ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชาน!
ถ้อยคำดังกล่าวของต้วนหรูเฟิง ประหนึ่งอัสนีสวรรค์ผ่าเปรี้ยงลงมากลางหัวตี้จิ่วไม่มีผิด!
หลังจากที่ตะลึงงันอื้ออึงไปปานถูกฟ้าผ่า ไม่นานตี้จิ่วค่อยคืนสติ เร่งมองถามต้วนหรูเฟิงออกมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มขื่นขม “ท่านจ้าวตำหนัก ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่? ข้ามิเคยพบลูกชายของท่านสักครั้ง ไหนเลยจะไปเกือบฆ่าเขาได้?”
ตอนนี้ในใจตี้จิ่วรู้สึกคับแค้นทั้งน้อยใจนัก ประหนึ่งมันเป็นเด็กสาวตัวน้อยที่ถูกผู้คนฉวยโอกาสลวนลามมาอย่างไรอย่างนั้น
ชายวัยกลางคนเบื้องหน้ามันคือจ้าวตำหนักเมฆาครามอันทรงพลังในแดนดิน! อำนาจของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันเลย ทั้งพลังฝีมือของจ้าวตำหนักยังไม่ได้ด้อยกว่าผู้นำเผ่าพันธ์มังกรของพวกมันด้วยซ้ำ!!
ต่อให้มันมีความกล้ามากกว่านี้อีก 100 เท่ามันก็ไม่กล้าไปล่วงเกินตัวตนระดับนี้!
“ดูเหมือนว่าหากเจ้าไม่เห็นแม่น้ำหวงเหอ ใจยังไม่ยอมรับความตาย?”
ต้วนหรูเฟิงกล่าวเย้ยหยันออกมาเสียงเย็น ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม หากแต่ยิ่งมาแววตายิ่งคมกล้าน่ากลัว
“ตี้จิ่ว ถ่างหูของเจ้าฟังไว้เสียให้ดี…ต้วนหลิงเทียน คือจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักเมฆาครามเรา!”
กู่มี่กล่าวออกเสียงเข้ม ในแววตายังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน!
ต้วนหลิงเทียน!
วาจานี้ของกู่มี่ประหนึ่งหินใหญ่ร่วงลงสระก่อเกิดระลอกคลื่นนับพัน พาลให้ตี้จิ่วตกตะลึงพรึงเพริดไปอีกครั้ง!
นามต้วนหลิงเทียนนี้ หาใช่นามที่ไม่คุ้นหูของมันไม่!!
เมื่อคิดถึงความพ่ายแพ้และความเจ็บใจที่ถูกต้วนหลิงเทียนหลอกต้มวันนั้น มันยังโมโหจนแทบกระอักเลือด!
นอกจากนี้มันยังสงสัยว่าต้วนหลิงเทียน สมควรเป็นผู้ที่ฆ่าบุตรชายมัน!
ดังนั้นมันจึงมองต้วนหลิงเทียนเป็นศัตรูอันดับหนึ่งของมัน!
ตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาสักครั้ง เพราะในสายตาของมันต้วนหลิงเทียนก็แค่มดตัวกระจ้อย เพียงมนุษย์อ่อนแอจากทวีปมนุษย์อันกันดารเท่านั้น!!
ประสบการณ์เฉียดตาย เพราะถูกต้วนหลิงเทียนหลอกในวันนั้น มันเก็บเอามาฝันร้ายแทบทุกคืน! มันจึงอยากให้ต้วนหลิงเทียนตายยิ่งกว่าอะไร! ยังอยากจะจับอีกฝ่ายมาสับให้เป็นพันชิ้นเผาให้เป็นเถ้าถ่านไม่เหลือศพให้กลบฝัง!!
“อาวุโสกู่ใช่เข้าใจอะไรผิดไปหรือไม่? ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…ตำหนักเมฆาครามของพวกท่านเป็นขุมพลังที่เทียบได้กับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา แต่ต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นแค่คนที่มาจากทวีปมนุษย์ห่างไกล ไหนเลยยังเกี่ยวพันกับตำหนักเมฆาครามได้?”
สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง ตี้จิ่วพยายามกล่าวอธิบายออกมา
“ตี้จิ่ว เรื่องนี้เกรงว่าเจ้าจะยังไม่รู้…ไม่ใช่แค่จ้าวตำหนักน้อยจะมาจากทวีปมนุษย์ กระทั่งท่านจ้าวตำหนักเมฆาครามของข้าก็มาจากทวีปมนุษย์เช่นกัน!”
