ตอนที่ 239 ข่มขู่ ผู้ที่มีความรอบคอบจะยากต่อการผิดพลาด (3)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 239 ข่มขู่ ผู้ที่มีความรอบคอบจะยากต่อการผิดพลาด (3)

“อาการป่วยของท่านพ่อแม้ว่าจะไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่ข้าคิด แต่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกาย…” นึกไม่ถึงเลยว่าสองแม่ลูกสารเลวนั่นจะใจกล้าขนาดนี้ ที่ด้านนอก เสียงนกกาเหว่าที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

เสียงนี้ย่อมจะหมายความว่าสถานการณ์ที่ด้านนอกมีการเปลี่ยนแปลง เร่งให้เขาออกไป สีหน้าของหนิงเซ่าชิงเปลี่ยนไป มั่วเชียนเสวี่ยไม่เต็มใจจะให้เขาจากไปเลย

หนิงเซ่าชิงหอมแก้มนางฟอดหนึ่ง และกล่าวเตือน “มีเรื่องอะไร กให้อาซานและอาอู่ไปที่ทิงเฟิงเฉวียนในเมืองหลวง ข้าย้ายลุงอวี้มาอยู่ที่เมืองหลวงแล้ว”

มั่วเชียนเสวี่ยกอดเขากลับ พลางกล่าวเสียงอ่อน “ได้…”

“ดูแลตัวเองด้วย แล้วข้าจะมาหาเจ้าอีก” พอผละออกจากมั่วเชียนเสวี่ย หนิงเซ่าชิงก็ลุกขึ้นเตรียมกระโจนออกจากหน้าต่างไป จู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหยุดฝีเท้าไว้ หันหน้ากลับมาเตือนนางอีกครั้ง “อย่าใกล้ชิดซูชีมากจนเกินไป”

อันที่จริงเดิมทีเขาวางแผนที่จะมาพบนางในอีกสองสามวันข้างหน้า หลังจากที่สถานการณ์มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดีแล้ว แต่พอได้ยินมาว่านางได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังได้ยินมาว่านางให้ซูชีและเฟิงอวี้เฉินมาส่งที่จวนก็เลยรู้สึกนั่งไม่ติด

เฟิงอวี้เฉินพูดกันอย่างชัดเจนแล้วว่า เป็นเพียงการตอบแทนบุญคุณ นางไม่ได้คิดไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเขาเลย

แต่ว่า…ซูชี…แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นความรักจากในตาของนางเลย แต่เขาเห็นนางกับซูชีอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยกันด้วยตาของเขาเอง…

เพียงแค่นึกถึงฉากนี้ หว่างคิ้วของเขาก็กระตุกเล็กน้อย พอนึกถึงรอยฟันนั่นอีกครั้ง เขาก็อยากหักคอซูชีขึ้นมา

ทว่า…หากไม่มีซูชี…

ดังนั้น เขาไม่เพียงแต่หักคอซูชีไม่ได้ แถมยังต้องขอบคุณเขาอีก ความโกรธนี้เขาทำได้เพียงระงับมันไว้

มั่วเชียนเสวี่ยเห็นเขาหน้าดำคร่ำเครียดด้วยความหึงหวง จึงรู้สึกขบขันขึ้นมาทันที

นางที่ไม่อยากให้เขาไปก็ยิ้มหน้าบาน เหลือบมองเขาเล็กน้อย ท่าทางแลดูออดอ้อนเล็กน้อย พลางกล่าวอย่างเอื่อยเฉื่อย “ท่าน…หึงข้าหรือ ความจริงซูชีคนนี้ก็วางตัวไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ใจกว้างต่อสหายมาก…”

อย่างไรก็ตาม เขาต้องรีบไปเดี๋ยวนี้ โมโหซูชีไปก็เท่านั้น

……

พอหัวหน้าตระกูลมั่วกลับไปถึงจวนมั่วแล้ว ก็ได้สติกลับมา เด็กสาวคนนั้นช่างร้ายกาจจริงๆ

เพียงเกลียดตัวเองที่ตอนนั้นถูกนางกดดัน แต่ไม่ได้โต้ตอบกลับไป

จะเอาที่นา เงิน หมู่บ้านและทุกกิจการคืนกลับไป? ฝันไปเถอะ! หากนางกล้าทำแบบนั้นจริงๆ เขาก็จะใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ หาเหตุผลดีๆ มาใช้ขับไล่นางออกจากตระกูล แล้วเอาบรรดาศักดิ์กลับคืนมาได้โดยชอบธรรม

ครุ่นคิดมาทั้งคืน ในที่สุดแผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในใจ

……

เมื่อวานนี้หลับเร็วมาก อดทนต่อความทุกข์ยากมาหลายวัน รู้สึกเหนื่อยจริงๆ ตั้งแต่ฟ้ามืดจนถึงก่อนเที่ยงคืนมั่วเชียนเสวี่ยนอนหลับอย่างสบาย พอตอนเที่ยงคืนก็พบกับหนิงเซ่าชิง ในที่สุดนางก็วางใจได้เสียที

พอหนิงเซ่าชิงจากไป นางก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง และไม่ได้ฝันถึงอะไรอีกเลยทั้งคืน นางตื่นแต่เช้าตรู่ รู้สึกมีชีวิตชีวามาก ตอนนี้นางต้องกักตัวอยู่แต่ในเรือน พอดีเลยจะได้ช่วงเวลานี้ฟื้นฟูร่างกายตัวเอง ทำความคุ้นเคยกับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ในเมืองหลวง และเป็นเวลาที่ควรจัดการเรื่องต่างๆ ในจวนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

นางรู้ว่าเฟิงชิงอวี้ มารดาของนางทิ้งสินเดิมเอาไว้ให้ไม่น้อย

บุตรีของตระกูลขุนนางขั้นหนึ่งออกเรือน สินเดิมย่อมจะไม่น้อยอยู่แล้ว แม้ว่าหลายปีมานี้จะถูกตระกูลมั่วรีดไถเอาไปบ้างเป็นบางส่วน แต่ถึงแม้นอูฐจะผอม แต่กลับยังตัวใหญ่กว่าม้า

แค่พื้นที่ทำการค้า และหมู่บ้านเหล่านั้นก็มีมูลค่ามากมายนัก

นางจะต้องใช้มันอย่างคุ้มค่า ในเมืองหลวงแห่งนี้ อะไรๆ ก็ต้องซื้อ อันที่จริง เมื่อวานนี้ที่นางเปิดปากพูดว่าจะให้ยึดเบี้ยหวัดสามปีของจวนกั๋วกงไป แม้ว่า นางจะไม่ได้รู้สึกปวดใจเรื่องเงินที่เสียไป ทว่า สุดท้ายแล้วนางก็ต้องสูญเสีย

ครั้งหน้า จะไม่มีเรื่องใช้อำนาจมาต่อกรอำนาจอะไรแบบนี้อีก เงินที่เสียไปก็มีมูลค่ามากจริงๆ

อย่างเมื่อวานที่มั่วเหนียงให้ถุงเงินนั้นแก่จางหมัวมัว เงินนั่นมันหนามาก หากนางอยากอออกไปเดินเล่น มีเงินมากหน่อยก็จะได้มีความมั่นใจมากขึ้น

แม้ว่าก่อนหน้านี้หนิงเซ่าชิงจะให้เงินนางห้าแสนตำลึง แต่นางกลับไม่ได้คิดจะใช้มันเลยแม้แต่น้อย

เงินนี้ควรใช้ตอนที่ลำบาก

ความคิดเหล่านี้แวบเข้ามาชั่วขณะ แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในสมองของมั่วเชียนเสวี่ย นางจึงลุกขึ้นทันที ตอนนี้นางไม่ควรจะนอนตื่นสาย

เมื่อสืออู่ได้ยินการเคลื่อนไหวในห้อง นางที่คอยเฝ้ายามอยู่นอกห้องก็รีบพุ่งทะยานเข้ามาด้านในทันที นางรินน้ำชาที่ผสมน้ำหวานให้มั่วเชียนเสวี่ยดื่มก่อนให้ชุ่มคอ ทั้งยังกลัวคุณหนูจะหนาวจึงได้หยิบชุดมาให้มั่วเชียนเสวี่ยคลุม

เวลานี้ ในห้องปีกที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของเจ้านาย ชูอีและมั่วเหนียงได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็เข้ามาคอยรับใช้นาง

เจ้านายก็ตื่นแล้ว ผู้เป็นบ่าวจะมัวนอนหลับอยู่ได้เยี่ยงไร พวกนางต้องต้มน้ำร้อนในลานเรือน ชงชา ทำข้าวต้ม ทุกๆ คนล้วนยุ่งกับการทำงาน

นางคือเจ้านายเพียงคนเดียวในจวน ตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษ อาหารที่นางกินย่อมจะทำในลานเรือนซึ่งคนที่ทำให้นางล้วนเป็นคนที่หมัวมัวไว้วางใจ

ชูอียกน้ำล้างหน้าเข้ามา พอใช้ล้างหน้าล้างตาให้มั่วเชียนเสวี่ยเสร็จแล้ว ก็หวีผมให้นาง วันนี้จะเกล้าเป็นมวยผมแบบง่ายๆ ปักเพียงปิ่นปักผมทองประดับหยกอันเดียวเท่านั้น นี่คือสิ่งที่มั่วเชียนเสวี่ยต้องการ

นางเป็นคนเรียบง่ายมาโดยตลอด ไม่ชอบโอ้อวดสิ่งของมากมายจนเกินไป

ฝีมือของชูอีก็ดีมาก เพียงแค่มวยผมแบบง่ายๆ นางก็เกล้าได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ

เมื่อมั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนเป็นชุดที่สุภาพเรียบร้อยเสร็จแล้ว ก็ได้พูดคุยกับหมัวมัวและคนอื่นๆ อีกเล็กน้อย จากนั้นก็เดินออกกำลังกายไปมาอยู่ในลาน ไม่นานข้าวต้มก็ทำเสร็จแล้ว

มั่วเหนียงสั่งให้คนยกสำรับเช้ามาวางบนโต๊ะ จากนั้นก็คอยรับใช้มั่วเชียนเสวี่ยตอนรับประทานอาหารด้วยตัวนางเอง สืออู่หันคอไปมาเป็นระยะๆ ถูกชูอีเห็นเข้า ดังนั้นจึงดึงตัวสืออู่มาด้านข้างพลางกระซิบถาม “สืออู่ เจ้าคอเคล็ดหรือ”

สืออู่เป็นคนตรงไปตรงมา นางพยักหน้า “เจ้ารู้ได้อย่างไร พอข้าตื่นมาตอนเช้า คอก็เจ็บแล้ว ราวกับว่าถูกใครสับคอมาอย่างไรอย่างนั้น

พวกนางที่พูดคุยอยู่ด้านข้าง แม้ว่าเสียงจะไม่ดังนักแต่มั่วเชียนเสวี่ยก็ได้ยิน

น้ำชาแทบจะพุ่งออกมาจากปากของมั่วเชียนเสวี่ย อะไรกัน เจ้าถูกสับคอ? หนิงเซ่าชิงลงมือหนักเกินไปแล้ว!

นางพยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก นางก็รู้ว่าทำแบบนี้มันดูไม่จริงใจเลย แต่พอเห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของสืออู่ นางอยากกลั้นเอาไว้ก็ไม่ไหว

เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ มั่วเชียนเสวี่ยเช็ดมุมปาก กลั้นขำเอาไว้ “สืออู่ ตรงนี้มีชูอีและหมัวมัวคอยดูแลอยู่แล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด”

“คุณหนู สืออู่ไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ” พอสืออู่ได้ยินว่าให้นางออกไป ก็กระวนกระวายใจทันที “ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว…” เมื่อวานนี้คุณหนูได้รับความลำบากมากมายนัก กลับมาก็ไม่ได้พักผ่อน ทั้งยังไม่ได้บ่นเลยสักคำ

นางที่เป็นบ่าว เพียงแค่นอนตกหมอน ก็บ่นเสียแล้ว จะให้นางไปพักผ่อน จะทำได้อย่างไร

น้ำเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยอ่อนโยนนัก “ออกไปเถิด…วันนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว”

หรือคุณหนูจะรังเกียจนางแล้ว สืออู่กระวนกระวายใจเล็กน้อย น้ำตาเอ่อล้นออกมา “คุณหนู…บ่าวขอโทษ สืออู่…สืออู่ไม่ได้คอเคล็ด…”

มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางแค่รู้สึกผิด จึงได้ให้นางไปพักผ่อน จะไปรังเกียจนางได้อย่างไร

เป็นมั่วเหนียงที่เข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ “ปกติคุณหนูก็เป็นคนที่ใจดีที่สุด นางเป็นห่วงเจ้าจึงให้เจ้าออกไป เจ้าก็ออกไปเถิด ขืนยังอยู่ตรงนี้ คุณหนูก็จะเป็นกังวล”

ตอนนี้สืออู่จึงได้ห้ามน้ำตาเอาไว้ แล้วถอยออกไป

พอกินอาหารเสร็จแล้ว พวกสาวรับใช้และผอจื่อที่ดูแลงานในลานที่ด้านหลังจวนทุกคนก็มาถึงแล้ว พวกนางรอรับคำสั่งอยู่ที่ลานเรือน

มั่วเชียนเสวี่ยให้มั่วเหนียงไปหยิบชุดไว้ทุกข์ที่ซักแล้วมาให้นางสวมใส่ จากนั้นก็ออกจากห้องไป นั่งรอที่ห้องหลักแล้วให้ชูอีเรียกตัวผู้ดูแลเรือนเหล่านั้นเข้ามารายงานเรื่องงาน