บทที่ 184 เซียนสวรรค์หนึ่งพันหนึ่งร้อยปี!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 184 เซียนสวรรค์หนึ่งพันหนึ่งร้อยปี!

ทันทีที่ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิปรากฏ เทพยุทธ์จวี้หลิงผู้แข็งแกร่งก็ตกสู่สภาพเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว

ต่อให้พลังเวทของเขาจะไร้ขอบเขต พลังป้องกันของชุดเกราะบนร่างแกร่งกล้า แต่ก็ยังต้านทานเงากระบี่ที่พุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อนไม่ไหว

เขากวัดไกวดาบไม่หยุด กัดฟันอย่างไม่ยอมแพ้

หานเจวี๋ยยืนอยู่บนขอบนภา โบกกระบี่อย่างต่อเนื่อง ทะเลปราณกระบี่รวมตัวออกมาเป็นเงากระบี่ไม่ว่างเว้น ยิงสังหารไปทางเทพยุทธ์จวี้หลิง

ทหารสวรรค์คนอื่นตกใจจนไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ ได้แต่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ

“เป็นไปได้อย่างไรกัน! เทพยุทธ์สู้เขาไม่ได้?”

“เทพยุทธ์จวี้หลิงเป็นถึงเซียนสวรรค์ไท่อี่ขั้นสมบูรณ์เชียวนะ!”

“เขาไม่มีทางเป็นมนุษย์ธรรมดาแน่! จะต้องเป็นคนของแดนเซียนที่ลงมายังโลกมนุษย์แน่นอน!”

“แย่แล้ว พวกเราจะกลายเป็นเศษระเบิดอีกแล้วหรือ”

“มิน่าเล่าถึงอยากชำระล้างโลกมนุษย์ผืนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะซุกซ่อนผู้แข็งแกร่งเช่นนี้นี่ไว้!”

เหล่าทหารสวรรค์พากันหวาดเกรงไม่สบายใจ แม้ในวังสวรรค์ตำแหน่งฐานะของพวกเขาต่ำต้อยที่สุด แต่พวกเขาก็รักชีวิต ไม่อยากตายเช่นกัน

มนุษย์เซียนส่วนใหญ่มาเป็นทหารสวรรค์หาใช่ด้วยความสมัครใจ แต่ต่างมาเพราะผลประโยชน์กันทั้งนั้น

หานเจวี๋ยยกมือซ้ายขึ้น ยิงดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพออกไปเป็นระยะๆ ทะลุผ่านชุดเกราะของเทพยุทธ์จวี้หลิง

เทพยุทธ์จวี้หลิงบันดาลโทสะ เหล่าเทพเซียนภายในพระราชวังเทียมเมฆาต่างจ้องมองอยู่ เขาก็ไม่อยากเพลี่ยงพล้ำเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

จู่ๆ เขาก็กลายเป็นอัสนีสายหนึ่งอันตรธานหายไป

แทบจะในเวลาเดียวกัน หานเจวี๋ยโบกกระบี่หันกาย

ชิ้ง!

ดาบกระบี่พุ่งโจมตี เสียงใสก้องกังวานบาดหู ทำเอาสรรพชีวิตใต้หล้าสูญเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วขณะ

ใบหน้าของหานเจวี๋ยฉายรอยยิ้มดูแคลน กล่าวว่า “เท่านี้?”

เทพยุทธ์จวี้หลิงถูกยั่วโทสะ หน้าตาบิดเบี้ยวขาดสติ

เขาคำรามด้วยความเดือดดาลคราหนึ่ง อาศัยพลังมรรคอัสนีซัดหานเจวี๋ยลอยคว้างออกไป แต่เขายังไม่ทันเคลื่อนไหวต่อ เงากระบี่นับพันนับหมื่นก็ม้วนตลบมาอีกครั้ง

เงากระบี่กลายเป็นกระแสน้ำหลากที่มีอานุภาพมหึมาซัดกระแทกบริเวณอกของเทพยุทธ์จวี้หลิง

เทพยุทธ์จวี้หลิงถูกกดทับจนร่วงหล่น เลือดสดๆ ไหลออกจากปากไม่หยุด

นี่คือเลือดของเทพเซียน สาดกระเซ็นอยู่ท่ามกลางทะเลเมฆา ทำให้ทะเลเมฆสลายหายไปในทันที

“น่ารังเกียจนัก!”

เทพยุทธ์จวี้หลิงกัดฟันกรอด สู้สุดแรงเกิด คิดอยากจะหยุดเอาไว้ แต่เงากระบี่ที่ไหลทะลักเข้ามาไม่หยุดพุ่งยิงเข้ามา ซัดโหมจนเขาเสียร่วงหล่นอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

ร่างสูงนับหมื่นจั้งที่หล่นลงมาจากฟ้า น่าหวาดกลัวเพียงใด ตื่นตาเพียงใด!

ดุจดั่งภูเขาลูกยักษ์ เกิดเป็นลมคลั่งล้างโลกา ภูผาธาราเบื้องล่างถูกกดจนแตกระเบิด กวาดราบเป็นหน้ากลอง

ผืนดินพังทลาย รอยแยกจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ฝุ่นควันคลุ้งตลบ คูเมืองแห่งแล้วแห่งเล่าถูกลมคลั่งพัดทำลาย ไม่รู้ว่ามีมนุษย์ปุถุชน ประชาชน สัตว์ปีศาจมากมายเท่าไรถูกหอบม้วนขึ้นฟ้า

เทพยุทธ์จวี้หลิงร่วงสู่พื้น ซัดกระแทกจนพื้นที่ละแวกหมื่นลี้ถล่มทลาย

อยู่ต่อหน้าเทพเซียน ทุกสิ่งของโลกมนุษย์ล้วนเห็นได้ชัดว่าเปราะบางไม่คงทน

เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนหล่นลงมาจากฟ้า ตกใส่ร่างเทพยุทธ์จวี้หลิงอย่างบ้าคลั่ง

เสียงโครมครามดังขึ้น!

ชุดเกราะของเทพยุทธ์จวี้หลิงถูกซัดแหลกลาญ กายเนื้อแบกรับเศษเสี้ยวของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ ทำให้เขาอดร้องคำรามออกมาไม่ไหว ราวกับสัตว์ดุร้ายดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งกำลังแผดเสียงคำราม สะเทือนฟ้าดิน เทพผีโหยไห้

หานเจวี๋ยปรายตามองเทพยุทธ์จวี้หลิงจากมุมสูง ในใจรู้สึกลังเล จะฆ่าเทพยุทธ์จวี้หลิงดีหรือไม่

เทพยุทธ์จวี้หลิงก็ไม่ใช่ทหารสวรรค์!

กดข่มต่อไป!

ทำลายกายเนื้อของเขาก่อน!

สายตาของหานเจวี๋ยฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นมาแวบหนึ่ง

พร้อมๆ กับเทพยุทธ์จวี้หลิงที่แผดคำรามต่อเนื่อง ไม่นานกายเนื้อของเขาก็ถูกไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิสังหารจนแตกดับ เหลือเพียงจิตวิญญาณที่ยังคงแบกรับพลังกดสยบของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ ไม่อาจดิ้นพล่าน

หานเจวี๋ยเงยหน้ามองฟ้า กล่าวว่า “วังสวรรค์คิดจะชำระล้างโลกมนุษย์โดยไม่สนใจอะไรเลยจริงหรือ”

เสียงของเขากึกก้องไปทั่วโลกมนุษย์ สะท้อนกำทวนอยู่ภายในพระราชวังลอยฟ้า

พระพักตร์ของจักรพรรดิสวรรค์ไร้ความรู้สึก เหล่าเทพเซียนต่างพากันซุบซิบ เอ่ยวาจาเสียงแผ่วเบา

เทพยุทธ์จวี้หลิงอาจจะไม่ใช่แม่ทัพแนวหน้าของวังสวรรค์ แต่ก็เป็นเสาหลักระดับกลาง ยามออกรบส่วนมากล้วนมีเขาเป็นผู้นำทัพ

แม่ทัพสวรรค์ที่กำยำดุจเจดีย์เหล็กนายหนึ่งลุกออกมา กล่าวเสียงขรึมขึ้นว่า “ฝ่าบาท เจ้านี่วางโตโอหังเกินไป ข้าคิดว่าควรอัญเชิญทัณฑ์สวรรค์ทำลายโลกนี้ตรงๆ เลยดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียนฝ่ายบุ๋นคนอื่นๆ ต่างพากันสำทับ แต่ก็มีเทพเซียนจำนวนหนึ่งไม่เห็นชอบ

ยอดแม่ทัพเทพกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทเคยตรัสว่าหากเขาสามารถสำแดงพรสวรรค์ออกมาได้ จะล้มเลิกการชำระล้างโลกมนุษย์ก็ได้ เขาเพิ่งจะอายุราวๆ พันปี ก็บรรลุถึงระดับเซียนสวรรค์แล้ว พรสวรรค์ระดับนี้พวกเจ้ามีหรือไม่”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา เทพเซียนทั้งหลายต่างพากันเงียบกริบ

ใครเล่าจะกล้าหักหน้ายอดแม่ทัพเทพบ้าง

แม่ทัพสวรรค์ที่ร่างกำยำแค่นเสียงเย็นคราหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยโน้มน้าวต่อ

จักรพรรดิสวรรค์เพิกเฉยเหล่าเทพเซียน จ้องมองไปที่บานกระจกต่อ

เห็นว่าหานเจวี๋ยสยบกำราบเทพเซียนได้อย่างกร้าวแกร่ง เหล่าผู้บำเพ็ญของสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ต่างแซ่ซ้องไม่หยุด

สีหน้าของนักพรตเต๋าจิ่วติ่งเองก็ฉายแววเดือดคลั่งเช่นกัน

เขารู้ว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่คิดไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยสักนิด!

ในใจเขาเปี่ยมด้วยความรู้สึกโชคดี โชคดีที่ตนฟังความเห็นของหลี่ชิงจื่อ ไม่ได้ล่วงเกินหานเจวี๋ยเข้า

ใต้ต้นฝูซัง ซูฉีทอดมองภาพฉากยิ่งใหญ่บนฟากฟ้าด้วยสีหน้ามึนงง

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าภาพเหตุการณ์นี้คุ้นตายิ่งนัก คล้ายเคยสัมผัสมาก่อน ราวกับว่าเคยฝันเห็นมาก่อน

มู่หรงฉี่ ถูหลิงเอ๋อร์มองดูจนเลือดร้อนเดือดพล่าน แทบทนไม่ไหวอยากเข้าไปร่วมอยู่ในนั้นด้วย

คนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน ยากที่จะรักษาอาการสงบได้

“เฮอะ! คิดว่าวังสวรรค์ของข้าไม่มีของจริงๆ หรือ!”

เสียงแค่นเย็นเยียบสายหนึ่งดังขึ้น ดุจดั่งฟ้าคำรามก้องสนั่น

หานเจวี๋ยเหลียวหน้าไปมอง เห็นเพียงแสงสีเงินไพศาลระลอกหนึ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า สาดส่องลงมายังโลกา

ท่ามกลางลำแสงเจิดจ้าบาดตามีเงาร่างสายหนึ่งที่กำลังเดินมุ่งหน้าไปทางหานเจวี๋ย

หลงซั่น!

เกราะสีเงินบนตัวกายหลงซั่นพุ่งส่องแสงศักดิ์สิทธิ์ ในมือกำทวนสามง่ามเล่มหนึ่ง แข็งกร้าวองอาจฮึกเหิม แผ่ซ่านกลิ่นอายกล้าแกร่งที่ไม่ลอาจโค่นล้ม!

‘เขาแกร่งยิ่งกว่าเทพยุทธ์จวี้หลิง!’

นี่คือความรู้สึกแรกของหานเจวี๋ย

เขาหันกายมองไปทางหลงซั่น ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิที่สยบกำราบเทพยุทธ์จวี้หลิงพลอยมลายหายไปด้วย

หานเจวี๋ยเปลี่ยนกลับไปเป็นร่างเดิม ค้ำฟ้าเสมือนพสุธาจะย่อยสลายพลังเวทต่อไปเรื่อยๆ เขาตั้งใจจัดการหลงซั่นเต็มกำลัง

นี่ก็คือโอรสจักรพรรดิสวรรค์ สายเลือดมังกรแท้ มรดกมหาจักรพรรดิมังกรสวรรค์ บุตรแห่งสวรรค์หมื่นบรรพกาล!

จะประมาทไม่ได้!

หลงซั่นมองทางหานเจวี๋ยด้วยสายตาลุกโชน เอ่ยถามว่า “เจ้าอายุเท่าใด”

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างเรียบนิ่ง “เพิ่งครบหนึ่งพันหนึ่งร้อยปี”

ได้ยินเช่นนี้ หลงซั่นก็ขมวดคิ้ว ฝีเท้าที่ก้าวเดินไปทางหานเจวี๋ยเพิ่มความเร็วขึ้น

ภายในพระราชวังเทียมเมฆาฮือฮาไปทั้งแถบ!

‘เซียนสวรรค์ที่อายุหนึ่งพันหนึ่งร้อยปี!

เป็นไปได้อย่างไรกัน!

ยอดแม่ทัพเทพทายถูกแล้ว!

นี่เกินจริงยิ่งกว่าโอรสจักรพรรดิสวรรค์อย่างหลงซั่นเสียอีก!’

เซียนเมฆาแดงลุกพรวดออกมาจากเหล่าเทพเซียนทันที ประสานมือกล่าว “ฝ่าบาท ต้องเก็บเจ้าเด็กนี่ให้ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! ไม่เช่นนั้นวังสวรรค์เกิดกว่าขึ้นจะเสียหายกันหมด!”

เขาแตกตื่นแทบแย่

คิดไม่ถึงว่าหานเจวี๋ยจะสกัดกั้นแม่ทัพและทหารสวรรค์ได้จริงๆ อีกทั้งยังแข็งกร้าวสยบกำราบเทพยุทธ์จวี้หลิงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเขาได้อีก!

ในใจของเซียนเมฆาแดงภาคภูมิใจ นี่เป็นถึงโลกมนุษย์ที่เขาปกครองเชียวนะ!

แม่ทัพคนอื่นๆ พากันเอ่ยสำทับขึ้น

“บุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้ช่างหาได้ยากยิ่งนัก!”

“หากอบรมบ่มเพาะ จะต้องกลายเป็นยอดแม่ทัพเทพคนต่อไปได้แน่!”

“ไม่ผิด!”

“ฝ่าบาทได้โปรดไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“หากวังสวรรค์มียอดแม่ทัพเทพสองคน เช่นนั้นมีหรือที่พวกเราจะถูกสำนักพุทธกดหัว”

ได้ยินคำพูดของเหล่าเทพเซียน จักรพรรดิสวรรค์พระพักตร์ไม่เปลี่ยนสี เอ่ยปากกล่าวว่า “คอยดูอีกหน่อยเถิด พวกเจ้าคิดว่าซั่นเอ๋อร์กับเขา ใครกันจะชนะ”

ทันทีที่ประโยคนี้เอ่ยออกมา เทพเซียนทั้งหมดต่างนิ่งเงียบ

นี่ก็ไม่อาจทายได้จริงๆ!

พรสวรรค์ของหลงซั่นน่าหวั่นเกรงแปลกแยก พลังต่อสู้ยากจะวัดประเมิน

แต่หานเจวี๋ยที่จัดการเทพยุทธ์จวี้หลิงได้ก็เห็นได้ชัดว่าง่ายดายหาใดเปรียบ พวกเขาไม่กล้าวาดวิมานคาดเดาไปต่างๆ นานา

ไม่ว่าจะคาดเดาเป็นผู้ใด ล้วนอาจล่วงเกินอีกฝ่ายได้ทั้งนั้น!

ดูจากท่าทีเช่นนี้ของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว เป็นไปได้สูงว่าหานเจวี๋ยอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งในหมู่พวกเขาแล้วก็ได้!

เซียนเฒ่าผมขาวคนหนึ่งเอ่ยปากกล่าวอย่างเนิบนาบ “ฝ่าบาทหลงซั่นได้รับมรดกจากมหาจักรพรรดิ จุดเด่นของเขาไม่ใช่ความรวดเร็วในการบำเพ็ญเพียรมาแต่ไหนแต่ไร หากเป็นแต่พลังต่อสู้พ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อมีคนเปิด เทพเซียนคนอื่นก็พากันสนับสนุนหลงซั่น ถือโอกาสประจบสอพลอจักรพรรดิสวรรค์ไปในตัว

………………………………………………………………………