บทที่ 208 เรื่องราวของเถ้าแก่เนี้ยฮวา

เถ้าแก่เนี้ยฮวากลับไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อเตรียมเงินหนึ่งพันตำลึง จากนั้นนางก็รีบออกจากโรงเตี๊ยมเพื่อเอาไปให้คนชั่วพวกนั้น

“ข้าให้เงินพวกเจ้าแล้ว แล้วอย่าได้มาสร้างปัญหาให้ข้าอีก!”

ฮวาเฟิ่งเซี่ยพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ต้องกังวล พวกเรารักษาคำพูดเสมอ”

ทั้งสี่คนเดินจากไปอย่างพึงพอใจ

แต่ทว่าวันรุ่งขึ้นพวกมันกลับมาอีกครั้ง

เถ้าแก่เนี้ยฮวาหน้าซีดด้วยความตกใจก่อนจะรีบพาทั้งสองคนไปในที่ลับตา

“ข้าให้เงินเจ้าไปแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?” หญิงสาวพูดอย่างเย็นชา

“เฟิ่งเซี่ย พี่น้องของข้าเสียสูญเงินหนึ่งพันตำลึงไปแบบไม่ตั้งใจ เจ้าเอาเงินมาให้ข้าอีกสักห้าพันตำลึงสิ” ชายรูปร่างผอมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ห้าพันตำลึง!

“ข้าไม่มีเงินถึงห้าพันตำลึงหรอก” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

“เจ้าเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่เช่นนี้ จะไม่มีเงินห้าพันตำลึงหรือ?” เขามองขึ้นไปที่โรงเตี๊ยมอย่างไม่เชื่อสายตา

“ข้าให้ได้อีกหนึ่งพันตำลึง นั้นคือทั้งหมดที่ข้ามี” ฮวาเฟิ่งเซี่ยดูแลกิจการโรงเตี๊ยมแห่งนี้มาหลายปี มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่สี่ถึงห้าร้อยตำลึงต่อปีเท่านั้น หลังจากหักค่าต้นทุนและรายจ่ายต่าง ๆ เงินเก็บหลายปีของนางก็มีเพียงหนึ่งพันตำลึง

เดิมทีแล้วเถ้าแก่เนี้ยฮวาคิดว่าตัวเองหลุดพ้นจากทุกอย่างแล้ว วันที่สวยงามของนางจะมาถึง แต่ไม่อยากเชื่อเลย…

นางพยายามดิ้นรนให้ตัวเองมีชีวิตที่ดี แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องล้มจมลงไปในบ่อโคลนอีกครั้ง ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายกับนางเช่นนี้?

เมื่อวานนี้ตอนที่ให้เงินหนึ่งพันตำลึงกับคนเหล่านี้ นางก็ไม่ได้คิดหรอกว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี เพียงแต่ฮวาเฟิ่งเซี่ยมีความหวังอยู่เล้กน้อย นางหวังว่าหลังจากพวกมันรับเงินไปแล้ว จะตายตกไปด้วยอุบัติเหตุต่างๆไปเสีย จะได้ไม่มีใครมารับรู้อดีตอันเลวร้ายของนางอีก

แต่ในความเป็นจริงนั้นสวรรค์ช่างโหดร้ายกับนางเหลือเกิน

“ว่าที่สามีของเจ้าเป็นถึงทหารรักษาการณ์ของเมืองฉินโจวไม่ใช่หรือ? เงินแค่ห้าพันตำลึงคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเจ้าหรอกใช่ไหม?”

ชายร่างผอมมองนางอย่างไม่เชื่อ

ฮวาเฟิ่งเซี่ยเงียบเพิกเฉยต่อพวกมัน ชายอ้วนเตี้ยสบตาชายสูงผอมก่อนที่จะพูดว่า

“เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร? ห้าพันตำลึงจะหามาไม่ได้หรือ? อีกสองวันจะเป็นวันสำคัญของเจ้า อันที่จริงพวกข้าก็ไม่อยากทำให้เจ้าลำบากใจ เช่นนั้นเอามาแค่สองพันตำลึง แล้วพวกข้าจะออกจากเมืองฉินโจวไป ไม่กลับมาที่นี่อีก”

เถ้าแก่เนี้ยกัดริมฝีปากจนเลือดออก นางมีความหวังขึ้นมาอย่างริบหรี่

“ข้าจะเชื่อพวกเจ้าได้อย่างไร?”

“เฟิ่งเซี่ย พี่ห้าของข้ารักษาสัจจะของเขา และพี่น้องที่เหลือก็เชื่อฟังข้า วันนี้ข้าจะก้มหัวสาบานกับเจ้า! หากข้าผิดคำสาบานขอให้ข้าโดนฟ้าผ่าตาย!”

