บทที่ 299 เปลี่ยนแปลง
บทที่ 299 เปลี่ยนแปลง
คนงานในโรงงานอาหารประกอบด้วยคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง หลายทุกคนทำงานที่นี่พร้อมเงินเดือนระหว่าง 7,000-8,000 หยวน ไม่ว่าจะมากหรือน้อยพวกเขาก็ได้รับความช่วยเหลือจากฉู่เหินอยู่ดี อีกทั้งพวกเขายังมั่นใจในสมุนไพรที่ฉู่เหินกล่าวมา ว่ามันต้องมีค่าอย่างแน่นอน
ต้องเข้าใจว่าฉู่เหินร่วมมือกับรัฐบาลหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นปลาของเขาหรือข้าวจิตวิญญาณในหมู่บ้านชาวประมงไหก่าง สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นของประเทศครั้งนี้ก็เหมือนกัน ตราบใดที่ยังมีสมองก็จะรู้ว่านี่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับพวกเขา
ทุกคนรวมแรงรวมใจกันเขาตั้งชื่อโรงกลั่นไวน์ว่า โยวชิง อักษรโยวชิง สองตัวนี้ฉู่เหินต้องการบอกทุกคนว่าโรงกลั่นไวน์นี้สร้างไว้สำหรับเสี่ยวชิง
เมื่อมีเงินก็เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่จะจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ภายใต้เงิน 10 ล้าน โรงงานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานที่สำหรับสร้างโรงกลั่นตั้งอยู่ในสถานที่เด่นชัดพร้อมมีกองกำลังอยู่ที่นี่มากมายแม้แต่คนแบบเหม่ยชิงก็คงไม่กล้ามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาด้วยซ้ำ
คนแคระนั้นแปลกประหลาดมาก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเกิดมาเพื่อทำไวน์ โดยเฉพาะ เมื่อพวกเขาลงมือไวน์ถูกผลิตออกมาอย่างรวเเร็ว คนแคระทั้ง 6 คนรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ หลังจากการโรงงานสร้างเสร็จ พวกเขาก็ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่เลย
อย่างไรก็ตามฉู่เหินให้เด็กคนแคระ 2 คนอยู่ที่นี่ เพราะพวกเขาต้องได้รับการศึกษา! ในโลกนี้ถ้าพวกเขาไม่รู้วัฒนธรรมมันจะมาก ดังนั้นคนแคระทั้งสองจำเป็นต้องเรียนรู้ความรู้ของคนทั่วไปทั้งหมดภายใน 3 ปี
ที่ตั้งของโรงกลั่นไวน์กับหมู่บ้านเทียนหวังและหมู่บ้านชาวไหก่างนั้นอยู่ไม่ไกลกันมาก มันถูกคั่นกลางโดยนาบ้างส่วนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ที่นาเหล่านี้ก็ได้ถูกหมู่บ้านทั้งสองรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ แม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองก็ยังหารือกันว่าจะรวมสองหมู่บ้านเข้าด้วยกันดีหรือไม่
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองจะตัดสินใจเองได้ แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะตอนนี้ชาวบ้านของทั้งสองหมู่บ้านสนิทสนมกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แทบจะเป็นหมู่บ้านเดียวกันอยู่แล้ว
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกปวดหัวคือ เขาไม่รู้ว่าซ่างกวนเสี่ยวฟู๋คิดยังไงให้ร้านขายเสื้อผ้าเครื่องประดับผู้หญิงที่หรูหราอยู่ใกล้กับโรงกลั่นไวน์ เป็นแบบนี้มันได้เหรอ? ไอ้สองอย่างนี้มันจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง แต่หลังจากร้านขายแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องประดับผู้หญิงสร้างเสร็จ ทั้งสองหมู่บ้านก็มาร่วมมือที่เดียวกัน