กู่มี่ที่เห็นตี้จิ่วยังดื้อรั้นไม่ยอมรับ พลันแสยะยิ้มกล่าวออก
และวาจานี้ของกู่มี่ ยังทำลายความหวังสุดท้ายในใจของตี้จิ่วลงเสียสิ้น ทำให้สีหน้าตี้จิ่วแปรเปลี่ยนไปทันควัน ยังเต็มไปด้วยความหวาดผวาพรั่นกลัว!
ต้วนหลิงเทียนที่มันคับแค้นแสนเกลียดอยากฆ่าให้ตาย เป็นนายน้อยของตำหนักเมฆาครามจริงๆ?!
เรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้ยังไง!?
กระทั่งตอนนี้ใจตี้จิ่วยังไม่อาจยอมรับได้ แม้จะได้ฟังคำยืนยันแล้วก็ตาม
“เจ้าเกือบฆ่าบุตรชายคนเดียวของข้าตาย หากข้ายังเฉยไม่ทำอะไร ข้าก็ไม่คู่ควรเป็นบิดา!”
ต้วนหรูเฟิงจับจ้องมองตี้จิ่วด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงแม้เรียบเฉยหากแต่ยะเยือกปานจะแช่ร่างผู้คนให้เป็นน้ำแข็ง “อย่างไรก็ตามข้าไม่คิดจะรังแกเจ้า…ข้าจักระงับพลังฝึกปรือให้อยู่ในด่านพลังเดียวกันกับเจ้า หากเจ้าสามารถรับข้าได้ถึง 10 กระบวนท่า ข้าจะเมตตาไว้ชีวิตเจ้า!!”
วาจาต้วนหรูเฟิงแฝงไว้ด้วยความมั่นใจในพลังฝีมือเต็มเปี่ยม!
ลดด่านพลังให้ทัดเทียมกัน?
10 กระบวนท่า?
ตี้จิ่วที่คิดว่ามันต้องประสบคราวเคราะห์ใหญ่หลวงแน่แล้ว พอได้ยินวาจานี้ของต้วนหรูเฟิง สองตามันพลันทอแสงสว่างวาบขึ้นมาทันที!
ในสายตาของมันยามประมือกับตัวตนที่อยู่ในขอบเขตพลังเดียวกัน มันมั่นใจเต็ม 10 ส่วนว่าต้องคว้าชัยได้แน่!
อนิจจาภาพฝันสวยหรูแต่ความเป็นจริงกลับโหดร้ายเหลือเกิน!
ต้วนหรูเฟิงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ธรรมดาๆ!
ถึงแม้ว่าตี้จิ่วจะลงมือด้วยพลังทั้งหมดในร่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ แต่ก็แทบไม่อาจรับต้วนหรูเฟิงได้ครบ 8 กระบวนท่า!
และกระบวนท่าที่ 9 ของต้วนหรูเฟิงก็ดับความหวังทั้งมวลของตี้จิ่ว ซัดทำร้ายเสียจนพลังในร่างแทบสาบสูญไม่เหลือหลอแม้กระทั่งพลังจะเหินบินก็ไม่มี หวนคืนสู่ร่างมนุษย์ หล่นร่วงตกฟ้าไปนอนหมดสภาพอยู่บนพื้นอย่างไร้หนทางต่อกร ไม่เหลือความสง่างามน่าเกรงขามของมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บแม้แต่นิดเดียว
“ไม่จริง! เป็นไปไม่ได้!!”
ตี้จิ่วที่บาดเจ็บสาหัสได้แต่พยายามฝืนยกหัวขึ้นมามองต้วนหรูเฟิงด้วยสายตายากยอมรับ
มันมั่นใจได้เต็มสิบส่วนว่าต้วนหรูเฟิงลดพลังให้ทัดเทียมกับมันแล้วจริงๆ กระทั่งพลังที่อีกฝ่ายใช้ออกคล้ายจงใจออมรั้งให้ด้อยกว่ามันด้วยซ้ำ!
แต่ถึงกระนั้นยามเผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิง มันรู้สึกเสมือนถูกมัดมือเท้า ไม่อาจรับมือต้านทานอันใดได้เลย ได้แต่ถูกทุบตีฝ่ายเดียว!
