บทที่ 223 บรรพชนเสวียนปะทะลู่หยวน
บทที่ 223 บรรพชนเสวียนปะทะลู่หยวน
แรงกดดันทั้งหลายเคลื่อนลงมาจากท้องนภา พวกมันตรงเข้าโจมตีบุตรศักดิ์สิทธิ์
“ลู่หยวน หากคนสู่รู้เช่นเจ้าตาย ย่อมดีกับทุกคนไม่ใช่น้อย!”
สิ้นคำของบรรพชนเสวียน นางยื่นมือขวาอันเหี่ยวย่นออกไป กระบี่เจ็ดดาราที่ลอยอยู่ด้านข้างวูบไหวก่อนจะพุ่งมาอยู่ในมือ
มือซ้ายหญิงชรารูดผ่านกระบี่ ทำให้โลหิตไหลไปตามคม เคลือบกระบี่ยาวทั้งเล่มอย่างรวดเร็ว
“เทียนซู! เทียนเสวียน! เทียนจี! เทียนเฉวียน! อวี้เหิง! ไคหยาง! เหยากวง!”
ทุกครั้งที่บรรพชนเสวียนขานนาม บริเวณเหนือกระบี่เจ็ดดาราในมือจะส่องแสงสว่างเจิดจ้า ดวงดาราเปล่งประกายระยิบระยับเหนือท้องนภา
ไม่กี่อึดใจ เกิดกลุ่มดาวกระบวยใหญ่พร่างพราวเรียงตัวเหนือกระบี่ยาว ส่วนดวงดาวที่เหลือถูกซ่อนเร้นอยู่ในความมืด
สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยพลังดวงดาวดังกล่าว
“กางอาณาเขต!”
อาจารย์ผู้หนึ่งหรี่ตาลง สิ้นคำดังกล่าว ร่างของเขาพลันวูบไหว พลังอันแก่กล้าแยกออกเป็นหลายร้อยส่วนและพุ่งตรงไปที่อัฒจันทร์ เพียงหนึ่งอึดใจ ศิษย์ทั้งหลายถูกเขาพาออกจากที่นั่งผู้ชมในบัดดล
อาจารย์ผู้นั้นกวัดแกว่งอาวุธในมือ สร้างค่ายกลอาณาเขตขึ้นจากอากาศปกคลุมศิษย์เหล่านี้ รวมถึงทุกสรรพสิ่ง
“พวกเจ้าอยู่ที่นี่ อย่าขยับไปไหน!”
อาจารย์สำนักคนอื่นมีสีหน้าจริงจัง พวกเขาต่างลงมือเพื่อปกป้องศิษย์ของตน
เพียงไม่กี่อึดใจ ไม่มีใครอยู่บนแท่นผู้ชม
ศิษย์ของบรรพชนเสวียนย่อมทราบว่าอาณาเขตของบรรพชนเสวียนทรงพลังแค่ไหน พวกเขาจึงถอยออกมาทันที เมื่อเห็นบรรพชนเสวียนชักกระบี่เจ็ดดาราออกมา
ลู่หยวนมองกลุ่มดาวกระบวยใหญ่บนท้องนภา สายตาของเขาเผยความปรารถนาออกมา
อาณาเขตกลุ่มดาวกระบวยใหญ่ พลังดวงดาวที่แท้จริง!
หอคอยอสูรสวรรค์ย่อมยินดีไม่ใช่น้อย!
มันเคลื่อนไหวอย่างร้อนรนในจิตเทวะ ราวกับพร้อมหลุดพ้นจากพันธนาการ และพุ่งออกจากจิตเทวะไปกลืนกินพลังดวงดาวทุกเมื่อ!
“หอคอยน้อย ไม่ต้องรีบร้อน อีกเดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินจนหนำใจเอง!”
กระบี่ยาวในมือของบรรพชนเสวียนสั่นไหว นางแผดเสียงตะโกนต่ำออกมา “เจ็ดดารา รวมตัว!”
วิ้ง!
เหนือท้องนภา แสงสว่างของกลุ่มดาวกระบวยใหญ่พลันหมองหม่น ไม่ช้า ลำแสงสายหนึ่งเคลื่อนลงมาจากกลุ่มดาวทั้งเจ็ด และตกกระทบลงบนร่างของบรรพชนเสวียน
ยามแสงสว่างจางหาย บรรพชนเสวียนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ภายในดวงตาของนางสะท้อนภาพจักรวาล กลิ่นอายรอบข้างผันผวนราวกับลานประลองถูกกังขังเอาไว้ในทะเลดวงดาว โดยมีห้วงดารานับหมื่นเคลื่อนไหวโคจรตามท่วงท่าของบรรพชนเสวียน
หญิงชราในยามนี้ไม่ต่างจากดวงดาวในมหาวิถี …ทรงพลังลึกล้ำเกินหยั่งถึง!
“ลู่หยวน ข้าจะแผดเผาเส้นชีพจรเร้นลับเพื่อสู้กับท่าน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าท่านจะสามารถต้านทานได้! และข้าไม่เชื่อว่าตัวเองจะต้องพบกับความพ่ายแพ้เหมือนดั่งที่คำทำนายได้บอกกล่าวเอาไว้!”
สิ้นคำ กระบี่เจ็ดดาราในมือของบรรพชนเสวียนขยายใหญ่ขึ้นหลายร้อยเท่า กระบี่ยาวหนึ่งหมื่นจั้งที่เต็มไปด้วยดวงดาราถูกฟาดฟันออกไปหาบุตรศักดิ์สิทธิ์
ตูม! ตูม! ตูม!
ดวงดาวนับไม่ถ้วนเคลื่อนตัวออกจากกระบี่ยาว พื้นที่รอบข้างยังคงแตกสลาย จนทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน ดวงดาวปรากฏขึ้นข้างกายลู่หยวน และพันธนาการแขนขาของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ขณะนั้นเองที่ปราณกระบี่ทลายฟ้าดินถูกฟาดฟันออกมา มันอยู่ห่างจากลานประลองเพียงสามฉื่อ แต่กลับทำให้ค่ายกลใต้เท้าของชายหนุ่มถูกกวาดล้างจนสิ้น ทำเอากระดองเต่ายักษ์ที่แบกค่ายกลอยู่ไม่อาจต้านทานการโจมตีได้ไหวจนเกิดรอยร้าวขึ้นมา
ยามกระบี่ยาวเคลื่อนผ่าน เต่ายักษ์เงยหน้าขึ้นแล้วแผดเสียงคำรามน่าสังเวช ไม่นานมันก็กระอักโลหิต ดวงตาของบรรพชนเสวียนเผยร่องรอยความยินดียิ่งนักเมื่อกระบี่ยาวฟาดฟันเข้าใส่ใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์
ลู่หยวนตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังแล้ว!
หรือว่าการทำนายก่อนหน้านี้ของข้าจะผิดพลาดกันนะ?!
ใช่แล้ว!
ต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน!
แม้ลู่หยวนจะมีชะตาอยู่เหนือมหาวิถี แต่ร่างของเขาหาได้เป็นอมตะไม่!
นางยอมทุ่มหมดหน้าตัก!
แม้กระทั่งเส้นชีพจรเร้นลับก็ถูกเผาผลาญ ต่อให้เฉิงไท่ลงมือก็ไม่สามารถช่วยบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้!
“ลู่หยวน ตายซะ!”
บรรพชนเสวียนแผดเผาเส้นชีพจรเร้นลับของตนอีกครั้ง พลังดวงดาวบนกระบี่ยาวรุนแรงขึ้นมหาศาล นางกำลังจะปลิดชีพชายตรงหน้า
พริบตานั้น เสียงหนึ่งทะลวงอากาศดังขึ้นจากด้านหลังหญิงชรา
พลังที่มาจากด้านหลังเต็มไปด้วยวิถีอันยิ่งใหญ่ บรรพชนเสวียนคุ้นเคยกับพลังนี้เป็นอย่างดี มันเป็นของหลิงอวิ๋น!
แต่หญิงชราหาได้ลังเลไม่ นางยังคงถ่ายพลังเพิ่มเข้าไปในศาสตราวุธ
ต่อให้วันนี้นางจะโดนหลิงอวิ๋นเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัส แต่จะปล่อยให้ลู่หยวนมีชีวิตต่อไปไม่ได้!
ลู่หยวนแสยะยิ้ม พลางหันมาหาบรรพชนเสวียนด้วยสายตาเวทนาราวกับกำลังมองซากศพ!