ตามหลักแล้วร้านขายเครื่องประดับเครื่องแต่งกายสำหรับผู้หญิงที่ควรจะตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ที่พัฒนาแล้วถึงจะดี ก็แน่ละใครจะขับรถมาหลายร้อยไมล์เพื่อซื้อเสื้อผ้า! เขาไม่รู้ว่าสมองของผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรเธอก็ไม่ฟัง อย่างไรก็จะตั้งโรงงานที่นี่ให้ได้ สุดท้ายฉู่เหินก็ขี้เกียจพูดแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกดีใจก็คือโชคดีที่โรงงานของซวี่เหลียงไม่ได้อยู่ที่นี่มิฉะนั้นมันจะต้องแปลกประหลาดอย่างมากแน่นอน ไม่งั้นนี้จะไม่เป็นการเปิดประตูมาเจอกันเองหรอกเหรอ จะมีใครตั้งโรงงานไว้ที่หน้าบ้านของตัวเองทุกคนบ้าง ไม่มีหรอก
ในขณะเดียวกันเสี่ยวชิงก็พูดขึ้นมา “พี่เหิน เดิมทีที่พี่คิดจะเปิดร้านนี้ขึ้นมา พี่ก็ไม่ได้คิดจะทำกำไลอยู่แล้วนี่ ดังนั้นจะให้เธอเปิดที่ไหนก็ให้เธอทำไปเถอะ ถ้าที่นี่ทำได้ดีจริง ๆ ก็ดีไป ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”
อันที่จริงฉู่เหินไม่โกรธเพราะเรื่องนี้ เขาไม่ได้กลัวว่าถ้าหญิงสองคนนี้ทำร้านขายเสื้อผ้าไม่รอดมันก็จะกลับมาเป็นแบบเดิมคือกลับมาอยู่บ้านเฉยๆ! ไม่ว่าจะคิดอย่างไรเขาก็ไม่อาจวางใจ แต่ถึงตอนนี้พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว งั้นก็โยนทุกอย่างให้พวกเธอทำเองเลยแล้วกัน!
จาผีเอ้อ กู้ปาเทอ และต้าเอ้อตุนสามคนหลังจากมาที่นี่ก็เข้าฌานมาโดยตลอด เดิมทีพลังวรยุทธของพวกเขาสูงกว่าตอนนี้หลายพันเท่า ทว่าตอนนี้มันกลับลดต่ำลงจนไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย ดังนั้นพวกเขาจึงทำการฝึกฝนพลังวรยุทธเพื่อฟื้นฟูพลังขึ้นมา!
ในเรื่องนี้ฉู่เหินยกมือให้พวกเขาด้วยความชื่นชม เนื่องจากเขามีความรู้สึกว่าอยู่ในเวลานี้มีโจรมากมายอยู่ไม่น้อย หากหาโจรเหล่านี้มาทีล่ะกลุ่มเขาไม่กลัวหรอก แต่ถ้าคนเหล่านี้ร่วมมือกันแล้วเข้ามาพร้อมกันเขาก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ดังนั้นการที่คนสามคนนี้ยิ่งเก่งกาจเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
ในเวลานี้ตงโกวจีหยางได้กลั่นยาพิเศษบางอย่าง ที่บอกว่าพิเศษเพราะมันเป็นยาที่ตงโกวจีหยางเป็นคนที่กลั่นเอง เช่นเดียวกับน้ำอมฤตสองขวดที่ต่งกุ้ยเจินส่งให้กับฉู่เหิน พวกเขามีความสุขมากขึ้น แต่มีไม่กี่อย่างที่สามารถทานได้…ก็คล้ายกับยาสองขวดที่ตงโกวจีหยางมอบให้ฉู่เหินนั้นแหละ สีของมันเป็นสีเขียว ๆ มองดูแล้วสบายตายิ่ง แต่ยาแบบนี้ถ้าให้คนอื่นกิน ใครกันจะกล้ากินมัน
แต่ตงโกวจีหยางบอกกับฉู่เหินว่ายาสองขวดนี้พิเศษมาก หลังจากขว้างมันออกไปจะทำให้เกิดหมอกควัน ใครที่โดนหมอกควันเหล่านี้เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ร้ายก็จะอยู่ในสภาวะเห็นภาพหลอน อีกทั้งมันยังไม่มียาแก้พิษอีกด้วย หลังจากฉู่เหินได้ยินดังนั้น ริมฝีปากก็กระตุกไม่หยุด
เขานึกภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าเด็กชายที่ทำยาแบบนี้ได้มันน่ากลัวขนาดไหนอย่างไรเขาก็รู้ดีว่าตงโกวจีหยางยังเด็กอยู่ ถ้าเขาขยันแบบนี้ต่อไปไม่นานเด็กคนนี้ต้องเป็นนักหลอมยาระดับสูงอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นตงโกวจีหยางก็เปลี่ยนไป ไม่เพียง แต่จะเรียนรู้สิ่งที่อาจารย์ทั้งสองสอนได้ทั้งหมดแล้ว แต่เขายังนำมันมาใช้ประโยชน์ได้ดีอีกด้วย
ตัวอย่างเช่นเรื่องกลไกคันโยกที่เรียนรู้ก่อนหน้านี้ หลังจากเรียนรู้แล้วตงโกวจีหยางก็วิ่งตรงไปที่บ้านของพี่หลิว จากนั้นทำการทดลองประตูบ้านของเขาด้วยกลไกและผลลัพธ์ก็น่าพอใจมาก เขาไม่รู้ว่าเด็กชายทำมันได้ยังไงแต่ตอนนี้ประตูบ้านของพี่หลิวไม่ธรรมดาอีกต่อไปแล้ว
หากไม่ใช่เพราะฉู่เหินจ่ายค่าทดแทนให้พร้อมช่วยพี่หลิวสร้างมันขึ้นใหม่อีกครั้ง เกรงว่าพี่หลิวคงต้องนั่งร้องไห้เป็นแน่! ตอนที่ฉู่เหินกำลังจะจัดการลงโทษเจ้าเด็กตงโกวจีหยางสักรอบหนึ่ง ลุงหวังก็มาตามหาฉู่เหินพอดี
“อาเหินเธอมาดูบ้านฉันหน่อยสิ ฉันไม่รู้ว่าเจ้าเด็กตงโกวจีหยางทำอะไรลงไป ไก่ที่บ้านฉันถึงส่งเสียงร้องไม่ได้ จะกินก็ไม่ได้อีก”
ฉู่เหินได้แต่ต้องไปที่บ้านของลุงหวังเพื่อจัดการเรื่องนี้ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ฉู่เหินจึงรู้ว่าทำไมเด็กชายคนนี้จึงถูกเรียกว่าปีศาจน้อย มันเป็นฉายาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าตงโกวจีหยางรู้ว่าตัวเองทำผิด ยังไม่ทันที่ฉู่เหินจะออกเดินทางสู่ท้องทะเล ตงโกวจีหยางก็รีบวิ่งมาก่อนส่งยาแบบใหม่ให้ทั้งสองขวด ตงโกวจีหยางบอกว่าเขาใช้เวลากลั่นตั้งครึ่งวัน จากนั้นฉู่เหินก็สีหน้าเปลี่ยนเมื่อได้ยิน ตงโกวจีหยางที่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อพูดถึงตงโกวจีหยางก็ต้องพูดถึงเจียงฉงยิงและเจียงฉงเซี๋ยด้วย เด็กสองคนนี้มีรู้ความมาก หลังจากผ่านการศึกษาทั้งสองก็เรียนรู้วัฒนธรรมเป็นอย่างดี ถึงอย่างนั้นสองพี่น้องไม่ได้หยิ่งผยองเลย แต่กลับตั้งใจเรียนทุกวัน
ไม่เพียงเจียงฉงยิงและเจียงฉงเซี๋ยแต่ยังรวมถึงหมู่บ้านชาวประมงทั้งหมด ตอนนี้ก็เพิ่มหมู่บ้านเทียนหวังเพิ่มอีกหนึ่ง เด็กเล็กทั้งสองหมู่บ้านมาเข้าเรียนที่นี่ บางคนเรียนถึงมัธยมต้นหรือประถมแล้วพวกเขาก็มาเรียนที่นี่อยู่ดี บ้างคนไม่เข้าเรียนโรงเรียนที่ไหนเลย มาเรียนแต่ที่นี่
พวกเขารู้สึกว่าการเรียนรู้ที่โรงเรียนได้ไม่เท่ากับที่มาเรียนที่นี่ ด้วยเหตุนี้
ฉู่เหินจึงจ่ายเงินให้พวกอาจารย์มากขึ้นกว่าปกติ! ภายใต้คำแนะนำของศาสตราจารย์ทั้ง 3 คนต่อฉู่เหิน พวกเขาเลยแบ่งคนทั้งหมดออกเป็น 4 ระดับ
หากศึกษาได้ครบ 4 ระดับนี้ก็ง่ายมากที่จะเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแม้แต่เด็ก ๆ เรียนโรงเรียนมัธยมข้างนอกก็กลับมาที่บ้านเกิดเพื่อเรียนที่นี่
พอพวกเขาได้มาเรียนรู้จากที่นี่เพียงไม่กี่วันพวกเขาก็มีความรู้มากมายเมื่อกลับไปที่โรงเรียนเดิมเหล่าอาจารย์และศาสตราจารย์ที่ฉู่ชวิ๋นเชิญมานับว่ามากความสามารถจริง ๆ