บทที่ 224 บรรพชนเสวียนสิ้นชีพ

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 224 บรรพชนเสวียนสิ้นชีพ

บทที่ 224 บรรพชนเสวียนสิ้นชีพ

ตูม! ตูม! ตูม!

คลื่นพลังมหาศาลพัดพาไปจนสรรพสิ่งรอบข้างถูกกวาดล้าง แม้แต่เต่ายักษ์ยังส่งเสียงร้องโหยหวนจนร่างจะมอดไหม้กลายเป็นธุลี

คลื่นพลังอัดกระแทกใส่แท่นสูงอย่างรวดเร็วจนเฉิงไท่ต้องลงมือ เขากางค่ายกลปกป้องแท่นสูง เพื่อป้องกันไม่ให้จักรพรรดินีได้รับบาดเจ็บ

อาจารย์ที่เหลือประจำตำแหน่งเพื่อเตรียมรับศึกหนัก เกรงว่าแม้กระทั่งพวกเขาก็อาจไม่สามารถต้านทานพลังดวงดาวของบรรพชนเสวียนที่มากับคลื่นพลังคลุ้มคลั่งนี้ได้

ขณะที่ทุกคนกำลังกางค่ายกลนั้นเอง พวกเขาพลันได้ยินเสียงมังกรดังขึ้น ก่อนคลื่นพลังเหล่านั้นจะถูกหยุดไว้ในอากาศ!

ไม่ช้า พวกมันย้อนกลับไปยังต้นกำเนิด แสงสว่างสีขาวที่เกิดจากการปะทะอย่างรุนแรงของพลังทั้งสองถูกสะกดเอาไว้บนลานประลอง

ลู่หยวนก้าวทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ความว่างเปล่าใต้เท้าแตกร้าวพังทลาย เขากวัดแกว่งหอกในมือจากบนลงล่าง ก่อนพุ่งเข้าใส่กระบี่เจ็ดดารา

บุตรศักดิ์สิทธิ์ควงหอกในมือ ทำให้คลื่นพลังรอบข้างถูกดึงดูดเข้าสู่หอกของเขา ส่งผลให้พลังดวงดาวของบรรพชนเสวียนหายไปด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง

ยามนี้หญิงชราผู้กุมกระบี่เจ็ดดาราเอาไว้ในมือตระหนักถึงความผิดปกติ ตั้งแต่กระบี่ยาวปะทะกับหอกของลู่หยวน มีพลังแปลกประหลาดเกาะติดร่างของนางกับกระบี่เจ็ดดารา ก่อนที่นางจะทันรู้ตัว พลังดวงดาวก็หายไปแล้ว

แถมยังหายไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก!

สิ่งที่ทำให้บรรพชนเสวียนตกตะลึงยิ่งกว่าคือเส้นชีพจรเร้นลับที่หลงเหลืออยู่ของนางกำลังเผาผลาญ ทว่าเมื่อพลังดวงดาวก่อตัวขึ้น มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว

บรรพชนเสวียนอยากถอยหนี แต่นางพบว่าคล้ายกับมีพลังลึกลับจากหอกในมือของลู่หยวน เข้าพัวพันรอบกระบี่เจ็ดดาราจนทำให้ไม่สามารถถอยร่นออกไปได้!

ขืนยังเป็นเช่นนี้ เส้นชีพจรเร้นลับจะถูกเผาผลาญโดยที่พลังดวงดาวสูญสิ้น จนนางถึงแก่ความตายในที่สุด!

ทางฝั่งตรงข้าม ลู่หยวนยกยิ้มมุมปาก หอคอยอสูรสวรรค์เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นอยู่ในจิตเทวะของเขา พลังมารแผ่กระจายทุกหนแห่งขณะพลังดวงดาวถูกดูดกลืนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เพียงแค่หนึ่งถ้วยชา บรรพชนเสวียนจะถูกสูบพลังชีวิตจนตาย

ลู่หยวนถอนหายใจออกมา ยายเฒ่าผู้นี้ร้ายกาจไม่เบา!

เดิมเขาเพียงต้องการให้นางสำรวจตัวตนของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม แต่ไม่คิดว่านางจะปฏิเสธ แถมปฏิเสธอย่างเดียวไม่ว่า เหตุใดถึงกล้ารนหาที่ตายเช่นนี้!

ไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่นางยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ด้วยการแผดเผาเส้นชีพจรเร้นลับอย่างไม่ลังเล และส่งมอบพลังดวงดาวให้กับมือของลู่หยวน!

พลังดวงดาว คือพลังวิธีแห่งสวรรค์อย่างหนึ่ง!

หอคอยอสูรสวรรค์ดูดกลืนมันเข้าไปมาก จนเกรงว่ามันจะเข้าสู่สภาวะดูดซับ ในไม่ช้าหอคอยขนาดเล็กที่แตกหักอาจจะเปิดออกได้อีกหลายชั้น!

“บรรพชนเสวียน”

ลู่หยวนพลันเปิดปาก นางมองมาที่เขาโดยไม่รู้ตัว และพบว่าแม้ใบหน้าของอีกฝ่ายจะประดับรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้าไม่กล้าใช้ลูกแก้วส่องสวรรค์ช่วยข้า เพราะเกรงว่าจะแปดเปื้อนผลกรรมของเหตุการณ์เมื่อสามแสนปีก่อนใช่หรือไม่?”

“ไม่ต้องห่วง หลังจากเจ้าตายไป ข้าจะใช้สมบัติของเจ้าเปิดใช้งานลูกแก้วส่องสวรรค์ ถึงตอนนั้น เจ้าจะเป็นคนแรกที่ได้แบกรับผลกรรมทั้งหลายเอาไว้!”

หัวใจของผู้ฟังแทบหยุดเต้น “เจ้าอย่าทำ!”

หากวัตถุของนางถูกใช้เป็นสื่อกลาง นางจะเป็นเพียงผู้เดียวที่ต้องแบกรับเคล็ดวิชาเหตุต้นผลกรรม!

ถึงตอนนั้น ต่อให้นางโชคดีรอดชีวิตมาได้ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับของหกภพภูมิหมื่นจักรวาล ต้องถูกทัณฑ์อัสนีลงโทษ และทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดชั่วนิรันดร์!

“ข้าไม่อยากทำ!”

ดวงตาของบรรพชนเสวียนแดงก่ำ จิตใจปั่นป่วน กระนั้นก็หาได้สนใจพลังดวงดาวในร่างกายที่กำลังเหือดหายไปไม่

ลู่หยวนยิ้มหยัน หลังจากพลังดวงดาวกลุ่มสุดท้ายของบรรพชนเสวียนถูกดูดกลืนออกมา เขาดึงหอกในมือกลับ ก่อนถอยร่นไปด้านหลัง

หญิงชรากลับมามีสติ ขณะมองร่างของคู่อาฆาตที่กำลังถอยกลับไป แต่ยังไม่ทันตอบสนอง เสียงของบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นอีกครา “อาจารย์ รบกวนท่านด้วย!”

เมื่อนั้นบรรพชนเสวียนรู้สึกได้ถึงปราณหอกที่ทะยานมาจากด้านหลัง!

นางหันไปมองทีละน้อย พลางค่อย ๆ เงยศีรษะขึ้นสูง เมื่อเห็นปราณหอกทะลวงสวรรค์เคลื่อนเข้ามาใกล้ นางพลันหัวเราะ “โชคชะตาของสรรพสิ่งในแผ่นดินหลักเคยอยู่ในกำมือของข้า แต่โชคชะตาของข้าอยู่ในมือผู้ใดกัน?”

“เสวียนเทียนชวน ข้าขอทำนายให้กับเจ้า ชีวิตของเจ้าหาได้อยู่ภายใต้วิธีแห่งสวรรค์ไม่ แต่มันอยู่ภายใต้คนผู้หนึ่ง”

ตูม!

ปราณหอกมหาศาลกระหน่ำลงมาทำลายล้างร่างของบรรพชนเสวียน คำพูดขาดห้วงของนางได้เลือนหายไปภายใต้เจตจำนงหอก ก่อนจะเหลือเพียงความเงียบสงัดในกลุ่มควัน

ไม่กี่อึดใจต่อมา ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความสงบ ควันธุลีจางหาย เผยให้เห็นร่างบรรพชนเสวียนถูกแทงด้วยหอกยาว ดวงตาของนางเบิกกว้าง จ้องมองไปยังสุดปลายท้องนภา

หลิงอวิ๋นเผยสีหน้าเรียบเฉย นางมาถึงตัวบรรพชนเสวียน ก่อนยกหอกขึ้นพร้อมร่างของอีกฝ่ายที่ติดมาด้วยเหมือนเนื้อเสียบไม้

บรรพชนหอกหันศีรษะ สายตาจับจ้องไปที่ยอดเขาวิถีเร้นลับ ขณะออกแรงที่มือ ร่างของบรรพชนเสวียนถูกโยนออกไปอย่างรุนแรง ก่อนจะตกลงไปทางยอดเขาวิถีเร้นลับอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ มีสองยอดเขาในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่ตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”

ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่เอ่ยประโยคดังกล่าวออกมา ทำให้คนที่เหลือต่างพากันสูดหายใจ

“จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่า ชิวชิงหลีไม่มีค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ นางไม่มีทางชนะเขาได้!”