หญิงสาวหลับตาลงจากนั้นก็ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

“ตกลง ข้าจะให้เงินกับเจ้า แต่ข้าต้องหาเงินก่อน พรุ่งนี้ถึงจะนำมาให้เจ้าได้ ภายในสองวันนี้พวกเจ้าอย่าเข้ามาเหยียบที่โรงเตี๊ยมของข้าอีก!”

“ตกลง พรุ่งนี้เจอกันที่เหล่าเจี๋ยโข่วตอนเช้า เฟิ่งเซี่ย ถ้าพวกข้าไม่เห็นเจ้าล่ะก็ ข้าจะป่าวประกาศให้ผู้คนรู้ถึงเรื่องฉาวของเจ้า …ตอนนั้นจะมาโทษพวกข้าไม่ได้นะ” เจ้าห้าพูดด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์

“ข้าจะหามาให้ ไปซะ!”

พวกมันพากันออกจากโรงเตี๊ยมไปทันที แต่กลับเจอเข้ากับถังหลี่ ดวงตาของชายตัวผอมหรี่ลง

“แม่นางน้อย…” มันค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ถังหลี่ แต่แล้วความเจ็บปวดก็ผ่านแปลบเข้ามาที่ดวงตาของมันทันที มันร้องออกมา

“โอ๊ย!”

“ตาข้า! ไอ้สารเลวที่ไหน!”

ชายผอมสูงโกรธมาก สายตาของมันปะทะเข้ากับหน้าอกแข็งแกร่งกำยำของคนผู้หนึ่ง มันแหงนหน้าขึ้นมอง จึงเห็นชายร่างสูงที่มีท่าทางเหี้ยมโหด กำลังจ้องตอบมันด้วยสายตาที่เย็นชา มันแข้งขาอ่อนลงทันที

“พี่ชาย พี่ชาย! ข้าเดินไม่ระวังทางเอง ขอโทษด้วยขอรับ”

พูดจบมันก็วิ่งหนีไป เว่ยฉิงกำหมัด กล้าโลภภรรยาของเขาหรือ? หากพวกมันไม่วิ่งหนีอย่างเร็ว เขาคงได้ซัดเข้าที่ลูกตาอีกข้างหนึ่งของมันแล้ว!

“สี่คนนั่นดูท่าทางแปลก ๆ พวกนั้นเป็นใครกันหรือ?” ถังหลี่ถามเสี่ยวเอ้อร์

ถังหลี่รู้สึกว่าคนกลุ่มนั้นไม่น่าจะใช่แขกที่มาพักโรงเตี๊ยม หรือว่าจะเป็นพวกก่อกวน?

“ข้าไม่รู้ แต่เถ้าแก่เนี้ยอาจจะรู้” เสี่ยวเอ้อร์ส่ายหัว

ถังหลี่เดินไปหาฮวาเฟิ่งเซี่ยทันที หญิงสาวพบว่าอีกฝ่ายนั่งเหม่อลอยอยู่ภายในห้องของตน ท่าทางนางดูผิดปกติ

“พี่ฮวา… ท่านเป็นอะไรไป?” ถังหลี่รู้สึกกังวล

เถ้าแก่เนี้ยฮวามองไปที่ถังหลี่อย่างตื่นตระหนก ตอนนี้นางอยากขอความช่วยเหลือจากใครสักคน

แม้ว่าถังหลี่จะอายุน้อยกว่านาง แต่ว่าหญิงสาวมีความคิดและเก่งกาจมากกว่านางเสียอีก….

ฮวาเฟิ่งเซี่ยไว้ใจถังหลี่มาก

“ถังถัง ข้ามีเรื่องอยากจะบอกเจ้า…” เถ้าแก่เนี้ยฮวาเกริ่น

“พี่ฮวามีอะไรหรือ?” ถังหลี่จ้องไปที่นางด้วยแววตาที่จริงจัง

หญิงสาวกำลังอ้าปากพูด แต่แล้วนางก็หยุดไปเสียดื้อ ๆ

ถังหลี่จะรังเกียจนางไหมหากรู้อดีตที่ผ่านมาของนาง…

ถังหลี่เป็นสหายที่นางรักและห่วงใยที่สุด ฮวาเฟิ่งเซี่ยไม่อยากให้ถังหลี่รังเกียจนาง

“ถังถัง มะรืนนี้ข้าจะแต่งงานแล้ว ข้าเลยประหม่านิดหน่อย วันข้างหน้าของข้าคงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ข้าไม่อาจคาดเดาได้”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพูดเบา ๆ จงใจบิดเบือนว่านางนั้นรู้สึกไม่มั่นใจและหวั่นกลัวชีวิตแต่งงาน

