บทที่ 89 ยอมรับสารภาพผ่อนหนักเป็นเบา

สะกิดหัวใจนายขี้เก๊ก

คนสองคนนั่งตรงข้ามกัน

แต่ณัฐณิชารู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างอ่อนแอ

“พูดสิ” ธราเทพเอานิ้วเคาะโต๊ะเหมือนไม่มีอะไร ตอนที่เพิ่งเข้ามา เขาก็รู้สึกได้แล้วว่าณัฐณิชารับสายของเขา

เห็นธราเทพมีสีหน้านิ่งสงบ ณัฐณิชารู้สึกอยากด่าอย่างช่วยไม่ได้

ทำไมเขายังสามารถใจเย็นอยู่ได้!

ทั้งทั้งที่เขากำลังสืบเรื่องคนอื่น……แต่จะว่าไปแล้ว เธอไม่ได้ทำเรื่องที่ทำร้ายธราเทพ จะต้องกลัวการสืบไปทำไม

ณัฐณิชาสูดจมูก หยิบกระดาษและปากกาออกมา นิ้วแตะปลายจมูกแน่น บุ้ยปากแล้วพูดว่า “อย่างแรก เราแต่งงานกันภายใต้สัญญา คุณสัญญาว่าจะช่วยฉันหาเจ้าของจี้หยก ฉันช่วยคุณกันพวกผู้หญิง ถูกไหม”

“ถูก”

“ถ้าอย่างนั้นจะว่าไปเราสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน ถูกไหม”

“ถูก”

“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาสืบค้นประวัติส่วนตัวของฉัน!” ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นสงสัยแบบนี้มันน่ารังเกียจสิ้นดี! ณัฐณิชาคิดว่าตัวเองไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิด แต่เธอเกลียดการที่คนอื่นไม่เชื่อใจ โดยเฉพาะเป็น……คนคนนี้ธราเทพที่มีข้อตกลงร่วมกันกับเธอ

จิตใจเหมือนมีบางอย่างติดขวางอยู่ ราวกับถูกคนเอาหัวใจโยนลงไปในขวดน้ำส้มสายชู มันอึดอัดรู้สึกไม่ดี

“ผมสืบเรื่องคุณ” ธราเทพไม่ได้มีความสำนึกผิด ถึงขั้นลุกขึ้นมากดตัวณัฐณิชา ร่างกายของเขามีกลิ่นอายอันแข็งแกร่ง เมื่อเข้ามาใกล้ ทำให้ณัฐณิชาหยุดหายใจ ฟังคำอธิบายของธราเทพเงียบๆ “คุณก็สามารถสืบเรื่องของผมได้”

“ฉัน……” ทุเรศ!

ฉันไม่ได้ไร้ยางอายเหมือนคุณนะ!

ณัฐณิชาอยากด่าออกมา แต่เมื่อ……มองไปที่หน้าตาราวกับแกะสลักอันสมบูรณ์แบบของธราเทพ ก็มีแรงกระตุ้นให้ด่าไม่ออก ปลายลิ้นที่กำลังจะเปล่งออกมาเป็นคำพูดพลันม้วนกลับกลืนถ้อยคำลงไป เธอกัดริมฝีปากอย่างขุ่นเคือง เป็นนานสองนานกว่าจะเอ่ยออกมาได้ “คุณคิดว่าฉันเป็นคุณเหรอ ที่สามารถหาคนสืบได้ตามต้องการ……”

“งั้นคุณอยากรู้อะไร สามารถถามผมตรงๆ ได้” ธราเทพให้คำแนะนำ

ณัฐณิชาผุดลุกขึ้นยืนฉับพลัน นี่เป็นสิ่งที่เธอสนใจหรือไง!

ธราเทพเป็นผู้ชายตรงๆ ทื่อๆ เข้าใจอะไรยากสินะ เขาต้องเป็นผู้ชายตรงๆ ทื่อๆ เข้าใจอะไรยากแน่เลยใช่ไหม!

“ฉันไม่……”

“คุณอยากรู้อะไร”

เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมด้วยความหล่อของธราเทพ ณัฐณิชาก็พลันพูดไม่ออก ตัวเธอไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังถูกธราเทพจูงจมูกอยู่ ตอบโต้กลับว่า “งั้นถ้าคุณอยากรู้ข้อมูลของฉัน ฉันก็บอกคุณได้นะ ไม่ต้องสืบโอเคไหม”

“งั้นได้ ผมอยากรู้ข้อมูลทุกอย่างของคุณ คุณบอกสิ”

“ฉัน……”

ทันใดนั้นณัฐณิชาก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกเอาเปรียบไปแล้วหรือเปล่า

ตอนเป็นเด็กเธอโตมาด้วยการกินนมผงยี่ห้ออะไร เรียนที่ไหนจนถึงชั้นมัธยมต้น หลังจากเล่าให้ธราเทพฟังว่าทำไมถึงลาออกจากโรงเรียนมัธยมปลาย ก็รู้สึกลึกๆ ว่ากำลังถูกหลอกแล้ว

เธอเขี่ยปลายจมูก ไม่ค่อยกล้ามองตาธราเทพตรงๆ

ผู้ชายคนนี้เป็นสุนัขจิ้งจอกกลับชาติมาเกิดเหรอ ดวงตามีเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมจิตใจมนุษย์ได้หรืออย่างไรกัน

“โอเค คำถามสุดท้าย ณัฐณิชา……”

“หยุดๆๆ” ในที่สุดณัฐณิชาก็รู้ตัว ใบหน้าเล็กสวยเหยเก นิ้วจิกฝ่ามือไม่หยุด กัดริมฝีปาก และพูดอย่างไม่ยอม “ถึงตาฉันถามคุณแล้ว จี้หยกนั่น ตกลงว่าเป็นของใครกันแน่!”

เธอไม่ได้ว่างมาเสียเวลาอยู่กับธราเทพตลอดไปนะ!

บางทีอาจจะตระหนักถึงปัญหาของณัฐณิชาตั้งนานแล้ว ธราเทพสายตาหม่นลงครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพัก จนกระทั่งเมื่อณัฐณิชาคิดว่าธราเทพจะไม่พูดอะไร ธราเทพก็พูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำที่ค่อนข้างเศร้าว่า “อาจารย์ของผม”