บทที่ 183 เทพเซียนสู้รบ คนธรรมดาประสบเคราะห์

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 183 เทพเซียนสู้รบ คนธรรมดาประสบเคราะห์

วาจาของเทพยุทธ์จวี้หลิงทำเอาทั่วหล้าเดือดคลั่ง

‘เทพเซียนหมายจะทำลายล้างโลก!’

ภายใต้สถานการณ์สิ้นหวัง ไม่มีผู้ใดกล้ากระโจนออกมาท้าประลองกับเทพเซียน

ในใจของพวกเขาล้วนรู้สึกโชคดีขึ้นมาอยู่บ้าง

‘หากว่าเทพเซียนกำลังล้อเล่นอยู่เล่า’

หานเจวี๋ยกำลังลังเลว่าจะเป็นฝ่ายบุกโจมตีเอง หรือว่ารอเทพเซียนบุกมาหาถึงเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

“เมื่อเผชิญหน้าความเป็นความตาย ผู้บำเพ็ญเช่นข้ามีหรือจะกลัวเกรง!”

เสียงแหบชราสายหนึ่งดังขึ้น ส่งไปถึงสิบเขตเก้าราชวงศ์อย่างแม่นยำ

หานเจวี๋ยไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน แต่เขาสามารถสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายหอบนี้พุ่งทะยานขึ้นมาแต่ไกล

‘ผู้บำเพ็ญมหายาน!’

ไม่ใช่แค่เพียงเขา ยังมีระดับมหายานคนอื่นๆ ที่เหาะเหินไปทางท้องนภา

ผู้บำเพ็ญมหายานที่ซ่อนตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในใต้หล้าต่างทยอยกันออกเคลื่อนไหว

ใต้หล้าปั่นป่วน พวกเขาจำต้องลงมือ

จี้เซียนเสินก็ลงมือเช่นกัน!

พกพาพลังเปี่ยมล้น จี้เซียนเสินพุ่งเหินสู่ชั้นเมฆอย่างไม่หันหลังกลับ เบื้องหลังเป็นเหล่าผู้ทรงพลังจากจวนเซียนสวรรค์

“เทพเซียนแล้วอย่างไร! มนุษย์ย่อมชนะสวรรค์!”

จี้เซียนเสินกล่าวหัวเราะลั่นอย่างมุ่งมั่น ความภาคภูมิใจเปี่ยมล้น

เขารอวันนี้มานานแล้ว!

ไกลออกไปนั้น!

พยับหมอกปีศาจสีดำระลอกแล้วระลอกเล่าพุ่งไปทางเทพเซียนทั่วท้องนภา ท่ามกลางพยับหมอกปีศาจนั้นเป็นจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำนั่นเอง!

นี่เป็นเรื่องวิปริตปั่นป่วนของสรรพชีวิตทั่วทั้งใต้หล้า หาใช่เรื่องของเผ่ามนุษย์ แน่นอนว่าจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำย่อมต้องลงมือด้วยเช่นเดียวกัน

นี่ก็เป็นเหตุผลที่จี้เซียนเสินไม่สังหารจักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำ แม้จักรพรรดิปีศาจจิ้งจอกดำจะรวมหัวกับเผ่าปีศาจ แต่ก็เคยให้สัญญาว่าหากเทพเซียนบุกโจมตีโลกมนุษย์ เขาจะต้องลงมืออย่างแน่นอน

ผู้ทรงพลังในโลกมนุษย์หลายสิบคนบุกทะยานขึ้นไปบนท้องนภา

บนเมฆอสนีชั้นแล้วชั้นเล่า เงาเทพสายแล้วสายเล่าเงื้ออาวุธเทพในมือขึ้น ฟาดฟันลงมาทางโลกมนุษย์

ดับฟ้าผลาญปฐพี!

ลำแสงเจิดจ้าบาดตากระจายทั่วฟ้าดิน สว่างจนหานเจวี๋ยยังอดหรี่ตาลงไม่ได้

ไม่ได้การ!

คนพวกนี้เดิมทีก็ต้านเทพเซียนไม่ไหวสักนิด ยังเป็นเขาที่ต้องลงมือ!