“นังโง่!”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาสองคำ ไม่ช้า ตรงหว่างคิ้วของเขาพลันปรากฏลวดลายสีโลหิต ร่างกายปลดปล่อยพลังแห่งยุคบรรพกาลออกมา พร้อมดวงตาที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉาน
วิ้ง!
จากตรงหว่างคิ้วของลู่หยวน ลวดลายพลันแพร่กระจายไปทั่วร่าง พร้อมดวงตาที่สามปรากฏขึ้น!
หมอกสีแดงยังคงแผ่ขยาย เขตแดนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นในบัดดล และกัดกร่อนพลังดวงดาวที่พันธนาการเขาเอาไว้!
ขณะนี้ กระบี่ยาวอยู่ห่างจากหน้าผากเขาเพียงสามฉื่อ
“ลู่หยวน ต่อให้ท่านมีอุบายมากมายแค่ไหน มันก็สายไปแล้ว!”
“กระบี่เจ็ดดารา! สะบั้น!”
เฉิงไท่จับจ้องสถานการณ์ตรงหน้าบนแท่นสูง โดยเอามือไพล่หลังและกุมเข้าหากันมั่น
วันนี้… ไม่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ตาย หรือบรรพชนเสวียนตาย แต่สำหรับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็ล้วนเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง!
เจ้าสำนักเริ่มครุ่นคิดอยู่ในใจ หากลู่หยวนตาย อดีตสมาชิกผู้เป็นอมตะของตระกูลลู่จะมาเยือน แล้วเขาจะหาทางรับมืออย่างไร
หากบรรพชนเสวียนตาย แล้วใครควรจะได้รับเลือกให้เป็นบรรพชนวิถีเร้นลับคนต่อไป
สถานการณ์ครั้งนี้ไม่เหมือนกับช่วงที่เกิดบนยอดเขาดาบ เพราะตอนลู่หยวนกับซุนอวิ๋นถิงสู้กัน พวกเขาทำให้ยอดเขาดาบราบเป็นหน้ากลองไปแล้ว!
แต่ที่ยอดเขาวิถีเร้นลับยังมีศิษย์หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
เทียบกันแล้ว เฉิงไท่ยังคงหวังว่าลู่หยวนจะชนะ การจัดการกับศิษย์เหล่านั้นย่อมง่ายกว่าจัดการกับตระกูลลู่!
ไม่ไกลจากเขา มู่พ่านซานยืนเอามือไพล่หลัง กลิ่นอายรอบข้างผันผวนยามองครักษ์ของจักรพรรดินีใช้สัมผัสเทวะซุ่มอยู่ที่ด้านหนึ่งของลานประลอง ขอเพียงชีวิตของลู่หยวนตกอยู่ในอันตราย เขาจะลงมือทันที!
ดวงตางดงามของจักรพรรดินีจับจ้องคุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะ ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางมีลางสังหรณ์ว่าวันนี้เขาจะได้รับชัยชนะ
เพียงแต่ความรู้สึกนี้ช่างไร้เหตุผล เพราะไม่ว่าจะมองสถานการณ์อย่างไร บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นฝ่ายแพ้
แม้จะมองข้ามเรื่องความต่างชั้นระหว่างขั้นของทั้งสอง แค่เฉพาะพลังดวงดาวที่กำลังเผาผลาญอย่างสุดกำลังนั่น ต่อให้เป็นเฉิงไท่ก็ไม่สามารถต้านทานได้แล้ว!
ในลานประลอง…
ลู่หยวนมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาถอยกายออกมาพลางยกมือขวาขึ้น อัญเชิญหอกพันมังกรเก้าสวรรค์ให้ปรากฏออกมาพร้อมมังกรเจินหลงน้อย ก่อนสำแดงพลังของมันในทันที
อีกด้านหนึ่ง แม้ปราณที่ปกคลุมกระบี่เจ็ดดาราจะฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง บุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ถอยร่นไป หากแต่รุกคืบเข้าปะทะ หอกยาวราวกับมังกรพุ่งออกจากหุบเหวเข้ารับการโจมตี
ตูม!!
พลังของทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดเสียงสั่นสะท้านรุนแรง คลื่นพลังแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง