บทที่ 207 แค่บังเอิญเท่านั้น

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 207 แค่บังเอิญเท่านั้น

“ลูกเขยจ๋า รีบโทรศัพท์ให้พวกเธอดูเร็วเข้า ทำให้พวกเธอรู้ว่านายรู้จักผู้บริหารระดับสูงของมู่ซื่อกรุ๊ป!”จ้าวหลินพูดอย่างมีน้ำโห

หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูก น่าโมโหมาก ความโกรธในวันนี้ เธอจะต้องระบายออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจากนี้ไปเธอคงไม่มีหน้าพบเจอกับหลินซ่วนหร่านอย่างแน่นอน

“ก็ได้”

ในเมื่อจ้าวหลินพูดขนาดนี้แล้ว เขาจึงทำได้แค่พยักหน้า แล้วหยิบมือถือขึ้นมา

ผ่านไปไม่นาน เขาก็โทรหาเฝิงจงเหลียงติด

หลังจากที่คุยกันไม่กี่ประโยค เขาก็วางสายไป แล้วพูดกับจ้าวหลินว่า“จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”

“เร็วขนาดนี้เลยหรอ?”จ้าวหลินตกตะลึง แค่พูดไม่กี่ประโยค ก็จัดการได้แล้วหรอ?

“เหอะๆ ตอแหล ตอแหลต่อไปเถอะ ฉันจะรอดูว่าจะตอแหลไปได้สักกี่น้ำกันเชียว!”

หลินซ่วนหร่านมองไปที่มู่เซิ่งแล้วหัวเราะเยาะ พลางพูดเสียดสี

“แค่พูดสองประโยค ก็หางานให้ฉันได้แล้ว จบง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?แกคิดว่ามู่ซื่อกรุ๊ปบ้านแกเป็นคนเปิดรึไงกัน คิดจะทำส่งๆแบบนี้ก็ไม่ควรทำแบบนี้รึเปล่า!”

“หลิ่วจือ เราไปกันเถอะ เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของจ้าวหลินกำลังเล่นตลกกับเรา!”

หลินหลิ่วจือพยักหน้า หัวเราะเย้ยหยัน“จากนี้ไปเราต้องไปมาหาสู่กับคนอย่างนี้ให้น้อยๆหน่อย คนรวยนี่มันใจจืดใจดำจริงๆ!”

จ้าวหลินรู้สึกร้อนรน กำลังเตรียมจะอธิบายอยู่นั้น ในเวลานี้เอง จู่ๆมือถือของหลินหลิ่วจือก็สั่นขึ้นมา มีสายเรียกเข้าที่ไม่คุ้นเคยซึ่งไม่ได้บันทึกไว้

แต่เมื่อหลินหลิ่วจือมองดู จู่ๆก็พูดอย่างตกใจว่า“แม่คะ เบอร์นี้เป็นเบอร์ของมู่ซื่อกรุ๊ปค่ะ!”

ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นประกาศรับสมัครของมู่ซื่อกรุ๊ป คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ จะโทรเข้ามาหาเธอโดยตรง!

“รับเร็วเข้า เร็วเข้าสิ”

หลินซ่วนหร่านเร่งเร้า

หลินหลิ่วจือรีบโยนตะกร้าผลไม้ในมือทิ้งทันที และไม่มีเวลาสนใจคนในครอบครัวของเจียงหว่าน เธอจัดเสื้อผ้าเล็กน้อย แล้วหยิบมือถือขึ้นมา รับสายอย่างตั้งใจ

มือของเธอประคองโทรศัพท์ไว้ ด้วยท่าทีเคร่งขรึม และพยักหน้าไม่ขาด อาจจะเป็นเพราะท่าทีที่เห็นด้วย ผ่านไปไม่นานหลังจากที่เธอวางสายไป รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปล่งออก อย่างไม่สามารถห้ามได้

“ลูก เป็นยังไงบ้าง?ปลายสายว่ายังไงบ้าง?”

เมื่อเห็นรอยยิ้มของหลินหลิ่วจือ หลินซ่วนหร่านก็ขยับเข้าไปถาม

“แม่คะ แม่คงไม่รู้ เมื่อสักครู่มู่ซื่อกรุ๊ปโทรหาหนูค่ะ เลขาฉินบอกหนูว่า หนูสัมภาษณ์งานผ่านแล้วค่ะ!”

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป หนูจะได้ไปทำงานที่มู่ซื่อกรุ๊ปแล้วค่ะ!อีกอย่างแค่ช่วงฝึกงาน หนูก็จะได้รับเงินเดือนหนึ่งหมื่นแล้ว หลังจากเป็นพนักงานประจำ หนูจะได้เงินสองหมื่นทุกๆเดือน ปลายปียังมีโบนัสอีกด้วย ถ้าทำงานดี เงินล้านก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป!”

เมื่อนึกถึงว่าตนสามารถเข้าไปทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ป หลินหลิ่วจือก็ตื่นเต้นจนมือไม้อยู่ไม่สุข ใบหน้าที่มีแต่ความเย็นชาถากถางเสียดสี ได้จางหายไปอย่างสิ้นเชิง

“นะ นี่มันจริงหรอ?”

หลินซ่วนหร่านทำหน้าไม่กล้าเชื่อ

คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ขอร้องคนอื่นตั้งนาน จะสามารถแก้ไขได้ภายในพริบตาเดียว

“แม่คะ นี่คือเบอร์ของมู่ซื่อกรุ๊ปค่ะ ใครจะกล้าปลอมล่ะคะ?อีกอย่างเขาบอกว่า พรุ่งนี้ให้หนูไปรายงานตัวที่มู่ซื่อกรุ๊ปเลย จะให้เงินหนูมาใช้ก่อน!”

หลินหลิ่วจือพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ

ทุกวันนี้ คนที่กล้าปลอมเป็นคนของมู่ซื่อกรุ๊ป ล้วนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตายไปยังไง

เจียงหว่านแอบมองดูมู่เซิ่งแวบหนึ่ง ด้วยแววตาซับซ้อน เธอรู้ดี ว่านี่ต้องเป็นฝีมือของมู่เซิ่งอย่างแน่นอน

จ้าวหลินอ้าปากค้าง จนหุบไม่ได้ คิดไม่ถึงว่ามู่เซิ่งจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ดูท่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับมู่ซื่อกรุ๊ปจริงๆ

แต่หลังจากที่หลินหลิ่วจือมั่นใจแล้ว หลินซ่วนหร่านก็ยิ้มอย่างมีความสุข

“ฮ่าๆๆ ดีจริงๆเลย ลูกสาวฉันได้เข้าทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ป!สวรรค์มีตาจริงๆเล้ย!”

พูดจบ เธอก็รีบโทรหาญาติพี่น้องของเธอทันที แทบจะรายงานเรื่องนี้จนทั่ว!

“เหอะๆ คราวนี้ เชื่อแล้วใช่ไหม?ว่ามู่เซิ่งรู้จักประธานของมู่ซื่อกรุ๊ปจริงๆ”จ้าวหลินที่อยู่ข้างๆพูดอย่างมีชัย

เจียงหว่านพยักหน้า แรกเริ่มเธอถูกแขวะอยู่นาน เธออยากพิสูจน์ให้มู่เซิ่งสักครั้ง

แต่ใครจะไปรู้ว่า หลินซ่วนหร่านจะเหลือบมองมู่เซิ่ง แล้วทำเสียงหึ“มู่เซิ่ง เขาเนี่ยนะ?”

“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ มู่เซิ่งเป็นแค่ไอ้สวะก็เท่านั้นแหละ ปกติมันก็ทำได้แค่ทำความสะอาดบ้านกับทำกับข้าว ไม่มีงานทำด้วยซ้ำ คุณคิดว่าเขามีปัญญาทำเรื่องแบบนี้จริงหรอ?”

“สายที่โทรมาเมื่อกี้ ฉันฟังมันอย่างชัดเจน มู่ซื่อกรุ๊ปบอกว่าลูกสาวฉันสัมภาษณ์งานผ่านแล้ว!เป็นเพราะคะแนนสัมภาษณ์งานเธออยู่ในระดับดีเยี่ยม คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?”

“เรื่องนี้ เกี่ยวอะไรกับมู่เซิ่งกันล่ะ?”

หลินซ่วนหร่านทำหน้าดูถูก แล้วพูดอย่างเย้ยหยันว่า“เป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้นแหละ เธอคงไม่คิดจริงๆหรอกใช่ไหมว่า แค่เขาโทรกริ๊งเดียว จะจัดการเรื่องใหญ่แบบนี้ได้?”

หลินหลิ่วจือได้ใจมาก พูดแดกดันว่า“ฮ่าๆๆ จ้าวหลิน คุณเพ้อฝันเกินไปรึเปล่า มู่ซื่อกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เนี้ยบขนาดนั้น คุณคิดว่าลำพังใช้เส้นสายจะได้เข้าไปทำงานงั้นหรอ?”