หานเจวี๋ยทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคก่อนจากไป “พวกเจ้าห้ามออกจากเขาแห่งนี้!”

ยามเมื่อแสงจ้าสลายหายไป ทุกคนเพ่งสายตามองเข้าไป พลันอดเบิกตากว้างไม่ได้

กลางอากาศปรากฏเป็นมนุษย์ยักษ์สูงหมื่นจั้งตนหนึ่ง!

เป็นหานเจวี๋ยนั่นเอง!

พลังวิเศษ ค้ำฟ้าเสมือนพสุธา!

หานเจวี๋ยก้าวเข้าไปในท้องนภาทีละก้าว ราวกับว่ากลางอากาศมีบันไดไร้ลักษณ์สายหนึ่ง ชุดคลุมสีทองพลิ้วปลิวไสว

เขายกมือขึ้น ใช้พลังเวทของตนต้านทานพลังเวทล้นทะลักที่เหล่าทหารสวรรค์ซัดออกมา เลี่ยงไม่ให้ต้าเยี่ยนเผชิญกับการโจมตีจนย่อยยับโดยง่าย

ชั่วอึดใจ

เทพเซียนทั่วท้องนภาพากันหันกาย มองมาทางหานเจวี๋ยเป็นทางเดียว

“เป็นเขาเองหรือ”

“พลังเวทแข็งแกร่งยิ่งนัก!”

“โลกมนุษย์ถึงกับมีตบะบำเพ็ญเช่นนี้ด้วย?”

“หรือว่าบนตัวเขามีศิลามรรคาสวรรค์”

“กล่าวกันว่าหยางซ่านก็ตายด้วยน้ำมือเขา!”

เสียงของเทพเซียนดังสนั่นยิ่งนัก กึกก้องไปทั่วทั้งโลกมนุษย์

เหล่าสรรพชีวิตใต้หล้าอดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ความหมายของคำพูดเหล่านี้คือโลกมนุษย์มีผู้ทรงพลังที่เทียบชั้นเทพเซียนได้หรือ

อีกด้านหนึ่งของฟากฟ้า

จี้เซียนเสินยืนอยู่กลางห้วงอากาศอย่างมั่นคง ใบหน้าซีดขาว การรุกโจมตีของเหล่าทหารสวรรค์ทำเอาเขาสกัดไม่ไหว

แต่เมื่อได้ยินวาจาของเหล่าทหารสวรรค์แล้ว เขาก็อดฉายรอยยิ้มออกมาไม่ได้

‘ไม่ว่าอย่างไร มีสหายเต๋าเฉาคอยสกัดไว้อยู่!’

“หึ!”

เสียงแค่นเย็นเยียบสายหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงของเทพยุทธ์จวี้หลิง

เห็นเพียงเทพยุทธ์จวี้หลิงที่ยืนอยู่บนยอดสูงสุดพลันโน้มร่างลงมา เหล่าสรรพชีวิตตกใจกันยกใหญ่ รู้สึกแตกตื่นเหมือนฟ้าดินถล่ม

‘เทพยุทธ์จวี้หลิงช่างใหญ่ยักษ์มหึมา สูงล่ำกำยำเกินไปแล้วจริงๆ!’

หานเจวี๋ยเห็นโฉมหน้าของเทพยุทธ์จวี้หลิงอย่างชัดเจน แม้ตัวเขาจะสูงถึงหมื่นจั้งแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทพยุทธ์จวี้หลิง ก็ยังเล็กจ้อยอย่างเห็นได้ชัด

“เซียนสวรรค์ไท่อี่? มิน่าเล่าเจ้าถึงอาจหาญเพียงนี้!”

เทพยุทธ์จวี้หลิงแค่นเสียงกล่าว น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร

พระราชวังเทียมเมฆา

เทพเซียนในท้องพระโรงต่างพากันฮือฮา

“เซียนสวรรค์ไท่อี่? เหตุใดโลกมนุษย์ถึงปรากฏปีศาจระดับนี้ได้”

“หรือว่ามีคนจากแดนเซียนลงไปยังโลกมนุษย์”

“ไม่แน่ใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรสำหรับวังสวรรค์แล้วก็ช่างเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็ปรากฏกายอยู่ในโลกมนุษย์ที่พวกเราปกครอง”

“เขาอายุเท่าไหร่”

“คำนวณไม่ได้ บนตัวเขาน่าจะมียอดสมบัติ สามารถปิดกั้นการคำนวณผลกรรมได้”

จักรพรรดิสวรรค์สีหน้าไร้ความรู้สึก เพิกเฉยต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าเทพเซียน สายตาจับจ้องไปยังหานเจวี๋ยที่สะท้อนบนคันฉ่อง

เผชิญหน้ากับเทพยุทธ์จวี้หลิงที่สูงส่ง หานเจวี๋ยกลับไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเรียบเฉย

เขายกมือขวาขึ้น ดรรชนีชี้ขึ้นฟ้า

ทั่วทั้งต้าเยี่ยน ทุกคนล้วนสามารมองเห็นร่างที่สูงหมื่นจั้งของหานเจวี๋ยได้

ภาพที่หานเจวี๋ยชี้นิ้วขึ้นฟ้าเผชิญหน้ากับเทพเซียนทั่วสวรรค์สั่นสะท้านพวกเขาอย่างฝังลึก

ภาพถัดมา ก็ยิ่งทำให้พวกเขายากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต

ตู้ม!

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

ปราณกระบี่พุ่งโฉบออกไปตามดรรชนีด้านขวาของหานเจวี๋ย เหินทะยานขึ้นไป แสงกระบี่สว่างจ้าทั่วฟ้าดิน!

เหล่าทหารสวรรค์ไม่ทันได้ตอบสนอง เทพยุทธ์จวี้หลิงยกมือขึ้นสกัดไว้ด้วยสัญชาตญาณ เกรงว่าปราณกระบี่จะแตกระเบิด แผ่สะเทือนเมฆอสนีบนท้องนภา

“ฆ่า!”

พร้อมๆ กับเสียงขู่คำรามอันน่าหวาดกลัวและเดือดดาลของเทพยุทธ์จวี้หลิง ทหารสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาจากทะเลเมฆา ดุจดั่งฝนเกาทัณฑ์นับพันนับหมื่นโปรยปรายลงมา

ในมือหานเจวี๋ยปรากฏกระบี่ขึ้นเล่มหนึ่ง กระบี่พิพากษาอนธการ

เขากำกระบี่ด้วยมือข้างเดียว เหยียบย่างไต่ขึ้นฟ้าไปอย่างต่อเนื่อง โบกกระบี่อย่างฉับไว

ปราณกระบี่พาดขวาง อานุภาพไม่อาจต้านทาน!

ทหารสวรรค์รายแล้วรายเล่าถูกหานเจวี๋ยฆ่าสังหาร ร่างดับมรรคสลายไปตามๆ กัน

ความแข็งแกร่งของเหล่าทหารสวรรค์ล้วนกระจายทั่วแดนเซียน ไหนเลยจะใช่คู่ต่อสู้ของหานเจวี๋ยที่อยู่ระดับเซียนสวรรค์วัฏจักร

หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้ยั้งมือ หากเขาไว้ชีวิตทหารสวรรค์พวกนี้ มีหรือวังสวรรค์จะไม่รู้ว่าเขากลัวเข้าแล้ว

บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน พวกสวินฉางอันและหยางเทียนตงได้เห็นท่วงท่าการต่อสู้ที่สง่าผ่าเผยของหานเจวี๋ยด้วยตาตนเอง ไม่มีผู้ใดที่ไม่สั่นสะท้านด้วยความฮึกเหิม

“อาจารย์ปู่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

มู่หรงฉี่กล่าวอย่างตื่นเต้น ‘ที่แท้อาจารย์ปู่ก็มีของจริงๆ’

ในสายตาของคนอื่นๆ ต่างก็ฉายแววสั่นสะท้านและเคารพยำเกรงด้วยเช่นกัน

เซียนซีเสวียนทอดมองแผ่นหลังของหานเจวี๋ย ทอดถอนใจนับหมื่นครั้ง

นึกถึงคราแรกที่หานเจวี๋ยกราบตนเป็นอาจารย์ นางไหนเลยจะเคยคาดคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะแข็งแกร่งถึงขั้นไปต่อสู้กับเทพเซียนได้

หานเจวี๋ยบุกตะลุยขึ้นหน้า สังหารทหารสวรรค์คนแล้วคนเล่าตามรายทางได้อย่างง่ายดาย ทว่าสายของเขากลับจดจ้องอยู่ที่เทพยุทธ์จวี้หลิง

เซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์!

