ตอนที่ 169 ที่พึ่งพิง

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 169 ที่พึ่งพิง

มุมปากของเยว่ซินถึงกับสั่นระริก ดวงตาเบิกกว้างแทบถลนอย่างสมบูรณ์ นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น

คุณหนู? คุณหนูของพวกนางหรือ?

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

เยว่ซินสูดลมเย็นเข้าปาก ขยี้ตาแรง ๆ และมองดูให้แน่ใจอีกครั้ง ทว่าก็ยังเป็นคุณหนูเมื่อหกปีก่อนอยู่ดี

ไม่ถูกสิ เมื่อเทียบกับรูปร่างหน้าตาเมื่อหกปีก่อน นางในบัดนี้ดูงดงามและมีเสน่ห์กว่ามาก ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทว่ารูปร่างหน้าตานี้ได้ฝังเข้าไปอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของนาง เห็นได้ชัดว่านี่คือคุณหนูของพวกนาง

อวี้ชิงลั่วมองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายด้วยความสนใจ จึงค้นพบว่านี่เป็นสาวใช้โง่เขลาคนหนึ่ง นางรินน้ำชาลงในแก้วสองใบ แก้วหนึ่งยกขึ้นมาจิบเองเพื่อความชุ่มคอ ส่วนอีกแก้วดันไปด้านหน้า กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “อยากดื่มน้ำสักหน่อยหรือไม่?”

เยว่ซินร่างสั่นสะท้าน นางได้สติกลับมาในทันที ทว่าวินาทีต่อมา นางกลับเม้มปาก น้ำตาเริ่มไหลพรากอาบสองแก้ม

“คุณหนู คุณหนู คุณหนูยังมีชีวิตอยู่ ดีมากเลยเจ้าค่ะ คุณหนูยังไม่ตาย คุณหนู…” เยว่ซินไม่สนใจน้ำชาแก้วนั้น แต่กลับก้าวเท้ามาด้านหน้าและคุกเข่าลงตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว ใช้มือทั้งสองข้างวางลงบนหัวเข่าของนาง เงยหน้ามองขณะที่น้ำตายังคงไหลอยู่

“คุณหนู ฮือ ๆ เยว่ซินคิดว่า…เยว่ซินคิดว่าคุณหนูถูกฟ้าผ่าตายไปตั้งแต่หกปีก่อนแล้ว…ฮึก…คุณหนู”

อวี้ชิงลั่วแอบก่ายหน้าผากเงียบ ๆ นอกจากหนานหนานแล้วนางไม่คุ้นชินกับการที่ถูกคนอื่นมาใกล้ชิดด้วยความสนิทสนมเช่นนี้เลยจริง ๆ แม้เยว่ซินจะเป็นสาวใช้ของอวี้ชิงลั่วก่อนหน้านี้ แต่สำหรับนางในตอนนี้กลับยังคงเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

อวี้ชิงลั่วนั่งเงียบ ๆ จนกระทั่งนางร้องไห้จนพอแล้ว จึงยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้ซินเยว่ “พอแล้ว เช็ดหน้าเช็ดตาซะ ไม่ต้องร้องแล้ว”

“บ่าวดีใจเจ้าค่ะ ตื่นเต้นด้วย คุณหนู บ่าวคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคุณหนูอีกครั้ง บ่าว…บ่าวดีใจเกินไปหน่อยเจ้าค่ะ” เยว่ซินรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดใบหน้าที่เปื้อนด้วยคราบน้ำตา ขาทั้งสองข้างยังคงคุกเข่าลงบนพื้น ปากก็เอาแต่บ่นว่า “คุณหนู หลายปีมานี้คุณหนูหายไปไหนมาเจ้าคะ ใช้ชีวิตเป็นอย่างดีหรือไม่ ถูกใครรังแกหรือเปล่าเจ้าคะ? ฮือ ๆ ขอโทษเจ้าค่ะ เยว่ซินคนนี้ไร้ประโยชน์ ตอนนั้นมิอาจช่วยคุณหนูออกมาได้ ทำให้คุณหนูต้องได้รับความลำบากมากมายขนาดนั้น เยว่ซินไร้ประโยชน์เองเจ้าค่ะ”

อวี้ชิงลั่วถึงกับกลอกตา ยื่นแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะให้นาง “เอาล่ะ ดื่มน้ำซะ แล้วค่อย ๆ พูด”

นางพอจะคาดเดาถึงความตื่นเต้นของอีกฝ่ายเมื่อเห็นนางได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต้นจนอยู่ในสภาพเช่นนี้

เยว่ซินสะอึกสะอื้นอีกครั้ง ก่อนจะรับน้ำชามาดื่มอย่างระมัดระวัง

ตอนที่นิ้วมือสัมผัสกัน อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ถึงหนังด้านบาง ๆ ที่เคลื่อนผ่านปลายนิ้วมือของนาง คิ้วพลันขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นางนึกถึงตอนที่เห็นเยว่ซินถือถ้วยยาร้อน ๆ ที่แม้ว่าจะลวกฝ่ามือแต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน ภายในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ

อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นและเดินไปที่ตู้ข้าง ๆ ค้นด้านในตู้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบยาขี้ผึ้งออกมา

เยว่ซินดื่มน้ำหมดแล้วก็มองการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ ในหัวของนางยังคงยุ่งเหยิง

จนกระทั่งอวี้ชิงลั่วยื่นกล่องเล็ก ๆ อันประณีตใส่มือนาง เยว่ซินจึงกะพริบตาปริบ ๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนู นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ?”

“นี่คือยาขี้ผึ้ง เจ้าทาลงบนมือ ข้าให้สิ่งนี้กับเจ้า หลังจากนี้เจ้าต้องทาหนึ่งครั้งทุกคืนก่อนนอน มือของเจ้าก็จะนุ่มขึ้น” อวี้ชิงลั่วกางฝ่ามือของนาง คิ้วขดขมวดเข้าหากันเล็กน้อยอีกครั้ง สาวใช้และหญิงเฒ่าเหล่านั้นที่จวนอวี๋ไม่ใช่สิ่งของสักหน่อย นี่คือมือของสตรีที่ไหนกัน? ทั้งหยาบกระด้างแตกระแหง มีบาดแผลหลายเส้นแถมยังมีแผลพุพอง นิ้วมือเล็ก ๆ ก็ดูบิดเบี้ยวคดงอผิดปกติด้วย

นิ้วมือของนางคงถูกคนจับลากมาก่อน ทั้งยังไม่ได้รับการรักษาอย่างดีด้วย มือทั้งสองข้างนี้สามารถอธิบายได้ง่าย ๆ ว่าไม่น่ามองเอาเสียเลย

เยว่ซินถูกนางดึงมือมาดู สีหน้าจึงเปลี่ยนสีรีบดึงมือกลับมา “คุณหนู บ่าวทาเองก็ได้เจ้าค่ะ คุณหนูอย่าดูเลย”

“นิ้วมือถูกใครหักมา?” อวี้ชิลั่วรู้สึกได้ถึงความโกรธที่มิอาจบรรยายได้ปะทุขึ้นกลางใจ ยิ่งเกิดความแค้นเกี่ยวกับเรื่องสกปรกโสมมเหล่านั้นภายในจวนอวี๋มากยิ่งขึ้น

เยว่ซินไม่พูด เอาแต่ก้มหน้าทาฝ่ามือตัวเอง มุมปากยังปรากฏรอยยิ้ม “คุณหนู นิ้วมือของบ่าวหักเพราะไม่ระวังเองเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าได้ถามถึงเลย ถึงอย่างไรแค่ได้เจอคุณหนูอีกครั้ง เยว่ซินก็พึงพอใจมากแล้ว หลังจากนี้เยว่ซินจะไม่ออกห่างจากคุณหนูและปล่อยให้คุณหนูต้องรับกับความยากลำบากอีกแล้วเจ้าค่ะ”

“ใครเป็นคนทำ?”

เยว่ซินชะงัก นางถึงกับตกใจเพราะน้ำเสียงที่เย็นชาของอีกฝ่าย หลังจากกลืนน้ำลายจึงตอบกลับไปโดยไม่รู้ตัว “หลี่…หลี่ฮูหยินเจ้าค่ะ”

“หลี่หรานหร่าน?”

เยว่ซินพยักหน้า ยังคงทายาต่อไป ตอนที่ได้ทายาลงบนฝ่ามือก็รู้สึกได้ถึงความเย็นสบายบนฝ่ามือ แม้แต่ลมหายใจก็ง่ายขึ้นด้วย หลังจากทายาอย่างมีความสุขเสร็จแล้ว จึงเก็บยาไว้อย่างดีราวกับสมบัติชิ้นหนึ่ง

อวี้ชิงลั่วรู้สึกได้ว่าการเคลื่อนไหวของสาวใช้คนนั้นในบางครั้งก็ดูเหมือนกับหนานหนาน หากปล่อยให้พวกเขาทั้งคู่อยู่ด้วยกัน อาจกลายเป็นสมบัติมีชีวิตคู่หนึ่งก็เป็นได้ นางยิ้มอย่างจนปัญญา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “กลับไปข้าจะช่วยต่อนิ้วให้เจ้า ปล่อยให้บิดเบี้ยวแบบนี้ต่อไปไม่ได้ หลังจากนี้ก็ระวังให้มากขึ้นอีกหน่อย ค่อย ๆ รักษาให้มือกลับมาหายดี”

นางคาดการณ์ว่าบนตัวของเด็กสาวคนนี้คงไม่ได้มีแค่นิ้วมือที่เป็นเช่นนี้ ร่างกายของนางก็คงมีบาดแผลไม่น้อยเช่นกัน

เยว่ซินชะงัก ต่อนิ้วมืออีกครั้ง? คุณหนูมีความสามารถนี้ด้วยหรือ? นางกะพริบตาปริบ ๆ จึงมองย้อนกลับไป ก่อนที่นางจะเดินทางฮูหยินใหญ่ได้บอกกับนางว่า แม่นางผู้นี้เป็นคนสถานะสูงศักดิ์ และเป็นหมอด้วย

“คุณหนูมีทักษะทางการแพทย์แล้วหรือเจ้าคะ?”

อวี้ชิงลั่วพยักหน้า “เรื่องนี้กลับไปข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง เยว่ซิน มีบางอย่างที่ข้าอยากถามเจ้า หลีจื่อฟานผู้นั้น ก่อนหน้านี้มีความสัมพันธ์เช่นไรกับข้าหรือ?”

“คุณชายหลี?” เยว่ซินประหลาดใจ เบิกตาโตขึ้นทันใด “คุณหนูจำไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ?”

อวี้ชิงลั่วพูดด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ตอนที่ข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดเมื่อหกปีก่อน คาดว่าสมองคงได้รับบาดเจ็บ ตอนที่ตื่นขึ้นมาความทรงจำก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่ได้หายไปหมดแล้ว แต่ก็ยังมีความทรงจำที่เป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้นิดหน่อย เรื่องเกี่ยวกับตระกูลอวี๋เหล่านั้นแม่นมเก๋อนำมาเล่าให้ข้าฟังในภายหลัง แม้แต่เจ้าข้าก็จำได้เพียงแค่ชื่อเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลีจื่อฟานเลย หากไม่ใช่เพราะเขาจำข้าได้แม้กระทั่งตอนที่ข้าปิดบังใบหน้าด้วยผ้า ตอนนี้ข้าก็คงไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าเคยรู้จักกับเขา ข้า…นี่เจ้าร้องไห้ทำไม?”

น้ำตาของเยว่ซินไหลพรากลงมาอีกครั้ง “คุณหนู หลายปีมานี้ คุณหนูคงลำบากจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้น แม้แต่ความทรงจำก็หายไปด้วย คุณหนู คุณหนูน่าสงสารจริง ๆ เจ้าค่ะ”

“…” อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ

จู่ ๆ เยว่ซินก็ทำท่าทางราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางรีบเงยหน้าพูดด้วยความตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกาย “คุณหนู ตอนนี้คุณชายหลีเป็นเสนาบดีฝั่งขวาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีความสามารถนั้นด้วย ได้เป็นเสนาบดีฝั่งขวาแล้ว คุณหนู หลังจากนี้ไม่ต้องกลัวตระกูลอวี๋อีกแล้วนะเจ้าคะ บอกให้คุณชายหลีจัดการคนพวกนั้นให้หนักเลย เรียกคืนความอยุติธรรมที่คนพวกนั้นทำไว้กับคุณหนู คุณชายหลีรักคุณหนูขนาดนั้น ต้องช่วยคุณหนูแน่นอนเจ้าค่ะ”

ยิ่งเยว่ซินพูดก็ยิ่งเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน ก่อนหน้านี้คุณหนูได้รับความอยุติธรรม นั่นก็เป็นเพราะตระกูลของคุณหนูถูกคนอื่นดูหมิ่น หาว่าไม่มีที่พึ่งพิงมิใช่หรือ? ตอนนี้มีแล้ว เสนาบดีฝั่งขวาเป็นที่พึ่งพิงที่ใหญ่ที่สุด มีเสนาบดีอยู่ทั้งคน จวนอวี๋ยังจะรังแกคุณหนูได้อีกหรือ?

อวี้ชิงลั่วยิ่งเกิดความรู้สึกว่ายัยเด็กคนนี้ต้องเข้าขากับหนานหนานได้เป็นอย่างดีแน่นอน

นางเพิ่งจะคิดเช่นนี้ จู่ ๆ ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น เสียงของโม่เสียนดังทุ้มต่ำขึ้นจากด้านนอก “แม่นางอวี้ ท่านอ๋องกลับมาแล้ว บอกให้เจ้าไปร่วมรับประทานอาหารค่ำที่โถงบุปผา”

เสียงของเยว่ซินถึงกับหยุดชะงักลงทันใด กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยท่าทางมึนงง

ท่าน…ท่านอ๋อง???

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โหดร้ายมาก ทำร้ายขนาดนิ้วมือหักเลย คนพวกนี้สมควรโดนชิงลั่วจัดการค่ะ

อะแฮ่ม ท่านอ๋องนั่นสามีของคุณหนูน่ะค่ะเยว่ซิน

ไหหม่า(海馬)