ตอนที่ 191

The simple life of the emperor

เทียนหลางกําลังนั่งทานผลไม้ที่เพิ่งหยวนเป็นคนปลอกให้อยู่ในห้องพร้อมกับดูทีวีไปด้วยในขณะนั้นเองมือถือของเขาก็มีสายเรียกเข้า

เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์แปลกๆ

“ฮัลโหสิครับ ?”

เทียนหลางรับสายด้วยความงุนงงเล็กน้อยเพราะปกติแล้วเบอร์นี้ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักนอกเสียจากคนสนิทหรือเพื่อนเท่านั้น แต่วันนี้กลับมีเบอร์แปลกโทรมา

[ ขอโทษนะคะ นั่นใช่เบอร์ของคุณเทียนหลางหรือเปล่าคะ ?]

เสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังออกมาจากปลายสายทําเอาเทียนหลางสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบใช่กลับไป

“ใช่ครับ ว่าแต่นั่นใคร ?”

[ ดิฉันชื่อ จูหยินค่ะ เป็นครูของหลินเสี่ยวเอ๋อพอดีว่าหลินเสี่ยวเอ๋อเธอมีปัญหาที่โรงเรียนนิดหน่อย ตอนแรกดิฉันจะโทรหาคุณแม่ของเธอแต่ว่าเธอไม่รับสาย เธอเลยบอกว่าให้โทรมาเบอร์นี้ นะคะ ]

“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นเดี๋ยวผมจะรีบไป”

เทียนหลางวางสายก่อนจะหันมาพูดกับเพิ่งหยวน

“ผมขอไปโรงเรียนของหสิ้นหสิ้นหน่อยนะ

เพิ่งหยวนพยักหน้า

“ได้สิคะ รับเธอกลับมากินข้าวเย็นด้วยเลยก็แล้วกัน”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะแต่งตัวและขับรถออกไปที่โรงเรียนของหลินหลิน เทียนหลางแปลกใจเล็กน้อยที่หลินหลิ่นนั้นมีปัญหาที่โรงเรียน

เนื่องจากปกติแล้วเธอจะเป็นคนเรียบร้อยและเชื่อฟังคําสั่งสอนเป็นอย่างดีไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือข้างนอกก็ตาม น่าแปลกใจที่จู่ๆเธอจะมีปัญหาที่โรงเรียนได้

ไม่นานนักเรียนหลางก็มาถึงโรงเรียนประถมซาง เขาจอดรถที่ลานจอดรถด้านหน้าเสียงของเครื่องยนต์ที่12 ได้เรียกความสนใจของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่อยู่ในโรงเรียนให้ออกมาดู

“โอ้ นั้นมันรถสปอร์ตนี่ !”

“รถของใครกันนะ ?”

“เท่ชะมัด !”

เทียนหลางลงมาจากรถด้วยท่าที่สบายๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ตึกเรียน การมาของเทียนหลางสร้างความสงสัยให้กับจํานวนนับไม่ถ้วนในโรงเรียน

“เขาเป็นใครกันนะ ?”

“พี่ชายคนนั้นโครตเท่ !”

เทียนหลางเดินเข้ามาตึกเรียนก็ถามทางไปห้องพักครูกับเด็กนักเรียนแถวนั้น เมื่อมาถึงด้านหน้าห้องพักครูเทียนหลางก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากด้านใน

“มันจะไม่เป็นไรได้ไง เด็กคนนี้ทําร้ายลูกของผมจนแขนเกือบหัก เรื่องนี้คุณจะอธิบายยังไง

“เรื่องนี้มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่เลยค่ะ หลินเสี่ยวเอ๋อนั้นเป็นเด็กดีมากไม่มีทางที่เธอจะทําร้ายคนอื่นเป็นอันขาด”

เสียงแก้ต่างดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงของชายวัยกลางคนตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง

“มันจะไปผิดพลาดได้ยังไง ในเมื่อลูกชายของผมบอกเองว่าเธอเป็นคนทํา !”

เทียนหลางที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ก็พบกับชายวัยกลางคนร่างใหญ่กําลังยืนตะโกนใส่ครูสาวคนหนึ่งอยู่ข้างๆเขานั้นมีเด็กผู้ขายร่างอ้วนที่มีผ้าพันแผลที่แขนยืนอยู่ด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ข้างๆครูสาวนั้นมีหลินเสี่ยวเอ๋อกําลังยืนอยู่ด้วยท่าสํานึกผิด เทียนหลางที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไป

“ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ปกครองของหลินเสี่ยวเอ้อ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไร นงั้นเหรอครับ ?”

เทียนหลางถามออกไปแบบนั้นแม้แท้จริงแล้วเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ต้องถามเพื่อเป็นมารยาท หลินเสี่ยวเอ๋อที่เห็นเทียนหลางเดินมาก็แสดงสีหน้าที่ใจออกมาทันทีพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเทียนหลาง

“อาจารย์หลินเสี่ยวเอ๋อเข้ามากอดเทียนหลางเขาลูบหัวเธอเล็กน้อยก่อนจะมองกลับไปที่ครูสาว ครูสาวจ้องมองเทียนหลางด้วยท่าที่ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นผู้ปกครองของห สิ้นเสียวเอ้อ

เนื่องจากเธอเคยคุยกับแม่ของหลินเสี่ยวเอ๋อมาก่อนทําให้รู้ได้ว่าตัวคุณแม่ของหลินเสียวเองค่อนข้างจะมีอายุเล็กน้อย ไม่มีทางที่เด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นพ่อของเธอได้เลย

เมื่อเห็นว่าครูสาวกําลังสงสัยในตัวเขา เขาเลยพูดกลับไปสั้นๆ

“ผมเป็นพี่ชายของเธอนะครับ”

ครูสาวพยักหน้าจากนั้นเธอก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในเทียนหลางได้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าเด็กชายร่างอ้วนคนนี้วิ่งมาฟ้องเหล่าครูว่าหลินเสียวเอ๋อนั้นได้ทําร้ายร่างกายเขาจนบาดเจ็บ

ในตอนแรกพวกครูก็ไม่มีท่าทีอะไรมากนักเนื่องจากมีเด็กๆเล่นกันจนบาดเจ็บอยู่มากมายในแต่ละวันแต่เมื่อบอกดูดีๆแล้วปรากฏว่าแขนของเขากลับเกิดอาการบวมและ พวกครูจึงรีบพาเขาไปโรงพยาบาลปรากฏว่าแขนของเขาแตกเล็กน้อยและเกิดออาการภายใน

เมื่อเห็นมีการบาดเจ็บร้ายแรงเกิดขึ้นจากเรื่องเล็กน้อยจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา คุณครูได้ติดต่อผู้ปกครองของทั้งสองฝ่ายแต่ปรากฏว่าติดต่อผู้ปกครองของหลินเสียวเอ๋อไม่ได้หลินเสียวเอ อจึงบอกเบอร์ของเทียนหลางให้ครูไป

เมื่อเทียนหลางได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเขาก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นพ่อของเด็กชายร่างอ้วนก็ได้หันมาพูดกับเทียนหลาง

“น้องสาวของแกทําร้ายลูกชายฉันจนบาดเจ็บขนาดนี้ แกจะชดใช้ยังไง ?”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“เดิมที่แล้วหลินหลินนั้นเป็นเด็กที่เรียบร้อยอย่างมากเธอจะไม่ทําร้ายใครก่อนแน่นอนหาก ไม่มีเหตุผลจําเป็น แต่เนื่องจากผมไม่อยากจะให้เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก เอาเป็นว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดผมจะจ่ายให้แถมค่าทําขวัญอีกสองพันหยวนก็แล้วกัน คุณพอใจหรือเปล่า

เมื่อบรรดาครูทุกคนในห้องได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะพูดแบบนี้โดยปกติแล้วต้องขอโทษกันก่อนไม่ใช่เหรอ นี่มาถึงก็เข้าเรื่องเงินเลย อะไรกันเนี้ย ?

เมื่อผู้ปกครองของอีกฝ่ายได้ยินคําพูดของเทียนหลางเขาก็คิดเล็กน้อยก่อนจะมองเทียนหลางด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า

“แน่นอนว่าค่ารักษาพยาบาลฝ่ายแกต้องเป็นคนจ่าย แต่ค่าทําขวัญนั้นฉันไม่โอเค แกจะต้องชดใช้ค่าทําขวัญให้ลูกของฉันสองแสนหยวน !!”