานมากมายเพื่อมอบให้แก่ฮวาเหนียงจื่อ

ไม่กี่วันต่อมา ฮวาเหนียงจื่อ ถังหลี่ และสาวรับใช้ของนางไช่อีกสามคน รวมถึงเว่ยฉิง พวกเขาต่างจัดและตกแต่งโรงเตี๊ยมให้ดูใหม่ สะอาด และสวยงามไปด้วยผ้าไหมสีแดงมงคล

เมื่อคืนวันที่ห้ามาถึง

เถ้าแก่เนี้ยฮวานั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าโรงเตี๊ยม นางมองตึกโรงเตี๊ยมของตัวเองที่ประดับตกแต่งไม่วางตา

“ถังถัง เหตุใดข้ารู้สึกว่าข้ากำลังฝันไป” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

นางไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้แต่งงานมาก่อน นางคิดมาเสมอว่าตัวเองคงอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้ไปตลอดชีวิต ถึงแม้หญิงสาวจะชื่นชมไป๋มู่หยางและชายหนุ่มหน้าตางดงามหลายคน แต่ความคิดที่จะแต่งงานก็ไม่เคยอยู่ในหัวของนางมาก่อน

จนกระทั่งลูกหมาป่าตัวนั้นบุกเข้ามาในชีวิตนาง

เดิมทีแล้วนางต้องการเพลิดเพลินเหมือนความสุขของปลาได้น้ำ อีกทั้ง ทั้งสองก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่อมาเจ้าลูกหมาป่าก็บอกว่าอยากแต่งงานกับนาง และเป็นที่พึ่งพิงให้นาง

หัวใจของนางก็เริ่มเปลี่ยนไป

“นี่ไม่ใช่ความฝัน นี่คือเรื่องจริง” ถังหลี่ยิ้มและพูด

หาได้ยากมากที่หญิงสาวตรงหน้าจะมีท่าทีไม่มั่นใจเช่นนี้

“พี่ฮวายังมีเวลาอีกห้าวันก่อนที่ท่านจะแต่งงานนะ!”

“ห้าวัน?” หญิงสาวนับนิ้วก่อนจะถอนหายใจ “เหตุใดยังมีอีกห้าวันนะ!”

“พี่ฮวา สงวนท่าทีหน่อยสิ” ถังหลี่กล่าว

“ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว ข้าไม่ได้เจอเฉาจีมาห้าวันแล้วนะ นี่ข้าต้องรออีกห้าวันหรือ! ข้าต้องแห้งเฉาตายแน่!”

ถังหลี่รู้สึกพูดไม่ออก

ทั้งสองเพียงหัวเราะให้กันก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน

วันต่อมา

เถ้าแก่เนี้ยฮวาไปยังร้านปักผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉินโจวเพื่อดูว่าชุดเจ้าสาวของนางเป็นอย่างไรบ้าง ความคืบหน้าของชุดเป็นไปอย่างเรียบร้อยยกเว้นรายละเอียดตรงแขนเสื้อที่ยังไม่เสร็จดี หญิงสาวลองสวมแล้วมองกระจก ในนั้นปรากฏร่างงดงามของหญิงสาวผู้หนึ่ง นางงดงามและมีเสน่ห์เย้ายวนราวกับผลไม้สุกงอมรอการเก็บเกี่ยว

“แม่นางฮวา งดงามมาก เจ้าบ่าวเห็นต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน” ซิ่วเหนียงชื่นชม

ตอนนี้หญิงสาวกำลังจินตนาการว่าลูกหมาป่ากำลังตกตะลึงในความงามของนาง จากนั้นเขาก็มองมาที่ฮวาเหนียงจื่ออย่างโง่เขลา ก่อนจะกระโจนเข้ามาหาและกินกลืนนางอย่างหิวกระหาย….

หญิงสาวมีความสุขมากยิ่งขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางหัวเราะอย่างมีความสุข

ฮวาเหนียงจื่อออกจากร้านปักผ้าอย่างร่าเริง นางมุ่งหน้ากลับไปยังโรงเตี๊ยมแต่ทว่านางก็ถูกกลุ่มบุรุษหลายคนขวางไว้ ผู้ชายสี่คนนั้นมีทั้งคนที่ตัวสูง คนเตี้ย อ้วนและผอม มีท่าทีดุร้ายและโฉดชั่ว..

สตรีทั่วไปที่เจอย่อมต้องหวาดกลัว

แต่ฮวาเหนียงจื่อไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา นางสามารถควบคุมดูแลกิจการโรงเตี๊ยมในเมืองฉินโจวให้เจริญได้เรื่องแค่นี้จะนับเป็นอะไร

“เจ้าจะทำอะไร? จะปล้นเงินข้าหรือข่มเหงข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร? หากกล้ามาปล้นคนอย่างข้า ข้าจะทำให้เจ้าสำนึกไปจนวันตาย!