จำต้องกล่าวว่า กลิ่นอายพลังของเทพยุทธ์จวี้หลิงช่างน่าหวาดกลัวจริงๆ แม้จะบรรลุถึงระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรระยะกลางแล้ว หานเจวี๋ยก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดัน

หมายจะปลิดชีพเทพยุทธ์จวี้หลิงในพริบตา ยากยิ่งนัก!

แต่หานเจวี๋ยยังคงเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ขอบเขตพลังเดียวกัน เขาก็ไร้ศัตรู!

แสงรุ้งสายหนึ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า ดุจดั่งอุกกาบาตร่วงลงมาจากนอกนภา ชนกระแทกหานเจวี๋ยเข้าอย่างจัง

เป็นเทพยุทธ์จวี้หลิง

เทพยุทธ์จวี้หลิงสำแดงพลังวิเศษค้ำฟ้าเสมือนพสุธาเช่นเดียวกัน ร่างสูงหมื่นจั้ง ต่อสู้กับหานเจวี๋ยอยู่กลางฟากฟ้าอย่างดุเดือด

เซียนสวรรค์ทั้งสองต่างสำแดงพลังวิเศษ ซัดสะเทือนจนท้องนภาฉีกขาดในทันใด ห้วงอากาศบิดเคลื่อน อสนีสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วนเกี่ยวพันอยู่กลางฟ้าดิน

โลกมนุษย์แบกรับไม่ไหว!

พื้นที่ต่างๆ ทั่วใต้หล้าล้วนประสบภัยถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือว่าสัตว์ปีศาจ ส่วนใหญ่ล้วนกำลังวิ่งหนีอุตลุด ร้องครวญครางแตกตื่นกันจ้าละหวั่น

หานเจวี๋ยไม่มีเวลามาสนใจสถานการณ์ของโลกมนุษย์ เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การต่อสู้

แม้เขาจะเพียรบำเพ็ญมาโดยตลอด แต่เมื่อมีแบบจำลองการทดสอบ ประสบการณ์การต่อสู้ของเขาก็ยังหลากหลายอยู่ดี

ปราณกระบี่ฟ้าดินร่วงใส่ร่างของเทพยุทธ์จวี้หลิงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บอย่างแท้จริง ชุดเกราะของเจ้าหมอนี่ก็ไม่เหมือนของคนธรรมดาทั่วไป

เทพยุทธ์จวี้หลิงคิดอยากจะทำร้ายหานเจวี๋ย นั่นยิ่งไม่ง่ายเข้าไปใหญ่ หานเจวี๋ยห้อตะบึงไม่หยุด ทำให้ดาบใหญ่ของเขาฟันไม่โดนเลยสักนิด

หานเจวี๋ยกวัดไกวกระบี่อย่างรุนแรง ปราณกระบี่เดือดพล่าน กลายเป็นทะเลปราณกระบี่ที่ไร้ขอบเขตไร้ที่สิ้นสุดแถบหนึ่ง เงากระบี่มากมายจำนวนนับไม่ถ้วนควบรวมตัวปรากฏขึ้น เบียดเสียดแน่นขนัด ดุจดั่งดวงดาวพร่างพราวจักรวาล นับจำนวนไม่หวาดไม่ไหว

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

เทพยุทธ์จวี้หลิงสะเทือนอารมณ์ ‘นี่คือพลังวิเศษอะไรกัน’

ชั่วพริบตา เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาทางเขาจากสี่ทิศแปดทาง เดือดพล่านล้นทะลัก ตระการตาอย่างที่สุด สายลมบ้าคลั่งที่ซัดโหมขึ้นพัดหวิวๆ จากรอบทิศทาง พัดโบกจนป่าเขาบนผืนดินสั่นสะเทือนไม่หยุด ถึงขั้นถอนรากถอนโคนขึ้นมา

เทพเซียนสู้รบ คนธรรมดาประสบเคราะห์!

………………………………………………