ตอนที่ 363 แผนที่หนังมนุษย์ (1) / ตอนที่ 364 แผนที่หนังมนุษย์ (2)
ตอนที่ 363 แผนที่หนังมนุษย์ (1)
จะว่าไปก็น่าสนใจ ก่อนหน้านี้สาวน้อยคนนี้ยังคิดจะกราบเขาเป็นอาจารย์อยู่เลย เขากลับลังเลใจที่จะรับนางเป็นศิษย์ มาตอนนี้สาวน้อยตรงหน้าไม่อยากจะได้เขาเป็นอาจารย์แล้ว เขากลับอยากได้นางเป็นลูกศิษย์เสียอย่างนั้น
แต่…
ต้องดูด้วยว่าจวินอู๋เสียเห็นด้วยหรือไม่
จวินอู๋เสียไม่ตอบ เฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ นางก็ร้อนรนจนแทบทนไม่ไหวแล้ว เขาคว้าข้อมือของจวินอู๋เสียขึ้นมา และจูงนางให้เข้าไปในห้องด้วยกัน
คนอื่นๆ ยืนอยู่กับที่นิ่ง พวกเขารู้ว่าเฉียวฉู่กำลังจะทำอะไร แต่ไม่มีใครคิดหยุดเขา
จวินอู๋เสียถูกลากเข้ามาในห้องโดยเฉียวฉู่ เฉียวฉู่ก็วิ่งไปรื้อค้นของบางอย่างออกมาจากกล่องผ้าปัก จวินอู๋เสียเคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน มันก็คือของที่พวกเฉียวฉู่นำกลับมาจากสำนักชิงอวิ๋นนั่นเอง
“ที่ข้ากับพี่ฮวาแทรกซึมเข้าไปในสำนักชิงอวิ๋นก็เพื่อสิ่งของชิ้นนี้” เฉียวฉู่นำกล่องผ้าปักมาวางไว้ต่อหน้าจวินอู๋เสียและโบกมือเพื่อให้นางเปิดมัน
จวินอู๋เสียเปิดกล่องผ้าปักออก แผนที่เก่าๆ ผืนหนึ่งที่นอนอยู่ในนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของนาง มาถึงตอนนี้นานถึงเพิ่งสังเกต แผนที่นี้ที่แท้ก็ถูกทำขึ้นจากผิวหนังของมนุษย์!
“นี่คือชิ้นส่วนแผนที่หนังมนุษย์ที่ถูกตัดออกมาจากแผ่นหลังของท่านพ่อข้า” น้ำเสียงของเฉียวฉู่ฟังดูหดหู่มาก
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น แผนที่ที่วาดอยู่บนชิ้นส่วนผิวหนังมนุษย์ชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนที่เท่านั้น
“ข้า พี่ฮวา เฟยเยียน เสี่ยวรั่ว และท่านอาจารย์ของพวกเรา ทุกคนล้วนมาจากสามโลกชั้นกลาง ในสามโลกชั้นกลางนั้น ยังแตกออกเป็นหนึ่งภูมิ สี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนัก ภูมิเดียวในหมู่พวกเขาหมายถึงโลกเทพมาร ภายใต้คำสั่งของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ มันเป็นกองกำลังที่มีประสิทธิภาพและแข็งแกร่งมากที่สุดในขุมกำลังทั้งหมดของสามโลกชั้นกลาง ส่วนคนที่โจมตีพวกเราก่อนหน้านี้ เป็นคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจจากสิบสองตำหนัก ในศตวรรษที่ผ่านมาโลกเทพมารได้เข้าควบคุมสามโลกชั้นกลางและทั้งสี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนักได้ยอมแพ้และสวามิภักดิ์ต่อเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ทรัพย์สมบัติและอาวุธวิเศษมากมายได้ถูกบรรณาการให้แก่พระองค์ แต่หลังจากองค์เจ้าจักรพรรดิได้สิ้นพระชนม์ลงอย่างกะทันหัน ทรัพย์สมบัติและสิ่งของวิเศษทั้งหมดในสามโลกชั้นกลางก็ถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าจักรพรรดิในสุสานของพระองค์ด้วย”
เฉียวฉู่พูดต่ออย่างช้าๆ ว่า “ในสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ มีอาวุธวิเศษ สิ่งประดิษฐ์วิเศษ เม็ดยาวิเศษล้ำค่ามากมาย และความมั่งคั่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดในสามโลกชั้นกลาง ดังนั้นทุกคนในสามโลกชั้นกลางจึงใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครองมัน แต่สำหรับสาวกผู้ภักดีและแข็งกร้าวของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินั้น พวกเขาล้วนมองว่าสุสานของพระองค์เป็นสถานที่ต้องห้ามมิอาจให้ผู้ใดรุกล้ำย่างกราย พวกเขาจึงซ่อนมันไว้ ไม่มีผู้ใดทราบว่าสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินี้อยู่ที่ไหน แม้ว่าเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะสิ้นพระชนม์ไปแล้ว แต่อำนาจและความน่าเกรงขามของพระองค์นั้นยังคงอยู่เหมือนในอดีตเฉกเช่นยามที่พระองค์ยังมีชีวิต ดังนั้นแล้วกลุ่มผู้ที่ปรารถนาในทรัพย์สมบัติของพระองค์จึงไม่มีใครกล้าออกหน้าค้นหาและโจมตีสุสานของพระองค์อย่างเปิดเผย เพราะกลัวการเอาคืนจากสาวกผู้ภักดีของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินั่นเอง”
“แต่จิตใจของมนุษย์นั้นยากลึกเกินหยั่ง ความโลภของมนุษย์เองก็ไม่เคยมีที่สิ้นสุด คนของสิบสองตำหนักยังคงลักลอบสอดแนมหาที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเรื่อยมา จนกระทั่งพวกเขาได้เบาะแสว่าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่แท้ก็อยู่ในสามโลกเบื้องล่างแห่งนี้! เพื่อไม่ให้ผู้ใดรู้และต้องการเก็บสมบัติไว้เป็นของพวกเขาเอง สิบสองตำหนักจึงได้เริ่มส่งคนลงมายังสามโลกเบื้องล่างเพิ่งค้นหาตำแหน่งที่แน่นอน แต่การค้นหานี้ก็กินเวลาไปหลายร้อยปี หลังจากค้นหามาอย่างยาวนาน สูญเสียผู้คนและสมบัติไปนับไม่ถ้วน เจ็ดคนจากในคณะผู้ที่ออกค้นหาทั้งหมด ก็ได้พบกับสถานที่ตั้งของสุสานจริงๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขามาจากขั้วอำนาจที่แตกต่างกัน และเพื่อยับยั้งกันและกัน สุดท้ายพวกเขาจึงสลักตำแหน่งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไว้บนหลังของแต่ละคน”
เล่ามาถึงตรงนี้ ดวงตาของเฉียวฉู่ก็หรี่ลง “บรรดาผู้ที่รู้ที่ตั้งของสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิทั้งหมดนั้น ได้กลับขึ้นไปยังสามโลกชั้นกลางเพื่อรายงานและส่งมอบแผนที่ส่วนที่ตนมีให้กับกองกำลังของพวกเขาเอง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจของพวกเขา พวกเขาก็คิดว่าหลังจากการทุ่มเทอย่างหนักพวกเขาจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่าบ้าง แต่ที่ไหนได้สิ่งที่รอพวกเขาอยู่กลับเป็นการฆ่าล้างตระกูล!”
“คนจากสิบสองตำหนัก กลัวว่าผู้คนจากโลกเทพมารจจะมาแก้แค้นพวกเขา พวกเขาจึงตั้งข้อหาก่อกบฏให้แก่ทั้งเจ็ดคนที่บุกรุกสุสานอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ในที่สุดทั้งเจ็ดคนนั้นก็ไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว และแผนที่บนหลังของพวกเขาก็ถูกคนของสิบสองตำหนักเลาะออกมา เนื่องจากแผนที่ไม่สมบูรณ์ และแต่ละตำหนักก็ต้องการครอบครองทรัพย์สมบัติของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเพียงลำพัง จนถึงตอนนี้จึงยังไม่มีใครสามารถหาตำแหน่งที่ตั้งจริงของสุสานนั้นได้พบสักคน!”
ตอนที่ 364 แผนที่หนังมนุษย์ (2)
“ส่วนบรรดาผู้ที่พยายามค้นหาสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายก็ถูกโยนโทษกบฏใส่หัวนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องแบกรับความอัปยศและเสียงด่าทอ แม้กระทั่งหลังจากที่พวกเขาตายไป ชีวิตของพวกเขาก็ไม่มีใครสงบ คนของสิบสองตำหนักสั่งไล่ล่าสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาทุกคน การฆ่าล้างจึงได้เริ่มต้นขึ้น ผู้บริสุทธิ์มากมายที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถูกฆ่าทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น” เมื่อเฉียวฉู่เล่าถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น น้ำตาของเขาเอ่อล้นออกมาจากดวงตาเมื่อมองไปที่จวินอู๋เสีย
“เจ้าว่า คนพวกนั้นโง่หรือไม่ ทั้งที่รู้ว่าสุสานของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไม่อาจทำให้แปดเปื้อนและด่างพร้อย พวกเขาก็ยังยืนกรานที่จะเข้าไปค้นหา สุดท้ายต้องมาลากคนในตระกูลของพวกเขาให้ตกตายไปด้วยกัน คนของสิบสองตำหนักที่แสนโสมมและชั่วช้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เต็มใจที่จะแบกรับชื่อเสียงฉาวโฉ่นี้แต่แรก จึงได้ยัดมันให้กับเหล่าแพะรับบาปผู้ที่แสนจงรักภักดีอย่างไม่ลืมหูลืมตาพวกนี้ เจ้าว่าทำไมพวกเขาถึงได้โง่เขลานัก”
จวินอู๋เสียรับฟังอย่างเงียบๆ ในขณะที่เฉียวฉู่หัวเราะพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด
“ถ้าหากว่าในปีนั้น ท่านอาจารย์ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเราสองสามคนในเวลาที่เหมาะสม ข้าเกรงว่าพวกเราคงจะตายไปตั้งนานแล้ว ท่านอาจารย์ลักลอบพาพวกเราลงมายังสามโลกเบื้องล่างแห่งนี้ทั้งที่รู้ว่ามันอันตรายมาก สั่งสอนให้พวกเราให้รู้จักถึงวิธีการบ่มเพาะพลังวิญญาณและการใช้พลังวิญญาณในการต่อสู้ ข้ารู้ว่าพูดแบบนี้เจ้าอาจจะไม่ชอบใจเท่าไรนัก แต่ที่ท่านอาจารย์ให้พวกเราวางตัวต่ำต้อย ปล่อยให้พวกเราอดทนต่อการกดขี่ ไม่ยอมให้พวกเราลงมือตอบโต้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อต้องการซ่อนอัตลักษณ์ของพวกเราต่อสายตาของคนจากสามโลกชั้นกลางที่ยังจับตาดูอยู่ เพื่อวันหนึ่งเมื่อพวกเราแข็งแกร่งมากพอที่จะเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นและแก้แค้น พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบนี้อีก”
เฉียวฉู่ได้เปิดบาดแผลที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเขาให้กับจวินอู๋เสียได้เห็น เพียงเพราะเขาไม่ต้องการให้นางมีอคติต่อเยี่ยนปู้กุย อาจารย์ที่พวกเขาเคารพและนับถือมากที่สุด
ฝ่ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ[1] และเขาหวังว่าทั้งคู่จะสามารถปรองดองอยู่ร่วมกันด้วยดีได้
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ทันใดนั้นนางก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตู
เยี่ยนปู้กุยจ้องไปที่จวินอู๋เสียขณะที่นางเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
จวินอู๋เสียเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าเยี่ยนปู้กุย น้ำเสียงที่เย็นชาของเด็กสาวดังขึ้นว่า
“ท่านอาจารย์”
“อืม”
เยี่ยนปู้กุยไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เขากำลังปกป้องเฉียวฉู่และคนอื่นๆ อยู่ต่างหาก และแม้ว่าวิธีการของเขาจะสุดโต่งไปสักหน่อย แต่ก็พอเข้าใจได้
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เยี่ยนปู้กุยหลบหนีออกมาจากสามโลกชั้นกลางลงมายังสามโลกเบื้องล่างโดยพ่วงเด็กๆ ทั้งสี่คนมาด้วย ทั้งต้องหลบหนีจากการไล่สังหาร ทั้งยังต้องเสาะหาสถานที่หลบซ่อนตัว ไหนจะเรื่องจิปาถะทั้งหลายแหล่อีก ไม่ต้องคิดจวินอู๋เสียก็รู้เลยว่าเขาต้องผ่านความยากลำบากมามากแค่ไหน
คำเรียก ‘อาจารย์’ สั้นๆ สองคำนี้จากปากของจวินอู่เสีย ทำให้ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ที่เดิมมีความตึงเครียด ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จวินอู๋เสียทำทุกอย่างก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของหรงรั่ว สิ่งเหล่านี้ได้ประทับลึกลงในหัวใจของชายหนุ่มทุกคน แน่นอนว่ามิตรภาพอันลึกซึ้งก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นเพราะเหตุนี้เช่นกัน
“แค่กๆ เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์แล้ว เช่นนั้นในอนาคตต้องเชื่อฟังคำพูดของอาจารย์รู้หรือไม่ เรื่องในวันนี้…” เยี่ยนปู้กุยกำลังจะสาธยายถึง ‘วิถีแห่งการเอาตัวรอด’ ในสำนักศึกษาหงส์อมตะเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคตให้จวินอู่เสียฟัง ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบ น้ำเสียงเย็นๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของเด็กสาวก็ดังขัดขึ้นก่อนว่า
“ถ้าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกในวันหน้า ศิษย์ก็ยังจะทำแบบเดิม”
เยี่ยนปู้กุยแข็งค้างไป
“เจตนาดีของท่านอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้ว เพียงแต่ศิษย์ไม่เห็นด้วย” ดวงตาของจวินอู๋เสียฉายแววแน่วแน่ แม้ว่านางจะยอมรับในเกียรติของผู้เป็นอาจารย์อย่างเยี่ยนปู้กุยแล้ว แต่วิธีการจัดการเรื่องราวของเขานั้นยังไม่ใช่สิ่งที่นางยอมรับได้
“สำหรับเรื่องเช่นนี้ ในอนาคตโปรดปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศิษย์เถิด” จวินอู๋เสียกล่าว
ในทางกลับกัน เนื่องจากนางกราบอีกฝ่ายเป็นอาจารย์แล้ว กถือว่าได้ลงเรือลำเดียวกันและอีกหน่อยนางก็คือศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมอาจารย์ของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ นางจะยอมปล่อยให้พวกเขาถูกดูถูกข่มเหงได้อย่างไร
เยี่ยนปู้กุยอ้าปากค้าง อยากจะพูดอะไรออกไปสักคำแต่ก็พูดไม่ออก
สวนทางกัน เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า พวกเขาเองก็ทนเหลือจะทนแล้ว ย่อมคาดหวังว่าจวินอู๋เสียจะมีวิธีการเหมาะๆ มาจัดการกับเจ้าพวกเด็กที่หยิ่งผยองเหล่านั้น
เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่คนที่เคยเชื่อฟังปฏิบัติตามคำพูดของเยี่ยนปู้กุยอย่างเคร่งครัด คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่จวินอู๋เสียกระโดดเข้าร่วมวงมาเป็นศิษย์คนที่ห้า จะทำให้พฤติกรรมของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้! โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าในอนาคตอันใกล้ การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การพลิกผันของมรสุมลูกใหญ่ที่จะกวาดไปทั้งสามโลก!
——————————
[1] ฝ่ามือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ หมายความว่าคนนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก จะตัดเนื้อก้อนไหนออกไป มันก็เจ็บปวดหัวใจด้วยกันทั้งนั้น อุปมาว่าทั้งคู่ล้วนมีความสำคัญ