“หากชิวชิงหลีกล้าท้าทายเขาขึ้นมา แล้วไม่ถูกลู่หยวนทุบตีจนตาย ย่อมถือว่าเป็นพรที่บรรพบุรุษนางประทานให้”

“ข้าเองก็คิดเหมือนกัน แต่ข้าเพิ่งเดิมพันข้างศิษย์พี่ชิวชิงหลีด้วยศิลามายาหนึ่งพันก้อน! ตอนนี้ไปขอยกเลิกการเดิมพันจะทันหรือไม่?!”

แม้ศิษย์จำนวนมากจะส่งเสียงเอ็ดอึง แต่อาจารย์ทั้งหลายต่างอยู่ในความเงียบ สายตาของพวกเขาที่มองลู่หยวนก็เปลี่ยนไป

เมื่อครู่ เด็กคนนี้ใช้อุบายใดถึงได้พลังดวงดาวของบรรพชนเสวียน?!

ราวกับอุบายดังกล่าวจะไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลลู่และสำนักอักขระสวรรค์ครอบครอง!

หากเป็นเช่นนั้น อุบายดังกล่าวมาจากที่ใด?!

อุบายเช่นนั้น ทำให้สุดยอดพลังของพวกเขาหายไปในบัดดลได้หรือไม่?!

บรรพชนกระบี่เป็นคนแรกที่ตอบสนอง เขาหันหน้าไปทางกลุ่มศิษย์ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ภาคภายหน้า พวกเจ้าอย่าต่อต้านบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! ผู้ใดที่อยู่ในยอดเขากระบี่ของข้า ขอให้มองเขาด้วยสายตาเหมือนอย่างที่มองข้า! หากผู้ใดไม่ให้ความเคารพ ข้าจะปลิดชีพมันด้วยกระบี่เอง!”

ศิษย์ของบรรพชนกระบี่ยกมือขึ้นคารวะน้อมรับคำสั่งอาจารย์

สายตาของบรรพชนกระบี่จับจ้องบุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรผู้อยู่ด้านหลังศิษย์ทั้งหลาย เขาครุ่นคิดสักพัก ก่อนเอ่ยว่า “เซียวเทียน นับจากวันนี้ไปเจ้าคือศิษย์เอกของข้า”

“หลังจบการแข่งขันภายในครั้งนี้ ขอให้เจ้าเข้ามาที่ห้องโถงหลัก ข้าจะช่วยชี้แนะการฝึกฝนให้กับเจ้า!”

ยามเซียวเทียนได้ยิน แววตาก็เต็มไปด้วยความยินดี เขาหันไปหาบรรพชนกระบี่ แล้วยกมือขึ้นทำความเคารพ “น้อมรับคำสั่ง!”

บรรพชนกระบี่สะบัดแขนเสื้อ ก่อนทะยานสู่แท่นสูง

อาจารย์ที่เหลือเอ่ยคำพูดแบบเดียวกับบรรพชนกระบี่ ก่อนถ่ายทอดคำสั่งแก่ศิษย์ในสำนักว่าอย่าต่อต้านลู่หยวน!

ขณะเหล่าอาจารย์ทั้งหลายจากไป ท่ามกลางฝูงชน มีบางคนส่งเสียงบ่นออกมาว่า “เซียวเทียนเพิ่งมาได้ไม่นาน เหตุใดถึงได้เป็นศิษย์เอกของบรรพชนกระบี่?! ในด้านพลัง รวมถึงการบ่มเพาะ ทั่วทั้งยอดเขากระบี่ ข้าว่าต้องมีหลายคนที่เหนือกว่าเขา!”

“นั่นสิ ในด้านการบ่มเพาะและพลัง ย่อมมีหลายคนที่แข็งแกร่งกว่า แต่จะมีผู้ใดเหมือนกับเซียวเทียนที่ได้รับการปกป้องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่บ้าง?!”

เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ ทุกคนพากันหุบปาก

ใช่แล้ว เซียวเทียนเป็นผู้ติดตามของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ยังมีเรื่องใดให้ต้องกังวลในภายภาคหน้าอีกหรือ?!

ไม่ว่าจะเป็นการบ่มเพาะ รวมถึงพลัง สำหรับหัวหน้ากลุ่มเทียน ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะได้มาครอง!