ตอนที่ 240 พี่ชายแท้ๆ ก็ไม่ได้
ตอนบ่ายมู่เถาเยาไม่ไปที่ไหนอีก อยู่ที่บ้านอ่านตำราโบราณและหารือเรื่องอาการป่วยของตี้อู๋เปียนกับทุกคน
ครั้งนี้ที่กลับมาหลักๆ คือเรื่องอาจารย์อาเล็กกับลู่จือฉิน กลับมาอีกทีน่าจะต้องรอช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ไปรับผู้อาวุโสทั้งสี่ที่เผ่าก่อนแล้วถึงกลับมา
คนอื่นๆ ก็ไม่ได้รบกวนพวกเขา แม้แต่เจ้าถุงลมน้อยก็ไม่ได้ไปเกาะแกะมู่เถาเยาอยากให้เล่นด้วย
เวลาผ่านไปเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาก็ถึงเวลาอาหารเย็น
เป็นอาหารแบบบ้านๆ ที่เรียบง่าย อร่อย และมีคุณประโยชน์ อีกทั้งยังมีบรรยากาศของการกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา ทำให้ทุกคนกินอย่างอิ่มเอมใจ
หลังกินเสร็จก็ย้ายไปที่ห้องรับแขก คนที่จะกลับเย่ว์ตูไปหยิบสัมภาระของตัวเอง
“ตี้อู๋เปียน ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ปิดเทอมหน้าร้อนฉันจะไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ก่อนถึงกลับหมู่บ้านเถาหยวน สุดสัปดาห์คุณกลับไปพักที่เย่ว์ตูแล้วกัน พอถึงตอนนั้นอาจให้คุณไปที่เผ่าด้วยกัน”
ระยะทางไกลกันขนาดนี้ เธอไม่มีทางกลับมาเพื่อฝังเข็มเพียงอย่างเดียว
ถึงแม้เครื่องบินจะเร่งความเร็วได้ แต่ต้องออกนอกเขตแดนก่อน ทางที่ดีขับตามปกติดีกว่า
“อืม วันเสาร์ฉันจะกลับไป รอเธอกินข้าวเย็นด้วยกัน”
“ได้”
เย่ว์จือเหิงจ้องตี้อู๋เปียน จับผิดจากสีหน้าของอีกฝ่ายว่ามีอะไรผิดปกติกับน้องสาวของเขาหรือเปล่า
แม้เขาจะไม่ได้มีอคติกับตี้อู๋เปียนเป็นการส่วนตัว แถมยังรู้สึกสงสารด้วยซ้ำ แต่น้องสาวของเขายังเด็ก ยังไม่เหมาะกับการมีแฟน
และที่สำคัญที่สุดคือ น้องเขยของเขาห้ามอายุสั้น!
จุดนี้จะถอยให้ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
เมื่อคนมากันครบ พวกมู่เถาเยาก็ไปยังลานจอดเครื่องบิน
เจียงเฟิงเหมียนกอดลู่จือฉินร้องไห้สะอึกสะอื้น เล่นเอาเจ้าถุงลมน้อยที่กอดขามู่เถาเยาอยู่ก็ร้องด้วย
ทุกคนหมดคำจะพูด
กู่ย่าพูดด้วยความจนปัญญา “เสี่ยวเหมียน ถ้าทำใจไม่ได้ก็กลับเย่ว์ตูพร้อมพวกเรา ดูซิทำเสี่ยวอันเหยี่ยร้องไปด้วยเลย”
ลู่จือฉินตบบ่าเจียงเฟิงเหมียนเบาๆ “ไว้เสี่ยวเยาเยากลับมาอีกครั้งอาก็จะกลับมาด้วย เสี่ยวเหมียนอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนอาจารย์ลุงใหญ่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ”
เจียงเฟิงเหมียนปล่อยมือ
มู่เถาเยาอุ้มเจ้าถุงลมน้อยขึ้นมายัดให้เจียงเฟิงเหมียน
เด็กโตกับเด็กน้อยน้ำตานองหน้า สภาพมอมแมม
ทุกคนเห็นแล้วก็อยากขำ
แต่ละคนก็ไม่อยากจากกัน แต่ใช่ว่าจะไม่ได้เจอกันอีก มันถึงกับต้องขนาดนี้เลยเหรอ
หยวนเหยี่ยยิ้มพลางพูดเร่ง “เสี่ยวเยาเยา รีบขึ้นเครื่องบินเถอะ เดี๋ยวจะถึงบ้านดึก”
“ค่ะ”
มู่เถาเยากอดอาจารย์ อาจารย์แม่ และแม่ตัวเอง ร่ำลาทุกคน จากนั้นก็ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมเย่ว์เลี่ยง ลู่จือฉิน เย่ว์จือเหิง และคนอื่นๆ
ไม่นอนตำหนักพระจันทร์แค่คืนเดียวไม่ถึงกับต้องทำความสะอาดครั้งใหญ่ มู่เถาเยา เย่ว์เลี่ยง ลู่จือฉิน และเย่ว์จือเหิงเข้าพักได้ทันที
คนอื่นๆ แยกย้ายขับรถกลับบ้านตัวเอง
ปาอินก็ถูกเฉิงอันนั่วพาไปส่งที่มหาวิทยาลัย
ตอนนี้ภายในตำหนักพระจันทร์จึงเหลือเพียงคนตระกูลเย่ว์ ลู่จือฉิน และเหลียงจี
เย่ว์จือเหิงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมน้องสาวกับอาถึงได้ไว้ใจคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกขนาดนั้น พามาพักที่ตำหนักพระจันทร์ด้วย อีกทั้งยังไม่ปกปิดตัวตนของตัวเอง
ยังไม่พบคนที่ลักพาตัวน้องสาวของเขา ยังจับตัวคนร้ายที่อยู่ในที่ลับไม่ได้ พวกเขาจึงยังยอมรับกันและกันอย่างเป็นทางการไม่ได้ ยังไม่ได้ประกาศออกไปว่าเผ่าหมาป่าพระจันทร์มีผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าแล้ว ทำไมถึงได้…
แต่คนที่น้องสาวกับอาของเขาไว้ใจ คิดๆ ดูก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
แน่นอนว่าความระแวงต้องมีอยู่แล้ว แต่เขาไม่มีทางถามในช่วงเวลาแบบนี้ จะลองสืบดูเองก่อน ระมัดระวังให้มากหน่อย
ไม่มีปัญหาย่อมเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามีปัญหาก็จะได้ป้องกันไว้ก่อน
คนคนนี้เดินท่องอยู่ในป่าเซียนโหยวมาเกือบเดือน วรยุทธ์สูงส่ง เขาต้องระวังเป็นพิเศษ
อย่างไรเสียน้องสาวของอาจารย์อาเล็กคนนี้ก็เพิ่งปรากฏตัว เขาไม่กล้าวางใจเต็มร้อย
คนของหมู่บ้านเถาหยวนไม่สงสัยในตัวเธอก็เพราะเชื่อใจน้องสาวของเขา แต่เขาคิดไปไกลกว่า
เย่ว์จือเหิงมองมู่เถาเยาที่นั่งระหว่างอากับลู่จือฉิน “เสี่ยวเยาเยาปิดเทอมเมื่อไร”
“อีกสองอาทิตย์ค่ะ”
“ปิดเทอมแล้วกลับเผ่าเลยไหม”
“ถ้าไม่ติดพันเรื่องอื่นก็จะกลับเลยค่ะ”
“ได้ พี่จะได้แบ่งเวลามาอยู่ด้วย”
“พี่ใหญ่เพิ่งได้อำนาจทหารมาในมือ มีหลายเรื่องต้องทำ ให้พี่รองไปเก็บสมุนไพรพร้อมฉันกับอาจารย์สามก็พอแล้วค่ะ”
เย่ว์จือเหิงถามลู่จือฉิน “อาจารย์สามก็ว่างกลับไปด้วยกันเหรอครับ”
ลู่จือฉินยิ้มพลางพยักหน้า “ได้ยินมาว่าที่เผ่ามีสมุนไพรเต็มไปหมดทุกที่ อยากไปดูนานแล้ว แต่น่าเสียดายที่หมอเทวดาปาถิงจากไปเร็ว ไม่อย่างนั้นฉันคงถูกเชิญไปที่เผ่านานแล้ว”
“อาจารย์สามรู้จักปู่ปาถิงด้วยเหรอครับ” เย่ว์จือเหิงประหลาดใจมาก
“เคยมีวาสนาได้พบกันครั้งหนึ่ง”
มู่เถาเยา “พี่ใหญ่ ปาเฝ่ยกับปาอินก็เคยเล่าให้ฉันฟัง หมอเทวดาปาถิงรู้เรื่องดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตมาจากอาจารย์สามค่ะ”
ลู่จือฉินยิ้ม “ฉันกับหมอเทวดาปาถิงเคยเจอกันในหุบเขาลึกของหมู่บ้านตงจี๋ ตอนนั้นเขาเจอต้นที่รูปร่างประหลาดของหญ้าจันทร์พบ พวกเราเลยคุยกัน คุยไปคุยมาก็พูดถึงดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิต”
เย่ว์จือเหิงพยักหน้าเล็กน้อย
เขาไม่รู้เรื่องนี้ แต่ไม่น่าโกหกกันได้ อาเฝ่ยก็น่าจะรู้ เดี๋ยวเขากลับไปค่อยลองถามดู
“น่าเสียดาย ฉันเองก็ไม่รู้ว่าดอกไม้สองชีวิตกับหญ้าพิษชีวิตขึ้นตรงไหน ไม่อย่างนั้นคงชวนหมอเทวดาปาถิงไปเก็บด้วยกันแล้ว เขาสนใจเรื่องนี้มาก”
เย่ว์จือเหิงเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็ถามออกไป “อาจารย์สามรู้เรื่องปู่ปาถิงเสียชีวิตได้ยังไงครับ”
ข่าวนี้ไม่น่าถูกแพร่งพรายออกไป
“ในมือถือของฉันยังมีข้อความที่คุยกับหมอเทวดาปาถิงอยู่ เขายังส่งข้อความมาหาฉันก่อนเสียชีวิตอยู่เลย”
เย่ว์จือเหิงพยักหน้า ความเคลือบแคลงใจลดลงไปบ้าง
มู่เถาเยาฉลาดขนาดนี้ย่อมมองออกว่าเย่ว์จือเหิงไม่ไว้ใจอาจารย์สาม
“พี่ใหญ่คะ อันที่จริงฉันเคยเจออาจารย์สามเมื่อไม่กี่ปีก่อน ทั้งยังได้รับคำชี้แนะด้วย”
เธอไม่อยากโกหก แต่ทนเห็นคนตั้งข้อสงสัยอาจารย์ตัวเองไม่ได้ แม้คนคนนั้นจะเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอก็ตาม
สำหรับเธอแล้ว คนที่อยู่กับเธอมายี่สิบกว่าปี ปกป้องเธอกับเยี่ยนหังด้วยชีวิต ย่อมสำคัญกว่าพี่ชายที่เพิ่งมารู้จักตอนโต!
แต่พี่ใหญ่ระแวงขนาดนี้ก็เพราะห่วงความปลอดภัยของเธอ เธอจึงยอมโกหกดีกว่า อยากปกป้องทั้งสองฝ่าย
คำโกหกแบบนี้ไม่มีเจตนาร้าย ต่อให้อีกหน่อยถูกพี่ใหญ่จับได้ก็ไม่มีทางเป็นเรื่องร้ายแรง อย่างไรเสียอาจารย์ก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ
นานวันเข้าพี่ใหญ่ย่อมได้รู้ว่าอาจารย์เป็นคนอย่างไร ไม่มีทางเอาผิดเรื่องที่เธอโกหก
เย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินต่างมองมู่เถาเยา
พวกเธอเข้าใจความคิดของมู่เถาเยา จึงพยักหน้าด้วย
“ใช่แล้ว ฉันชอบไปเก็บสมุนไพรตามที่ต่างๆ เสี่ยวเยาเยาก็ชอบเข้าป่าเหมือนกัน”
เย่ว์จือเหิงย่อมรู้งานอดิเรกของน้องสาวจึงไม่สงสัยคำพูดของลู่จือฉิน
พูดให้ถูกคือ เขาไม่มีทางสงสัยว่าน้องสาวโกหก
“พี่ใหญ่ พี่กับอากลับเผ่าเมื่อไรคะ” มู่เถาเยาเปลี่ยนเรื่องคุย
“พรุ่งนี้กินข้าวเช้ากับเธอเสร็จก็กลับเลย”
มู่เถาเยาพยักหน้า “เมื่อคืนฉันกับอาจารย์สามทำยาที่มีประโยชน์ต่อคนฝึกยุทธ์ พวกพี่ก็กินได้ค่ะ สัปดาห์ละเม็ดก็พอแล้ว กินมากไปเดี๋ยวร้อนใน”
“ได้”
“แล้วยังมียาบำรุงของคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย ตอนนี้ฉันไปจับชีพจรให้ไม่ได้ พี่ใหญ่ให้ปาเฝ่ยไปช่วยจับชีพจรแล้วค่อยกำหนดปริมาณการกินและเวลานะคะ ฉันคิดว่าสัปดาห์ละสองเม็ดก็พอแล้ว” กินวันละเม็ดมาระยะหนึ่งแล้ว
ยาที่ตัวเองทำมีสรรพคุณขนาดไหนย่อมรู้ดี แต่เนื่องจากแต่ละคนสุขภาพไม่เหมือนกัน ความสามารถในการดูดซึมแตกต่างกัน จับชีพจรก่อนค่อยกำหนดจะแม่นยำยิ่งกว่า
“ได้”
พวกเขาคุยกันอีกเล็กน้อยก็ขึ้นชั้นบนอาบน้ำพักผ่อน