เถ้าแก่เนี้ยฮวาเท้าเอวและพูดอย่างก้าวร้าว

“ฮวาเฟิ่งเซี่ย…ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนขี้ลืมจริงๆ เจ้าลืมสหายของพวกข้าไปแล้วหรือ?” ชายผอมเตี้ยคนหนึ่งพูดขึ้น

เถ้าแก่เนี้ยฮวามองไปที่เขาก่อนจะขมวดคิ้ว

“เจ้าลืมเรื่องตอนที่อยู่เมืองถิงอันไปแล้วหรือ?”

ชายคนนั้นปรากฏรอยยิ้มชั่วร้ายขึ้น

และเหตุการณ์บางอย่างก็แว่บเข้ามาในความคิดของฮวาเหนียงจื่อ สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที

มันคือความทรงจำที่นางอยากจะลืม!

ในช่วงที่นางกำลังลี้ภัยอยู่นั้น เถ้าแก่เนี้ยฮวาได้รับหมั่นโถวครึ่งลูกจากหญิงชราผู้หนึ่ง นางรู้สึกขอบคุณหญิงผู้นั้นเป็นอย่างมาก เถ้าแก่เนี้ยช่วยงานนางหลายอย่าง

วันหนึ่งนางหลอกล่อให้ฮวาเหนียงจื่อไปยังบ้านร้าง เมื่อไปถึงมีผู้ชายหลายคนกระโจนออกมาจากที่แห่งนั้น

พวกมันจับนางขังไว้ในบ้านมัดมือมัดเท้านางเอาไว้ ทรมานนาง…

ในตอนนั้นเถ้าแก่เนี้ยฮวากับน้องชายพลัดหลงกัน หากไม่ใช่ว่านางอยากตามหาน้องชาย นางคงปลิดชีพตัวเองไปนานแล้ว!

มีหลายครั้งที่ฮวาเหนียงจื่ออยากวิ่งเอาหัวโขกเสาให้ตายไปเสีย!

แต่ทว่าอย่างไรก็ตามนางไม่อาจจะตายได้ เพราะยังต้องตามหาน้องชายของตนเอง ดังนั้นฮวาเฟิ่งเซี่ยทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเสแสร้งว่านางชอบและมีความสุข เพื่อให้คนเหล่านั้นหายระแวงนาง จนวันหนึ่งพวกเขาขังนางไว้ในห้องโดยที่ไม่มัดมือมัดเท้า ทำให้หญิงสาวสบโอกาสหลบหนีออกมาได้

นางหนีมายังเมืองฉินโจวที่ห่างไกล ชีวิตของนางก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ฮวาเหนียงจื่อคิดว่าอดีตทุกอย่างถูกฝังไปแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่า….

ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่

“ไม่เจอกันตั้งสามปี เจ้าดูอวบอิ่มน่าสัมผัสมากกว่าเดิมอีกนะ”

ไอ้สารเลวที่มีรูปร่างผอมเตี้ยผู้หนึ่งยื่นมือมาจับนาง ฮวาเหนียงจื่อสะบัดออกอย่างแรง!

“ไปให้พ้น! ที่นี่คือเขตเมืองฉินโจว ข้ารู้จักผู้คนมากมายที่นี่ ข้าจะไปเรียกพวกเขาให้มาจับพวกเจ้า!”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดอย่างดุดัน

“ฮิฮิ จับเราหรือ? ถ้าพวกเขาโดนจับ ข้าจะเปิดเผยเรื่องราวของเจ้า! ฮวาเฟิ่งเซี่ย! เจ้ากำลังจะแต่งงานใช่หรือไม่? จะเป็นอย่างไรนะหากข้านำเรื่องนี้ไปบอกให้เขารู้”

หญิงสาวมองไปที่ดวงตาเรียวเล็กของเขา

หากลูกหมาป่าของนางรู้…

ในสายตาของเขาคงจะปราศจากความหลงใหลเช่นเดิม คงจะเหลือแต่เพียงความขยะแขยงเท่านั้น

เถ้าแก่เนี้ยฮวารู้สึกราวกับถูกบีบคออย่างโหดร้าย นางเริ่มถอดใจเพราะไม่อยากให้ลูกหมาป่าตัวน้อยเกลียดนาง หญิงสาวไม่สามารถทนได้ ฮวาเหนียงจื่อถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว..เราไม่ทำอะไรแย่ๆแบบนั้นหรอก แต่ว่า…เจ้าต้องตอบแทนข้า!”

ชายอ้วนเตี้ยยื่นมือไปทางหญิงสาวอีกครั้ง แต่ถูกนางปัดทิ้งอีกครั้ง

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”

ชายอ้วนเตี้ยชักมือกลับดวงตาเล็ก ๆ ของเขากวาดมองไปทั่วทั้งเรือนร่างของฮวาเหนียงจื่อ ตอนนี้นางกำลังโมโหมาก แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่เช่นนั้นแล้วทั้งทรัพย์สินและชีวิตจะตกอยู่ในอันตราย

“เฟิ่งเซี่ย พวกข้าก็ไม่ต้องการอะไรมาก…เจ้านำเงินมาหนึ่งพันตำลึง ข้าจะปิดปากอยู่เงียบๆ”

เงินหนึ่งพันตำลึง….

เถ้าแก่เนี่ยฮวาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ข้าจะให้เจ้า!”