“พี่สาว… ท่านไม่ต้องวิตกกังวลไป ท่านมีใจให้เฉาจี เฉาจีเองก็มีใจให้ท่าน การแต่งงานคือการที่คนสองคนรักกันจะได้หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว หลังจากแต่งงานแล้วท่านจะได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน อาจจะมีปากเสียงกันบ้างแค่เล็กน้อย ..แต่นั่นคือความสุขในชีวิต วันข้างหน้าพี่ฮวามีลูก พี่ฮวาเป็นสาวงาม ลูก ๆ ของท่านจะต้องน่ารักมากอย่างแน่นอน” ถังหลี่ปลอบโยน

สิ่งที่ถังหลี่พูดออกมาคือสิ่งที่ฮวาเฟิ่งเซี่ยโหยหามาตลอด เมื่อถังหลี่พูดจบหันไปมองนางเห็นดวงตาที่แดงก่ำ พร้อมกับน้ำตาที่กำลังไหลลงมา

“พี่สาว…” ถังหลี่ลังเล

“ถังถัง.. สิ่งที่เจ้าพูดนั้นช่างสวยงามเหลือเกิน น้องสาว… ข้าตื่นเต้นมากเลย..”

ถังหลี่รู้สึกว่าน้ำตาที่ไหลออกมาของเถ้าแก่เนี้ยฮวา ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้น แต่มันคือน้ำตาของความเจ็บปวด

“พี่ฮวา…”

“โอ้… น่าอายมากเลย ถังถังเจ้าออกไปก่อนได้ไหม ปล่อยข้าร้องไห้เงียบ ๆ สักพัก”

ว่าแล้วนางก็ผลักถังหลี่ออกจากห้องไป

ถังหลี่ต้องการถามนางให้รู้เรื่องอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายไม่ให้โอกาสนาง ภายในห้องนอนฮวาเฟิ่งเซี่ยปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมาเงียบ ๆ เป็นเวลานาน

ถังถังพูดถึงวันข้างหน้าที่งดงาม

เพียงแค่คิดนางก็รู้สึกมีความสุขแล้ว

ฮวาเฟิ่งเซี่ยต้องการชีวิตแบบนั้น…

เถ้าแก่เนี้ยฮวานำเงินเก็บทั้งหมดของตนออกมาในนั้นเป็นเงินที่รวมกันได้ประมาณแปดร้อยตำลึงเท่านั้น หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจหยิบเครื่องประดับทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ที่ตู้ของนางออกมา และหอบมันไปยังโรงรับจำนำทั้งหมด

หมดนี่นางคงจะได้เงินสักหนึ่งพันเจ็ดร้อยตำลึง…

ฮวาเฟิ่งเซี่ยคิดว่านางทำสิ่งที่ทำได้ไปหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปหาเงินอีกสามร้อยตำลึงที่ไหนมา เถ้าแก่เนี้ยฮวากัดฟันถอดต่างหูและกำไลข้อมือของตนออก

“เถ้าแก่เนี้ยฮวา ของ ๆ ท่านเป็นสินค้าคุณภาพสูง หากท่านอยากจะจำนำล่ะก็ ข้าจะให้ท่านห้าร้อยตำลึง!” เจ้าของโรงรับจำนำกล่าวอย่างตื่นเต้น

ห้าร้อยตำลึง…

สิ่งนี้เป็นของที่เฉาจีให้นางไว้ หญิงสาวไม่อยากทิ้งมันไปง่ายๆ

“ไม่ต้องหรอก สามร้อยตำลึงพอ” เถ้าแก่เนี้ยฮวากล่าว

เถ้าแก่โรงรับจำนำลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า

“ตกลง เป็นเพราะพวกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ”

หญิงสาวมอบต่างหูและสร้อยข้อมือให้โรงจำนำแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะรับเงินมา

วันต่อมา

ฮวาเฟิ่งเซี่ยมอบเงินสองพันตำลึงให้แก่พวกชายโฉด หญิงสาวมองไปที่พวกเขาและกล่าวว่า

“พวกเจ้าสัญญาว่าจะออกไปจากฉินโจวทันทีที่ได้เงิน”

“แน่นอน ข้าสาบานแล้ว เราจะออกเดินทางจากเมืองทันทีในเช้าตรู่ของวันมะรืน พวกเราจะจากไปก่อนวันงานแต่งงานเจ้าแน่นอน” พี่คนที่ห้าเอ่ยคำสัตย์

เถ้าแก่เนี้ยฮวาหันหลังและเดินจากไปทันที

“เจ้าห้า ลืมคำสัญญาไปเถอะ นี่มันเนื้อชั้นดีเลยนะ” ชายผอมมองไปที่ด้านหลังของหญิงสาวอย่างน้ำลายสอ

เขาหันมาตบไปที่ศีรษะชายผอมทันที

“เจ้ารู้อะไรไหม หากเรารีบร้อนนางไม่มีทางยอมแน่ พวกเราจะไม่ได้อะไรเลย เราต้องใช้เวลาค่อย ๆ บีบให้นางแห้งตายช้าๆ”

ชายร่างผอมชะงัก

“เจ้าห้า เจ้านี่มันเลวเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ”