ตอนที่ 361 ข้าตีไปแล้ว...แล้วจะทำไม (3) ตอนที่ 362 ข้าตีไปแล้ว...แล้วจะทำไม (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 361 ข้าตีไปแล้ว…แล้วจะทำไม (3) / ตอนที่ 362 ข้าตีไปแล้ว…แล้วจะทำไม (4)
ตอนที่ 361 ข้าตีไปแล้ว…แล้วจะทำไม (3)

ชายหนุ่มผู้ถูกทุบตี รู้สึกเจ็บปวดมากจนแม้แต่เสียงฮืมก็ครางไม่ออก ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มคนรุ่นเยาว์อื่นๆ ที่อยู่กับเขาเลย

แม้แต่เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ทางฝั่งนี้ก็ยังตกตะลึง

มันช่าง…เรียบง่ายและป่าเถื่อนมากจริงๆ!

หรงรั่วกลับมารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากอาการตกใจ เขารีบเข้าไปกระซิบกับเฉียวฉู่ที่อยู่ข้างๆ ว่า “จะให้จวินเสียชกเขาแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นได้เกิดเรื่องขึ้นแน่”

เฉียวฉู่ถึงเพิ่งกลับมารู้สึกตัว เขารีบวิ่งขึ้นไปขวางระหว่างจวินอู๋เสียและชายหนุ่มผู้ที่เป็นหัวหน้าศิษย์ที่ถูกกระหน่ำต่อยคนนั้นอย่างรวดเร็ว “น้องเสีย พอแล้ว” เฉียวฉู่มองไปที่อู๋เสียด้วยสายตาที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง จวินอู๋เสียกำลังปกป้องพวกเขาทั้งสี่คน

เมื่อพวกเขาลงมือไม่ได้ นางจึงช่วยลงมือแทนพวกเขา

เฉียวฉู่รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ปลายจมูกของเขารู้สึกเปรี้ยวปร่าเล็กน้อย

หมัดของจวินอู๋เสียยังคงค้างอยู่ในอากาศ พลังวิญญาณสีส้มส่งแสงเรืองรองล้อมรอบหมัดของนางเอาไว้ บนผิวกายที่ขาวผ่อง โลหิตสีแดงสดที่ติดอยู่ที่หมัดช่างสะดุดตา นางมองกลับไปที่เฉียวฉู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอย่างที่พูดจริงๆ นางก็นิ่งไปครู่หนึ่งและโยนร่างของชายหนุ่มที่ถูกทุบตีจนแทบจำหน้าไม่ได้ลงบนพื้น ตวัดสายตาไปทางกลุ่มคนรุ่นเยาว์ที่หวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนแรงที่มาพร้อมกับเขาด้วยเสียงเย็นว่า “ไปให้พ้น!”

กลุ่มคนรุ่นเยาว์หลายคนก็ยกร่างสหายของพวกเขาที่ถูกอัดจนหมดสติ วิ่งหนีหางจุกตูดออกไปจากตึกฝั่งทิศตะวันออก

ไม่มีใครคาดคิด ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่ไร้เหตุผลนี้ อยู่ๆ ก็โผล่มาที่ตึกฝั่งทิศตะวันออกและลงมือทุบตีคนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งสิ้น นางลงมืออย่างโหดเหี้ยมมาก ไม่เปิดโอกาสไอ้คนที่โดนซ้อมได้พูดหรืออธิบายอะไรเลย

เมื่อกลุ่มคนรุ่นเยาว์จากไป ทั่วทั้งสวนดอกไม้ก็เงียบกริบ มีเพียงกลิ่นคาวเลือดจางๆ โชยอยู่ในอากาศเท่านั้น

เฉียวฉู่สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามกดความเปรี้ยวปร่าที่ติดอยู่ที่ปลายจมูกของเขาลงไป ดึงมือที่เต็มไปด้วยเลือดของจวินอู๋เสียขึ้นมา และเช็ดมันแรงๆ ด้วยเศษผ้าขี้ริ้วที่สวมอยู่บนตัวของเขา

“ลงมือกับพวกมันไปเพื่ออะไร ทำให้มือของเจ้าต้องสกปรกเปล่าๆ”

“แค่อยากจะทำ” จวินอู๋เสียตอบอย่างสงบ เจตนาฆ่าในดวงตาของนางจางหายไป

เฉียวฉู่สูดจมูกของเขาอีกครั้ง หลังจากเช็ดมือเล็กๆ ของจวินอู๋เสียจนแน่ใจว่าสะอาดแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้น เอื้อมมือออกไปลูบหัวของจวินอู๋เสียเบาๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร

จวินอู๋เสียหมุนตัวกลับไป นางเดินไปอีกทางเข้าไปหาหรงรั่วและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขาผืนหนึ่ง

หรงรั่วชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นจึงรับผ้าเช็ดหน้ามาและกระซิบขอบคุณเสียงเบา เช็ดน้ำลายออกจากใบหน้าของเขา

“สะใจมาก” ฮวาเหยาเดินเข้าไปหาจวินอู๋เสียพร้อมกับเจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะส่งมันคืนให้กับผู้เป็นเจ้าของตามเดิม

จวินอู๋เสียรับเจ้าแมวดำตัวน้อยมาอุ้มไว้ เปลือกตาของนางหลุบลง นัยน์ตาสงบนิ่งราวกับสายน้ำ แตกต่างจากสภาพบ้าคลั่งโหดเหี้ยมเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง

“ข้ากล้าสาบานเลยว่า ถ้าหากเจ้าโง่เฉียวไม่เข้าไปหยุดจวินเสียก่อนหน้านี้ล่ะก็ จวินเสียต้องฆ่าหลิวฉานแน่” เฟยเยียนกระซิบเบาๆ ข้างหูของหรงรัว

จวินอู๋เสียอาจดูผอมบางและตัวเล็ก ปกติไม่ค่อยจะพูดอะไรมาก แต่นิสัยแบบนี้ มันถูกใจเขามากจริงๆ เรียบง่ายป่าเถื่อนตรงไปตรงมา หมัดแบบนั้นแหละที่สะใจเขามากที่สุด!

หรงรั่วมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างใช้ความคิด จากนั้นรอยยิ้มอบอุ่นก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

ดี…จริงๆ

“นี่พวกเจ้า! เอะอะโวยวายอะไรกันหา!” เยี่ยนปู้กุยที่เพิ่งทิ้งพวกเขาไว้เมื่อไม่นานมานี้ กลับเข้ามาหลังจากที่ถูกเสียงเอะอะโวยวายของจวินอู๋เสียดึงดูดเข้ามา เขามองไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ท่ามกลางลูกศิษย์ทั้งสี่ของเขา เท้าที่กำลังก้าวอยู่ก็หยุดลง กลิ่นคาวเลือดในอากาศจางๆ ทำให้คิ้วของเขาขมวดมุ่น เขามองไปที่สวนดอกไม้ที่ยังมีร่องรอยของการต่อสู้อยู่ จ้องเขม็งไปที่แอ่งเลือดสองสามแอ่งที่อยู่ในสวน

“ท่านอาจารย์ หลิวฉานจากตึกทิศใต้นำคนมาที่นี่อีกแล้ว” เฉียวฉู่รายงานอย่างตรงไปตรงมาเมื่อเขาเห็นว่าเยี่ยนปู้กุยเดินเข้ามาในสวน

เยี่ยนปู้กุยขมวดคิ้วเล็กน้อย เคราของเขาที่ปกคลุมไปเกือบครึ่งหน้ากระเพื่อมขึ้นลง ทำให้ยากต่อการอ่านสีหน้าของเขา

“พวกเจ้าลงมือรึ” จู่ๆ น้ำเสียงของเยี่ยนปู้กุยก็เย็นลงทันใด

เฉียวฉู่เปิดปากของเขาเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็ก้มศีรษะลง พูดด้วยเสียงอู้อี้ว่า “พวกเขาหยาบคายกับหรงรั่ว ข้าอดใจไม่ไหว”

ที่เฉียวฉู่กำลังทำอยู่ในตอนนี้ ก็คือการรับผิดทุกอย่างด้วยตัวของเขาเอง

ดวงตาของเยี่ยนปู้กุยเย็นลงกว่าเดิม ลำแสงสายหนึ่งพุ่งออกมาจากมือของเขาและกระแทกเข้าที่หน้าอกของเฉียวฉู่โดยตรง ร่างของเฉียวฉู่ลอยกระเด็นออกไปจากสวนทันที

“ข้าเตือนพวกเจ้าหลายครั้งแล้วใช่หรือไม่! ว่าอย่าแตะต้องศิษย์อื่นคนๆ ของสำนักศึกษาหงส์อมตะ! พวกเจ้าฟังคำพูดของข้าเป็นเพียงสายลมข้างหูไปแล้วใช่หรือไม่!”

ตอนที่ 362 ข้าตีไปแล้ว…แล้วจะทำไม (4)

ฝีเท้าของเยี่ยนปู้กุยนั้นรวดเร็วมาก เขาก้าวเข้าไปประชิดตัวเฉียวฉู่และยกมือขึ้นหมายจะลงมืออีกครั้ง

ในสวน ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ก้มหน้าลงต่ำ ทนมองต่อไปไม่ไหวอีก

อย่างไรก็ตามขณะที่มือของเยี่ยนปู้กุยยังคงยกค้างอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ต่อยลงไปในท้ายที่สุด

จวินอู๋เสียจับมือของเยี่ยนปู้กุยเอาไว้แน่นด้วยมือข้างหนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ที่เย็นชาของนางเชิดขึ้นเล็กน้อย แสงที่เย็นเยียบในดวงตา มองไปที่เยี่ยนปู้กุยราวกับกำลังดูถูก

“เป็นข้าที่ลงมือเอง” นางพูดอย่างเย็นชา

เยี่ยนปู้กุยตกตะลึง

“ถ้าท่านต้องการที่จะลงโทษ ก็ให้มาลงที่ข้า” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง

เยี่ยนปู้กุยมองไปที่จวินอู๋เสีย ความโกรธในดวงตาของเขาลดลงทันที เขาดึงมือของเขากลับมา ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็มองไปที่จวินอู๋เสียอีกครั้งราวกับต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกไป

แต่จวินอู๋เสียกลับมีบางสิ่งอยากจะพูดกับเขา

“ข้าขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ของข้าคืน” จวินอู๋เสียพูดขึ้นทันที

เยี่ยนปู้กุยรอฟังประโยคหลังของนางอย่างเงียบๆ

“อาจารย์เช่นเจ้า ไม่มีก็ไม่เห็นจะเป็นไร” จวินอู๋เสียพูดต่ออย่างเย็นชา เห็นได้ชัดเจนว่าเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ต้องอับอายขายหน้าขนาดไหน แม้ว่านางจะไม่เคยมีอาจารย์ แต่นางก็รู้ว่าคนเป็นอาจารย์ ถ้าไม่อาจปกป้องลูกศิษย์ของตัวเองได้ อย่างน้อยก็ต้องพยายามออกหน้าเพื่อพวกเขาบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้พวกเขาอดทน ถูกตีได้แต่ห้ามสวนกลับ ซ้ำยังบอกให้พวกเขายอมรับต่อเสียงดูถูกและทนต่อความอัปยศอดสูเหล่านี้

นี่คือความไร้สามารถของผู้เป็นอาจารย์!

อาจารย์เช่นนี้ ต่อให้แข็งแกร่งสักแค่ไหนนางก็ไม่เต็มใจที่จะกราบเขา!

เยี่ยนปู้กุยชะงักค้างไปแล้ว เขาจ้องไปที่จวินอู๋เสียด้วยท่าทางที่ไม่ชอบใจ ใบหน้าเล็กๆ ที่บอบบางของนางยังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและไม่มีอารมณ์ใดๆ ในดวงตาคู่นั้น แต่เมื่อเขาได้สบกับมัน ไม่รู้ทำไมจู่ๆ เขาถึงรู้สึกเหมือนถูกลากลงไปในห้องน้ำแข็งที่เย็นเยียบ ทั่วทั้งร่างหนาวเหน็บไปหมด

เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ตกใจกับคำพูดของนางยิ่งกว่า

ขณะที่จวินอู๋เสียหันหลังเตรียมจะเดินจากไป แต่เสียงของเยี่ยนปู้กุยก็ดังขึ้นก่อนว่า “”อาจารย์เช่นข้า เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”

จวินอู๋เสียหันศีรษะของนางกลับมาเล็กน้อย จ้องตอบเยี่ยนปู้กุยด้วยสายตาที่เย็นชา “ในฐานะอาจารย์ หากไม่สามารถปกป้องลูกศิษย์ของตัวเอง อย่างน้อยๆ ก็อย่ายอมให้ลูกศิษย์ได้รับความอัปยศ การที่ท่านปล่อยให้พวกเฉียวฉู่ถูกคนอื่นๆ รังแกแต่ทำได้เพียงกัดฟันทน ปล่อยให้พวกเขาทนต่อการดูถูกที่ไม่จบสิ้น ข้าไม่ต้องการอาจารย์เช่นนี้”

เสียงของจวินอู๋เสียไม่ดัง แต่ตรงเข้าไปในหัวใจของผู้ฟังทุกคน

เยี่ยนปู้กุยหรี่ตาลง มองไม่เห็นถึงความโกรธในดวงตาของเขา

เฉียวฉู่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเป็นคนแรก เขารีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหยุดจวินอู๋เสียไว้ “น้องเสีย เจ้าเข้าใจผิดแล้ว! เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิดเช่นนั้น! ที่ท่านอาจารย์ทำไปทั้งหมด…ก็เพื่อปกป้องพวกเรา”

จวินอู๋เสียหันหน้าไปมองเฉียวฉู่และพูดกับเขาอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเจ้าถูกคนแบบนั้นรังแกและทำได้เพียงกัดฟันทน แม้ว่าเจ้าจะได้สิ่งที่เจ้าปรารถนาในอนาคตแล้วมันจะมีประโยชน์อันใด! หากคิดจะมีชีวิตอยู่ ก็ต้องอยู่อย่างทรงเกียรติและตรงไปตรงมา แม้ว่าฟ้าจะถล่ม แต่หลังของเจ้าจะงอไม่ได้ ความเย่อหยิ่งสามารถสูญเสียไปได้ แต่ความภาคภูมิใจจะสูญหายไปไม่ได้เป็นอันขาด!” ความพากเพียรอุตสาหะ ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องทนกับการรังแกและดูถูกของผู้อื่น การสร้างลักษณะที่ดีก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องพ่ายแพ้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่จวินอู๋เสียถูกขังให้อยู่แต่ในห้องที่มืดมิดไร้ซึ่งอิสระ ถึงแม้นางจะถูกเจ้าปีศาจร้ายคนนั้นพยายามควบคุมและบงการความคิดของนางนับไม่ครั้งถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่นางจะยอมก้มหัวและปล่อยให้เขาดูหมิ่นนาง

แม้ว่ากระดูกของนางจะถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด นางก็จะไม่มีวันยอมสูญเสียความภาคภูมิใจของนางไป!

คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้เฉียวฉู่ตกใจ และทำให้เยี่ยนปู้กุยดูเหมือนจะฉุกคิดบางอย่างได้

ใช้ชีวิตเฉกเช่นสุนัขให้ผู้อื่นก่นด่าไม่รู้จักจบสิ้น คือความหมายของคำว่า ‘อดทน’ ที่พวกเขาต้องเผชิญกันหรือ

บางทีสาวน้อยคนนี้อาจพูดถูก

มีชีวิตอยู่เช่นนี้ ไม่สู้ตายไปเสียจะปลอดโปร่งยิ่งกว่า

“เจ้าชื่อจวินเสียใช่หรือไม่” เยี่ยนปู้กุยลืมตาขึ้นมาทันที นัยน์ตาของเขาคล้ายมีบางอย่างแตกต่างออกไป

จวินอู๋เสียมองเขาอย่างเย็นชา

“ถ้าหากเจ้าคิดว่าพวกเราสามารถใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาได้ เช่นนั้นก็จงอย่าเพิ่งเก็บคำพูดก่อนหน้านี้ของเจ้ากลับคืนไป ให้ข้าได้ดู ว่าวิธีการของเจ้าจะสามารถพลิกชะตากรรมของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ได้หรือเปล่า” เยี่ยนปู้กุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม