ฟางเหยียนไว่หลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ใบหน้าและลำคอ จากนั้นก็กล่าวกับผู้ใหญ่บ้านว่า “เมื่อก่อนพวกเจ้าต้องคอยหาบน้ำลงจากเขาไปรดแปลงนาครั้งละหลายเที่ยวเช่นนั้นหรือ ? ”

ผู้ใหญ่บ้านถอนหายใจ “ขอรับ ! โชคดีที่บัณฑิตเจียงสร้างกังหันวิดน้ำให้พวกเรา ช่างเป็นโชคแก่ชาวบ้านฉือหลี่โกวอย่างแท้ ! พวกเรารู้สึกขอบคุณเขามาก ! ”

หลังจากผู้ใหญ่บ้านพาทั้งสามคนมายืนที่ข้างสระน้ำแล้ว ชาวบ้านซึ่งรับหน้าที่ดูแลกังหันวิดน้ำก็ยิ้มทักทายผู้ใหญ่บ้าน

ฟางเหยียนไว่หลางรีบเดินเข้าหากังหันวิดน้ำ ขณะมองกระดูกมังกรซึ่งดิ่งลงในน้ำแล้วปากของเขาก็สั่นระริกด้วยความตื่นเต้น ผ่านไปอีกพักใหญ่เขาก็กล่าวออกมาว่า “กังหันน้ำกระดูกมังกร เป็นกังหันน้ำกระดูกมังกรจริงด้วย…”

“ไม่ถูก ! เหตุใดไม่มีคนคอยขับเคลื่อน แต่กังหันวิดน้ำนี้ก็สามารถชักน้ำขึ้นมาได้แล้ว ? ” ฟางเหยียนไว่หลางพบความพิเศษของกังหันวิดน้ำได้อย่างรวดเร็ว

การแสดงของผู้ใหญ่บ้านในเวลานี้เหมือนเป็นคนออกแบบและผลิตกังหันวิดน้ำเองไม่ผิดเพี้ยน เขาอธิบายพร้อมสีหน้าภาคภูมิ “เป็นบุตรสาวคนรองตระกูลหลินขอรับ ตอนที่นางเห็นพวกเด็ก ๆ ในหมู่บ้านเล่นกังหันลม นางก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา…ลมสามารถพัดกังหันลมให้ขยับได้ แล้วถ้านำมาใส่กังหันวิดน้ำเล่า ? เด็กคนนี้ค่อนข้างสนิทกับบัณฑิตเจียง ทั้งสองต้องหารือกันอยู่หลายวันและก็ทำสำเร็จจนได้ขอรับ ! ”

“บุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ? ” ฟังเหมือนเป็นเด็กสาวชาวบ้านทั่วไป ทว่าได้ยินจากปากผู้ใหญ่บ้านหลายต่อหลายครั้ง สตรีผู้นี้มีสิ่งใดดีหรือพิเศษกว่าคนอื่น ?

หลังได้ยินชื่อนี้แล้ว อาจารย์ฟ่านก็อดรู้สึกสงสัยไม่ได้ เดิมทีคิดว่าสตรีผู้นี้แค่มีความฉลาดเล็กน้อยหรือฉลาดแกมโกงจนคิดค้นวิธีเขียนบัญชีรูปแบบใหม่ขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าจะสามารถนำทางคนทั้งหมู่บ้านขึ้นเขา รับซื้อผลไม้ป่า สร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านและก็ยังเป็นนางที่ปรับปรุงกังหันวิดน้ำโดยไม่ต้องใช้แรงคนขับเคลื่อน…

เมื่อนำมารวมกันแล้ว ภาพของสาวน้อยผู้กล้าหาญ ใจดีและเฉลียวฉลาดก็มารวมอยู่ตรงหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดลูกศิษย์ของเขาคนนั้นจึงอยากยกประโยชน์ให้นางมาโดยตลอด…รักแรกของหนุ่มสาวนี่เอง พอเข้าใจได้ !

เมื่อกล่าวถึงบุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ผู้ใหญ่บ้านก็พูดได้แบบไม่รู้จักจบจักสิ้น แน่นอนว่าสิ่งที่เขาเอ่ยล้วนเป็นด้านดีของนาง ส่วนเรื่องที่แต่ก่อนนางเป็นคนสติไม่ดีย่อมไม่กล่าวถึงแม้แต่คำเดียว เนื่องจากในสายตาของผู้ใหญ่บ้านคือรูปโฉมสำคัญที่สุดสำหรับสาวน้อย ชื่อเสียงก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้นเรื่องในอดีตจะเอ่ยถึงอีกเพื่ออันใด ?

“หืม ? เช่นนั้นโรงงานแปรรูป สาวน้อยผู้นี้ก็เป็นคนสร้างใช่หรือไม่ ? ” ฟางเหยียนไว่หลางก็รู้สึกสนใจในตัวสาวน้อยผู้ชาญฉลาดคนนี้เช่นกัน

“ใช่ขอรับ ! เมล็ดสนปากอ้าไม่กี่รสนี้ก็เป็นสูตรลับของบ้านนางทั้งสิ้น ! นางยอมแบกรับความเสี่ยงไว้ก่อนเพื่อทดลองขายหนึ่งปี ถ้าผลตอบรับดีแล้ว ปีหน้าก็จะคืนโรงงานให้หมู่บ้าน เด็กคนนี้จิตใจดีขอรับ ! สำหรับชาวฉือหลี่โกวแล้ว นางถือเป็นผู้มีพระคุณ ! พอนึกถึงตอนที่บ้านนางเพิ่งหนีภัยสงครามมายังที่นี่ ช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น พวกเรากลับไม่มีใครเอื้อมมือเข้าช่วย…ช่างน่าละอายเสียจริง ! ” พอนึกถึงเรื่องนี้แล้วใบหน้าชราของผู้ใหญ่บ้านก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

“ผู้ใหญ่บ้าน วันนี้จะขึ้นเขาหรือ ? ” ทันใดนั้นเสียงคมชัดและสดใสที่ทำให้คนได้ยินรู้สึกสดชื่นก็ดังก้องไปทั่วผืนป่า

พร้อมกันนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านก็ดูจริงใจมากพอสมควร “เรียนใต้เท้า คนผู้นี้คือบุตรสาวคนรองตระกูลหลินที่ข้าน้อยกล่าวถึง นางหนูรองกลับมาจากบนเขาหรือ ? วันนี้ล่าของดีอันใดได้ ? ”

หลินเว่ยเว่ยไม่ได้อยู่คนเดียว ด้านซ้ายมือของนางคือหลีชิงรูปร่างสูงใหญ่ ด้านขวาเป็นเจียงโม่หานที่กำลังเดินด้วยท่าทีสบายพร้อมถือตำราในมือ

หลินเว่ยเว่ยเห็นคนแปลกหน้าทั้งสามตรงด้านข้างของผู้ใหญ่บ้าน นางจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไอหยา ที่บ้านมีแขกหรือ ? พอดีเลย ข้าล่ากวางได้ตัวหนึ่ง อีกประเดี๋ยวข้าจะหั่นขากวางไปส่งให้ที่บ้านท่าน ! ”

เจียงโม่หานเห็นอาจารย์ฟ่านเป็นคนแรก จากนั้นก็จดจำนายอำเภอหวางได้…ตอนสอบบัณฑิตถงเซิงระดับอำเภอนั้น นายอำเภอหวางคนนี้ก็ไปเป็นประธานสอบ จากนั้นเขาก็หันไปมองชายชรารูปร่างค่อนข้างอ้วนซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง หลังมองจากท่าทางของนายอำเภอหวางและอาจารย์ฟ่านแล้วก็เดาฐานะของอีกฝ่ายได้ไม่ยาก

เจียงโม่หานรีบเดินมาตรงหน้าอาจารย์ฟ่านแล้วทำการคารวะก่อนจะกล่าว “บัณฑิตคารวะท่านนายอำเภอ ! คารวะท่านอาจารย์ เหตุใดท่านมาที่หมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้วไม่แจ้งให้ศิษย์ทราบก่อนขอรับ”

อาจารย์ฟ่านรีบแนะนำฟางเหยียนไว่หลางให้ลูกศิษย์ได้รู้จัก “ท่านผู้นี้คือใต้เท้าฟางเป็นผู้แทนพิเศษที่ฮ่องเต้ส่งมา ฝ่าบาททรงตรัสว่ากังหันวิดน้ำที่เจ้าสร้างนั้น พระองค์เล็งเห็นความสำคัญมากจึงส่งใต้เท้าฟางมาดูก่อน….เด็กคนนี้ เจ้าสร้างกังหันวิดน้ำซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ เหตุใดไม่เล่าให้อาจารย์ฟังบ้าง ? ”

เดิมทีเข้าใจผิดว่ากังหันวิดน้ำที่สร้างโดยลูกศิษย์คนนี้จะเป็นเพียงการทดลองอันล้มเหลว คาดไม่ถึงว่าจะทำมันสำเร็จจริง ๆ และทำได้ยอดเยี่ยมมากด้วย เหนือกว่ากังหันน้ำกระดูกมังกรในตำนานด้วยซ้ำ ช่างเป็นการพัฒนาด้านชลประทานสำหรับการเกษตรอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดฮ่องเต้จึงให้ความสำคัญถึงเพียงนี้และยังส่งผู้แทนพิเศษมาตรวจสอบก่อนด้วย

ฟางเหยียนไว่หลางมองความอ่อนเยาว์และ…รูปโฉมอันงดงามของเจียงโม่หานด้วยความตกตะลึง ขณะลูบเคราใต้คางก็ถามว่า “เจ้าคือบัณฑิตเจียงผู้สร้างกังหันน้ำกระดูกมังกรเองหรือ ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มากความสามารถยิ่งนัก ! ”

“ใต้เท้ายกย่องเกินไปแล้วขอรับ ! ” เจียงโม่หานโค้งคารวะ ท่าทางไม่ร้อนรนหรือเย่อหยิ่ง ดูอ่อนน้อมและมีมารยาท แต่ท้ายที่สุดก็ยังดูเย็นชาไม่เปลี่ยน

อาจารย์ฟ่านรีบกล่าว “ท่านนี้คือใต้เท้าฟางที่อาจารย์เคยเล่าให้เจ้าฟัง ผู้แทนพิเศษที่ฮ่องเต้ส่งมา เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงให้ความสำคัญต่อเจ้าและกังหันวิดน้ำของเจ้ามากเพียงใด ! ”

ฟางเหยียนไว่หลางยิ้มแล้วบอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องมากพิธี “บัณฑิตเจียง เหตุใดเจ้าจึงคิดสร้างกังหันวิดน้ำขึ้นมา ? ”

เดิมทีคิดว่าเขาจะตอบด้วยถ้อยคำที่ชาญฉลาดเพื่อแสดงถึงสติปัญญาของตน คาดไม่ถึงว่าบัณฑิตผู้อ่อนเยาว์และหล่อเหลากลับหันไปมองสาวน้อยที่อยู่ด้านหลังครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ตอนแรกเพราะอยากช่วยทุ่นแรงในการทำงานของนางขอรับ”

จู่ ๆ หลินเว่ยเว่ยที่กำลังแกล้งเป็นฉากหลังให้เขาอยู่ก็ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง นางจึงทำตัวไม่ถูกทันที หลังได้ยินถ้อยคำที่กล่าวออกมาของบัณฑิตหนุ่มแล้ว นางก็มีความรู้สึกอยากจะยกมือปิดหน้า…เจ้าพูดเช่นนั้นจะทำให้คนอื่นคิดว่าพวกเราเป็นคู่รักกันนะ ! บัณฑิตน้อย เหตุใดเจ้าซื่อถึงเพียงนี้ ?

“หืม ? กู่เหนียงคนนี้คือ…” ใต้เท้าฟางมองสำรวจตัวหลินเว่ยเว่ย…ก็แค่เด็กสาวที่ดูฉลาดและงดงามคนหนึ่งไม่ใช่หรือ เมื่อเทียบกับรูปโฉมของบัณฑิตเจียงแล้วยังถือว่าห่างชั้นอยู่พอสมควร ใต้เท้าฟางอยู่มาได้มากกว่าค่อนชีวิตไปแล้ว ทว่าผู้ที่มีรูปโฉมทัดเทียมกับบัณฑิตเจียงเกรงว่าจะมีอยู่ไม่มาก !

“คารวะใต้เท้า ข้าน้อยชื่อหลินเว่ยเว่ยเจ้าค่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยย่อตัวคารวะ นางแสร้งไม่รู้ว่าเวลาที่สามัญชนเจอขุนนางแล้วต้องคุกเข่าคารวะ

ผู้ใหญ่บ้านสบโอกาสจึงพูดต่อทันที “เรียนใต้เท้า เด็กสาวผู้นี้ก็คือบุตรสาวคนรองตระกูลหลินที่ข้าน้อยกล่าวถึงขอรับ”

“บุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ? ” คือหนึ่งในผู้ริเริ่มสร้างระบบชลประทานน่ะหรือ ? และยังเป็นเด็กสาวที่บริจาคสูตรคั่วเมล็ดสนให้คนทั้งหมู่บ้าน ? “ธรรมชาติสร้างสม สายน้ำในฉือหลี่โกวของเจ้าช่วยหล่อเลี้ยงผู้คนได้จริง ๆ ! ”

“ใต้เท้ายกย่องเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ! ” หลินเว่ยเว่ยเอ่ยอย่างถ่อมตน

ใต้เท้าฟางเบนสายตามาที่ตัวเจียงโม่หานแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “หืม ? ที่เจ้าสร้างกังหันวิดน้ำล้วนเป็นเพราะนางเองหรือ ? ”

เวรกรรม ฟังจากถ้อยคำของใต้เท้าฟางแล้วเห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองยิ่งดูคลุมเครือมากกว่าเดิม ! ใต้เท้า ท่านอย่านินทาซึ่งหน้ากันเช่นนี้เลย

ทว่าทางฝั่งเจียงโม่หานกลับพยักหน้ารับอย่างจริงจัง “ขอรับ ! ตระกูลหลินมีบุญคุณต่อบัณฑิตและมารดา ทั้งสองบ้านเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ตระกูลหลินมีบุรุษเพียง 2 คน คนหนึ่งเป็นนักเรียนมีอายุ 13 ปีซึ่งเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาเดียวกับบัณฑิต ส่วนอีกคนเป็นเพียงเด็กน้อย

ปีนี้ประสบภัยแล้ง ไม่ว่าดื่มน้ำหรือรดน้ำแปลงนา ชาวบ้านในฉือหลี่โกวก็ต้องขึ้นเขาไปหาบน้ำทั้งสิ้น ป้าหลินร่างกายอ่อนแอ น้องชายยังเล็ก ดังนั้นปากท้องของคนทั้งบ้านจึงตกมาอยู่บนบ่าของนาง…”

ตอนต่อไป