หลังจากถูกรับเข้าทำงาน เธอลืมเป้าหมายในการมาที่นี่ทันที ท่าทางเหมือนคนเลวที่ได้ใจ ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเธอทั้งหมด

“พวกเธอ……”

เจียงหว่านตกตะลึง หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูกนี่ น่าด้านเกินไปแล้ว?

“พอแล้ว หยุดพูดได้แล้ว เรื่องนี้เป็นเพราะลูกสาวฉันเก่ง เธอคิดหรอว่าสามีของเธอเก่งจริงๆน่ะ?”

หลินซ่วนหร่านไม่เชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับมู่ซื่อกรุ๊ป

จ้าวหลินรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เธอลุกขึ้นยืนทันที“มู่เซิ่ง นายบอกเธอไปสิ เรื่องนี้นายเป็นคนจัดการใช่ไหม!”

ก่อนหน้านี้เธอทำเพื่อศักดิ์ศรี ถึงได้ให้มู่เซิ่งโทรศัพท์ช่วย แต่สุดท้ายตอนนี้หลินซ่วนหร่านสองแม่ลูกกลับไม่ยอมรับ ทำให้จ้าวหลินรู้สึกโกรธมากขึ้น

ในใจของเธอรู้ดี หลินหลิ่วจือนักศึกษาที่ไม่เรียนแม้แต่ปริญญาตรี ถ้าดูจากเกรดเฉลี่ยการเรียนแล้ว ไม่มีสิทธิ์ได้เข้ามาทำงานในบริษัทของเจียงหว่านด้วยซ้ำ แล้วจะมีสิทธิ์ได้เข้าไปทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปได้อย่างไร!

จะต้องเป็นการช่วยเหลือจากมู่เซิ่งถึงจะถูก!

“พอได้แล้วๆ!”

หลินซ่วนหร่านโบกมือไปมา ไม่อยากฟังคำอธิบายของมู่เซิ่ง

“หลินหลิ่วจือได้เข้าทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปวันนี้ ฉันอารมณ์ดีมาก ขี้เกียจถือสาคนพวกเธอ”

“ถ้าพวกเธอจะหน้าไม่อายขนาดนี้ บอกว่าเป็นผลงานของมู่เซิ่ง งั้นก็ให้ถือเป็นผลงานของมู่เซิ่งไปเถอะ ถึงยังไงฉันก็ไม่แคร์ จากนี้ไปฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเป็นอันขาด”

“เหอะๆ ลาก่อน!”

พูดจบ หลินซ่วนหร่านพาหลินหลิ่วจือเดินออกไป จากคฤหาสน์หลังนี้อย่างหยิ่งผยอง

เรื่องที่ได้เข้าทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปแพร่ออกไปในทันที เธอรีบเชิญเพื่อฝูงมาเลี้ยงฉลอง!

เพียงแต่หลังจากที่หลินหลิ่วจือก้าวออกจากประตู ก็อดสงสัยไม่ได้ ตอนที่เธอไปเยือนมู่ซื่อกรุ๊ป เธอไม่ทันได้เข้าไปก็ถูกไล่ออกมาแล้ว ทำไมมู่ซื่อกรุ๊ปถึงว่าตัวเองสัมภาษณ์งานล่ะ?

แต่ว่า เธอก็ส่ายหัวไปมา เพื่อสะบัดความคิดเหล่านี้ออกไป ไม่ว่าอย่างไร เธอก็ได้เข้าทำงานในมู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว คิดเรื่องไร้สามารถพวกนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน?

ไม่แน่อาจจะเป็นบททดสอบจากมู่ซื่อกรุ๊ปก็ได้ ถึงได้ไล่เธอออกไป

หลินซ่วนหร่านกับหลินหลิ่วจือทั้งสองคนออกจากคฤหาสน์ทันที จ้าวหลินรู้สึกหน้าเสีย ราวกับเธอกินอุจจาระก็ไม่ปาน ความโกรธสั่งสมอยู่ในอก

มู่เซิ่งส่ายหัวไปมาแล้วยิ้มอย่างเฝื่อนๆ หากไม่เป็นเพราะความโอ้อวดจองจ้าวหลิน คงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้เป็นแน่

อย่างมากก็แค่บอกกับเฝิงจงเหลียง ให้ไล่เธอออกไปก็พอแล้ว