ตอนที่ 205 ยุให้รำ ตำให้รั่ว

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

​เจียง​ซื่อ​ไม่ได้​รับรู้​ถึง​ความผิดปกติ​ใดๆ​ ​จาก​คำพูด​ของ​เจียง​อี​ ​หาก​จะ​ถาม​ต่อไป​เรื่อยๆ​ ​ก็​คง​ดู​ไม่​งาม​ ​จึง​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา​ ​“​ข้า​กำลังจะ​ถาม​พี่ใหญ่​พอดี​ ​วันนี้​ไม่​พา​เยียน​เยียน​มาด​้วย​หรือ​”

​เมื่อ​เอ่ยถึง​ลูกสาว​สุดที่รัก​ ​เจียง​อีก​็​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​แฝง​ไป​ด้วย​ความอ่อนโยน​และ​ความเสียใจ​ออกมา​ ​“​สอง​วัน​มานี​้​เยียน​เยียน​ท้องเสีย​ ​ก็​เลย​ไม่ได้​พานา​งมา​ด้วย​”

​เจียง​อี​แต่งงาน​เข้าไป​อยู่​ใน​ตระกูล​จู​ตั้ง​หลาย​ปี​ ​มีลูก​สาว​เพียง​หนึ่ง​คน​ ​ปัจจุบัน​อายุ​สาม​ปี​ ​มีชื่อ​เล่น​ว่า​เยียน​เยียน

​“​เยียน​เยียน​ไม่เป็นอะไร​มาก​ใช่ไหม​เจ้า​คะ​”​ ​เจียง​ซื่อ​ไม่กล้า​ปล่อยวาง​ทุกอย่าง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​ความผิดปกติ​ของ​เจียง​อี​ ​จึง​รีบ​เอ่ย​ถาม​ขึ้น​

​ชาติ​ภพ​ที่แล้ว​นาง​มาร​่ว​มงาน​เลี้ยง​เวลานี้​ ​ใน​ฐานะ​ลูกสะใภ้​ที่​มีหน้ามีตา​สง่างาม​ไร้​ที่​ติ​ของ​จวน​อัน​กงกั​๋ว​ ​มี​ผู้คน​ล้อมรอบ​พูดคุย​กับ​นาง​อยู่​ไม่น้อย​ ​ก็​เลย​ไม่มี​โอกาส​ได้​คุย​กับ​พี่ใหญ่​มาก​นัก​ ​และ​ไม่ได้​สังเกต​เลย​ว่านาง​พา​หลานสาว​มาด​้วย​หรือไม่​ ​พอคิด​ถึง​ตรงนี้​ ​เจียง​ซื่อ​ก็​รู้สึก​หงุดหงิด​ออกมา​อย่าง​อด​ไม่ได้

​ความเป็นห่วง​จาก​น้องสาว​ทำให้​เจียง​อี​รู้สึก​อบอุ่นใจ​มาก​ ​จึง​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​พลาง​เอ่ย​ขึ้น​ ​“​ไม่เป็นไร​ ​เด็ก​ก็​มักจะ​ป่วย​เช่นนี้​แหละ​ ​หมอบ​อก​แล้ว​ว่า​เยียน​เยียน​มีพื​้น​ฐาน​ร่างกาย​มี่​ดี​ ​หาก​โต​ขึ้น​จะ​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​เอง​”

​“​ถ้า​เป็น​เช่นนั้น​ข้า​ก็​สบายใจ​”​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​เยียน​เยียน​ไม่ได้​เป็น​อะไร​มาก​ ​เจียง​ซื่อ​ก็​โล่งอก​ไป​ที

​เมื่อ​ครู่​นาง​อด​คิด​ไม่ได้​จริงๆ​ ​ว่า​จะ​เป็น​เพราะ​เยียน​เยียน​ป่วยหนัก​รึเปล่า​ถึง​ได้​ทำให้เกิด​เรื่อง​หลังจากนี้​เปลี่ยนไป​ ​ทว่า​ดูๆ​ ​แล้ว​ตอนนี้​อาจจะ​คิดมาก​ไป​เอง

​ทันใดนั้น​ซู​ชิง​ซวง​ก็​เข้ามา​ใกล้​ ​“​พี่​อีกับ​พี่​ซื่อ​พูดคุย​กัน​จน​ไม่มีใคร​กล้า​แทรก​เข้ามา​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​พี่น้อง​ที่​ท้อง​เดียวกัน​ยังคง​ต่าง​จาก​ลูกพี่ลูกน้อง​อยู่​มาก​โข​”

​นาง​แสร้งทำ​เป็น​ไม่สบายใจ​ ​ทว่า​ว่า​ดวงตา​และ​ใบหน้า​กลับ​แฝง​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม

​เจียง​อี​เอ่ย​ขึ้น​น้ำเสียง​อ่อนโยน​ ​“​ไม่เลย​ ​ใน​ใจ​ข้า​น้อง​ซวง​กับ​น้อง​ซื่อ​ล้วน​ไม่​แตกต่าง​กัน​”

​เจียง​อี​เป็น​คนจริง​ใจ​ ​ซู​ชิง​ซวง​สามารถ​สัมผัส​ได้​ถึง​ความจริงใจ​ใน​น้ำเสียง​ของ​นาง​ ​จึง​ถอนหายใจ​ออกมา​ ​“​พี่​อี​ ​หาก​พี่​ใจดี​ขนาด​นี้​ ​ระวัง​จะ​ถูก​คน​กลั่นแกล้ง​เอา​นะ​เจ้า​คะ​”

​ม้า​ที่​เชื่อง​มักจะ​ถูก​นำ​ไป​ขี่​ ​คนที​่​ใจดี​มักจะ​ถูก​รังแก​ ​ประโยค​นี้​ช่าง​มีเหตุผล​เสีย​จริง

​เจียง​อีก​็​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ว่า​ทำไม​วันนี้​น้องสาว​และ​ลูกพี่ลูกน้อง​เอาแต่​กังวล​กลัว​ว่านาง​จะ​ถูก​เอาเปรียบ​ ​ข้ามหัว​ข้อ​สนทนา​นี้​ไป​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ซู​ชิง​ซวง​ ​“​ตอน​ฉลอง​วันเกิด​ท่าน​ยาย​เมื่อ​ครู่​ทำไม​ถึง​ไม่เห็น​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​เลย​ ​แถม​ป้า​สะใภ้​รอง​ก็​สีหน้า​ไม่ดี​นัก​ ​หรือว่า​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​จะ​ไม่สบาย​ตรงไหน​”

​ลุง​รอง​กับ​ป้า​สะใภ้​รอง​สวี​่​ซื่อ​ของ​เจียง​ซื่อ​แต่งงาน​กัน​มาตั​้ง​นาน​หลาย​ปี​ถึง​มีลูก​ชาย​ด้วยกัน​คน​หนึ่ง​ ​นั่น​ก็​คือ​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ ​และ​ก็​เป็น​ลูก​เพียง​คนเดียว​ของ​เรือน​รอง​ ​ไม่มีเหตุผล​ให้​เขา​ไม่​มาป​รากฎ​ตัว​ใน​วันฉลอง​วันเกิด​ของ​เหล่าฮู​หยิน

​ซู​ชิง​ซวง​เผย​สีหน้า​ที่​ดู​ไม่เป็นธรรม​ชาติ​ออกมา​แวบ​หนึ่ง​ ​“​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ป่วย​ ​อาสะใภ้​รอง​คงจะ​ดูแล​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​จน​เหนื่อย​”

​เจียง​อี​ได้ยิน​ก็​อด​กังวล​ออกมา​ไม่ได้​ ​“​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ป่วย​เป็น​อะไร​หรือ​ ​หมอ​ที่มา​ดูแล​เยียน​เยียน​บ่อยๆ​ ​ฝีมือ​ไม่เลว​เลย​…​”

​“​พี่​อี​อย่าง​ได้​กังวล​ไป​ ​อีกไม่นาน​ ​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ก็ดี​ขึ้น​แล้ว​”​

​เจียง​ซื่อ​ที่​เอาแต่​เงียบ​มาโดยตลอด​คอย​มอง​สำรวจ​สีหน้า​ของ​ซู​ชิง​ซวง​ ​ซึ่ง​มักจะ​รู้สึก​ว่านา​งมี​อะไร​ปิดบัง​อยู่​ ​แต่​ก็​บอก​ไม่​ถูก​ ​ในเมื่อ​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ป่วย​ ​แล้ว​เหตุใด​พี่​ซวง​จึง​ต้อง​พูดจา​ลับ​ๆ​ ​ล่อ​ๆ​ ​ด้วย​ ​หรือว่า​…​ ​เป่า​เกอ​เอ๋อร​์​ป่วย​เป็น​สือ​อี้[1]

​โรคติดต่อ​สามารถ​แพร่ระบาด​ได้​ ​ยิ่ง​ถ้า​เป็น​ท่าน​ยาย​ที่​อายุ​หกสิบ​แล้ว​ ​หาก​ป่วย​เป็นโรค​ติดต่อ​ก็​คง​ยาก​ที่จะ​บอก​ผู้อื่น

​เจียง​อี​ยัง​อยาก​จะ​พูด​ต่อ​ ​ทว่า​เจียง​ซื่อ​แอบ​ดึง​ชาย​เสื้อ​ไว้​ ​เจียง​อี​จึง​ไม่​พูด​อีก

​ฝั่ง​ทาง​ทิศตะวันตก​บริเวณ​ใกล้​สวนดอกไม้​ของ​จวน​อี๋​หนิง​โหว​มี​การ​ตั้ง​เวที​แสดง​งิ้ว​ ​หลัง​งานเลี้ยง​จบ​ผู้คน​จึง​แห่​กัน​ไปดู​งิ้ว​ ​พอดู​ไป​ได้​สอง​ตอน​อี๋​หนิง​โหว​เหล่าฮู​หยิน​ก็​พูด​ขึ้น​ ​“​ข้า​รู้​ว่า​เด็ก​อย่าง​พวก​เจ้า​ไม่​ชอบ​ดู​อะไร​เช่นนี้​หรอก​ ​ออก​ไป​เล่น​ข้างนอก​เถอะ​ ​อย่า​มานั​่​งอม​ทุกข์​อยู่​ที่นี่​เลย​”

​เจียง​อีนั​่ง​นิ่ง​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เจียง​ซื่อ​ก็​นั่ง​นิ่ง​เช่นกัน​ ​จึง​เอ่ย​ถาม​ขึ้น​เบา​ๆ​ ​“​น้อง​ซื่อ​ทำไม​ไม่​ออก​ไป​เล่น​กับ​พวก​น้อง​ซวง​ล่ะ​”

​เจียง​ซื่อ​ยิ้ม​ ​“​ข้า​จะ​อยู่​กับ​พี่ใหญ่​”

​เจียง​อี​ดึง​เจียง​ซื่อ​ลุกขึ้น​ ​“​ช่างเถอะ​ ​พวกเรา​ออก​ไป​เดินเล่น​กัน​ ​ไม่แน่​อาจจะ​ได้​เจอ​กับ​น้อง​รอง​”

​แม้​แขก​ชาย​หญิง​จะ​ไม่ได้​นั่ง​ชม​งิ้ว​ด้วยกัน​ ​ทว่า​กลับ​เดินเล่น​ใน​สวนดอกไม้​ได้​ ​คน​พวก​นี้​ล้วน​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​กัน​ทั้งนั้น​ ​หนี​กัน​ไม่​พ้น​หรอก

​เดิม​เจียง​ซื่อ​ก็​ไม่​อยาก​นั่ง​ดู​งิ้ว​ที่นี่​อยู่​แล้ว​ ​เพียงแค่​อยาก​อยู่​กับ​เจียง​อี​เท่านั้น​ ​พอได้​ยิน​เจียง​อี​พูด​เช่นนี้​แน่นอน​ว่า​คง​ไม่มีทาง​ปฏิเสธ

​ส่วน​ด้าน​เจียง​จั้น​ก็​คิด​เช่นเดียวกัน​ ​พี่น้อง​สอง​คน​เดินเล่น​อยู่​ใน​สวนดอกไม้​ได้​ไม่นาน​ก็​เจอ

​เจียง​จั้น​ไม่​อาจ​ปิด​ปัง​ความดีใจ​ไว้​ได้​ ​เขา​รีบ​เดิน​สาวเท้า​ก้าว​เข้าไป​ตรงหน้า​เจียง​อี​อย่างรวดเร็ว​ ​“​พี่ใหญ่​!​”

​ชายหนุ่ม​ที่​เดิน​เคียงคู่​เจียง​จั้น​เห็น​สอง​พี่น้อง​ต่าง​ตื่นเต้น​ ​ก็​รู้ดี​ว่า​ไม่​ควร​รบกวน​ ​จึง​หัน​สายตา​ไป​ที่​เจียง​ซื่อ​ ​แล้ว​ส่ง​ยิ้ม​ให้​นาง​ ​“​น้อง​ซื่อ​”

​เจียง​ซื่อ​ย่อเข่า​ทำความเคารพ​ ​“​พี่ใหญ่​”

​ซู​ชิง​สวิน​ที่​ยัง​อายุ​น้อย​เป็น​หลาน​สายตรง​ของ​จวน​อี๋​หนิง​โหว​ ​เมื่อก่อน​เจียง​ซื่อ​มักจะ​มาค​้า​งคื​นอยู​่​ที่​จวน​โหว​บ่อยๆ​ ​ทว่า​กลับ​ไม่ได้​สนทนา​กับ​ลูกพี่ลูกน้อง​ผู้​เย็นชา​คน​นี้​มาก​นัก​ ​โดยเฉพาะ​หลังจากที่​เจียง​ซื่อ​หมั้น​หมาย​ ​เมื่อมี​การ​ได้​เจอ​กับ​พี่น้อง​เป็นครั้งคราว​ ​อย่างมาก​ก็​แค่​เอ่ย​ทักทาย​กัน​เท่านั้น​

​วันนี้​ซู​ชิง​สวิน​พูดมาก​กว่า​เดิม​เล็กน้อย​ ​“​น้อง​ซื่อ​เป็น​อย่างไรบ้าง​ช่วงนี้​”

​“​พี่ใหญ่​ไม่ต้อง​กังวล​ไป​หรอก​เจ้าค่ะ​ ​ข้า​สบายดี​”

​“​งั้นก็​ดี​”​ ​ซู​ชิง​สวิน​กวาด​สาย​มอง​ไป​ที่​เจียง​จั้น​ ​เห็น​ว่า​เจียง​อีกำ​ลัง​รำพึงรำพัน​กับ​เขา​ ​ก็​หันหน้า​กลับมา​ ​“​จากนี้ไป​หาก​น้อง​ซื่อ​มีเรื่อง​ลำบาก​อะไร​อย่า​ลืม​ว่ายั​งมี​จวน​โหว​อยู่​ ​ที่นี่​เป็นบ้า​นข​อง​เจ้า​เสมอ​”

​เจียง​ซื่อ​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​ไม่​พูด​อะไร​ต่อ

​ที่จริง​พี่ใหญ่​กับ​พี่​ซวง​นั้น​ไม่เลว​เลย​ ​แต่​นาง​รู้​ว่า​ป้า​สะใภ้​ใหญ่​นั้น​ไม่น่า​คบค้าสมาคม​ด้วย​ ​ชาติ​ภพ​ที่แล้ว​ท่าที​ที่​ป้า​สะใภ้​ใหญ่​ปฏิบัติ​ต่อนาง​หลังจากที่​นาง​เป็น​หม้าย​ ​มัน​ได้​สั่งสอน​ให้​นาง​รู้​ว่า​อะไร​คือ​การ​ประจบสอพลอ​เมื่อมี​นาจ​ ​และ​เดิน​ข้าม​เมื่อ​เรา​ล้ม

​เจียง​อี​เก็บความ​ตื่นเต้น​ที่​ได้​เจอ​น้องชาย​ ​หันมา​ทักทาย​ซู​ชิง​สวิน

​“​ข้างหน้า​มีต​้น​ดอก​พุด​ซ้อน​ผลิ​ดอก​อยู่​สวย​มาก​ ​เดี๋ยว​ข้า​พา​พี่​กับ​น้องๆ​ ​ไปดู​”

​ทั้ง​สี่​คน​เดิน​ไป​ข้างหน้า​ด้วยกัน

​ซู​ชิง​เสวี​่ย​เดิน​ออกมา​จาก​ด้านหลัง​กระถางดอกไม้​ ​มอง​ทั้ง​สี่​คนที​่​เดิน​จากไป​พลาง​เบ้​ปาก​ ​แล้ว​พูด​กับ​ซู​ชิง​อวี​่​ขึ้น​ ​“​เห็น​รึ​ยัง​ว่า​เจียง​ซื่อ​ทำตัว​สนิทสนม​กับ​พี่ใหญ่​ขนาด​ไหน​ ​เช่นนี้​จะ​ไม่​คิด​อะไร​ได้​อย่างไร​กัน​”

​“​นาง​คง​ไม่มี​ความกล้า​ใน​เรื่อง​เช่นนี้​หรอก​”

​“​อีก​ครึ่ง​ชีวิต​ต่อไป​ของ​สตรี​นาง​หนึ่ง​จะ​เป็น​อย่างไร​ขึ้นอยู่กับ​ว่า​ได้​แต่งงาน​กับ​คน​เช่นไร​ ​เจียง​ซื่อ​พลาดโอกาส​แต่งงาน​เข้า​จวน​อัน​กงกั​๋ว​แล้ว​ ​คง​หา​โอกาส​ใน​การ​แต่งงาน​ดี​ๆ​ ​ไม่ได้​หรอก​ ​หาก​สามารถ​แต่ง​เข้า​จวน​โหว​ได้​เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ตื่น​จาก​ฝันกลางวัน​ได้​แล้ว​ ​เจ้า​ว่านาง​จะ​มี​ความกล้า​นี้​หรือไม่​”

​ซู​ชิง​อวี​่​พยักหน้า​เห็นด้วย​อย่าง​ไม่รู้​ตัว​ ​“​พี่​รอง​พูด​ไม่มี​ผิด​ ​ทว่า​พี่ใหญ่​มีท​่า​ที​เฉยเมย​ต่อ​เจียง​ซื่อ​มาโดยตลอด​ ​คง​ไม่สน​ใจ​นาง​แน่นอน​”

​ซู​ชิง​เสวี​่ย​หัวเราะเยาะ​ออกมา​ ​ไม่สน​ใจ​ซู​ชิง​อวี​่

​อด​พูด​ไม่ได้​เลย​ว่าน​้​อง​สาม​นี่​โง่​เสีย​จริง​ ​ไม่​คิด​เลย​หรือว่า​เมื่อก่อน​เจียง​ซื่อ​เย็นชา​กับ​พี่ใหญ่​เพียง​ไหน​ ​และ​พี่ใหญ่​ที่​ไม่เคย​ยอม​ใคร​แน่นอน​ว่า​คง​ไม่ยอม​ตาม​จีบ​นาง​หรอก​ ​หาก​ตอนนี้​เจียง​ซื่อ​ยอม​อ่อนข้อ​ลง​ ​คง​ยาก​ถ้า​พี่ใหญ่​จะ​ไม่รู้​สึก​อะไร

​เมื่อ​ซู​ชิง​เสวี​่ย​คิดได้​เช่นนี้​ ​ก็​หา​ข้ออ้าง​ปลีกตัว​ออก​ไป​จาก​ซู​ชิง​อวี​่​ ​แล้วไป​ระ​จบ​ท่าน​แม่​ใหญ่

​ต้า​ไท่​ไท่​โหยว​ซื่อ​กำลัง​อยู่​ดู​งิ้ว​อยู่​กับ​อี๋​หนิง​โหว​เหล่าฮู​หยิน​แต่​ดื่ม​ชา​เยอะ​ไป​หน่อย​จึง​อยาก​จะ​ไป​ห้องน้ำ​ ​ก็​เลย​เดิน​ออก​ไป​ด้านนอก​พร้อมกับ​สาว​รับใช้​ ​แล้ว​เจอ​เข้ากับ​ซู​ชิง​เสวี​่ย​ที่​กลับมา​พอดี

​“​ท่าน​แม่​ ​ข้ามี​เรื่อง​อยาก​จะ​คุย​กับ​ท่าน​เจ้าค่ะ​”​ ​ต่อหน้า​โหยว​ซื่อ​ ​ซู​ชิง​เสวี​่​ยป​ระ​พฤติ​ตัวดี​ ​ไม้​กล้า​แม้แต่​จะ​เงยหน้า​มอง

​แต่ไหนแต่ไรมา​โหยว​ซื่อ​ไม่ได้​สนใจ​ลูกสาว​ทั้งสอง​เป็นพิเศษ​ ​ทว่า​การ​ประจบ​ของ​พวก​นาง​ถือว่า​มีประโยชน์​ ​นาง​จึง​เดิน​ไป​ที่​ศาลา​ไม่​ไกล​นัก​ ​นั่งลง​แล้ว​เอ่ย​ถาม​ขึ้น​ ​“​มีเรื่อง​อัน​ใด​รึ​”

​ซู​ชิง​เสวี​่​ยม​อง​ไปร​อบ​ๆ​ ​ก้าว​ไป​ข้างหน้า​พลาง​เอ่ย​ขึ้นเสียง​เบา

​โหยว​ซื่อ​ที่​แรกเริ่ม​อารมณ์ดี​ตอนนี้​กลับ​สุขุม​นุ่ม​ลึก​ราวกับ​สายน้ำ​ ​ท้ายที่สุด​ก็​หน้า​ดำ​คร่ำ​เครียด​ ​เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​ความโกรธ​ ​“​เจ้า​ดู​ชัด​แล้ว​หรือ​”

​“​ข้า​ไม่กล้า​โกหก​ท่าน​แม่​หรอก​ ​ตอนนั้น​น้อง​สาม​ก็​อยู่​ด้วย​เจ้าค่ะ​”

​โหยว​ซื่อ​ตบ​ฉาด​ลง​บน​โต๊ะ​ ​แล้ว​แค่น​เสียง​ ​“​หึ​ ​บัดสีบัดเถลิง​!​”

———————

[1] ​สือ​อี้ ​โรคระบาด​ตามฤดูกาล