กล่าวอีกอย่างมันไม่มีแม้แต่โอกาสจะโจมตีสวนกลับสักครั้ง!
ในสายตาของมันตอนนี้ ต้วนหรูเฟิงประหนึ่งขุนเขาสูงใหญ่ที่ชั่วชีวิตนี้มันไม่มีวันก้าวข้ามไปได้!
อีกทั้งทุกกระบวนท่าของต้วนหรูเฟิง ให้สภาวะประหนึ่งเคลื่อนได้กระทั่งขุนเขาลำน้ำ สร้างแรงกดดันให้มันมากมายสุดจะนับ…อีกทั้งแรงกดดันนี้ไม่ได้มาจากภายนอกถ่ายเดียว ยังเป็นแรงกดดันที่บีบคั้นสะกดใจให้สิ้นหนทาง ทำให้ตอนนี้จิตใจมันแทบพังทลายลงเพราะความสิ้นหวังแล้ว!
มาตอนนี้ในที่สุดมันก็ได้รับทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวที่เล่าขานกันของจ้าวตำหนักเมฆาคราม!
‘กระทั่งลดพลั่งให้ทัดเทียม ไม่สิยังด้อยกว่าข้าด้วยซ้ำ…แล้วหากไม่ยับยั้งพลังฝึกปรือ ข้ายังต่างอันใดกับมดให้มันบี้ยีได้ตามใจ! บัดซบ! กระทั่งตาแก่ผู้นำยังไม่อาจทำให้ข้ารู้สึกสิ้นหวังได้ขนาดนี้…’
ตอนนี้ใจตี้จิ่วมีเพียงความตื่นตะลึงต่อพลังฝีมือของต้วนหรูเฟิง ยังลืมเลือนวาจาก่อนหน้าที่ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกไปหมดสิ้น
อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนหรูเฟิงเริ่มโรยตัวลงมาจากฟ้า ตี้จิ่วก็นึกถึงวาจาก่อนหน้าของต้วนหรูเฟิงได้ หน้ามันเปลี่ยนสีเร่งกล่าวออกไปอย่างไม่ยินยอม
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน! ข้ายอมรับว่าข้าเกือบฆ่าต้วนหลิงเทียน…แต่เหตุผลที่ข้าทำเช่นนั้น เพราะต้วนหลิงเทียนได้ฆ่าบุตรชายเพียงคนเดียวของข้า! ท่านก็เป็นพ่อคน ท่านสมควรเข้าใจข้าดีกว่าใคร!!”
เผชิญกับห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ตี้จิ่วได้แต่ร่ำร้องออกมาอย่างคับแค้น ยังกล่าวดังเสียจนแทบจะเป็นการคำรามอยู่รอมร่อ “บุตรชายข้าตี้จิ่วไร้สำคัญหรือไร! ลูกท่านฆ่าลูกชายข้าทั้งคน! หรือข้าไม่สามารถล้างแค้นให้ลูกชายคนเดียวของข้าได้! ข้าขอไถ่ถามท่านความยุติธรรมอยู่ที่ใด!!”
“ความยุติธรรม?”
ได้ยินวาจาของตี้จิ่ว ต้วนหรูเฟิงกล่าวเย้ยหยันออกมา “ตี้จิ่ว…อายุของข้า เกรงว่ายังไม่ถึง 1 ใน 10 ของเจ้า! ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเราถือพลังฝีมือเป็นที่สุด ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร! เจ้ายังจะร่ำร้องหาความยุติธรรมอุบาทว์อะไร! หรือเจ้าเลอะเลือนจนไม่ทราบเรื่องนี้!?”
“และหากเจ้าจะไถ่ถามหาความยุติธรรมอุบาทว์ของเจ้าจริงๆ เช่นนั้นให้ข้าถามเจ้ากลับสักคำ! คนบริสุทธิ์ในนิกายหลิงเทียนของลูกฆ่า รวมทั้งครอบครัวนับหมื่นพันบนเกาะป้านเยว่ทำผิดอะไร! วันนั้นความยุติธรรมอุบาทว์ของเจ้าสาบสูญไปที่ใด!?”
“หากเจ้าคิดไถ่ถามหาความยุติธรรมเช่นนั้นข้าจะบอกเจ้า…ข้าต้วนหรูเฟิงคือความยุติธรรม!!”
ต้วนหรูเฟิงยากนักที่จะกล่าววาจาออกมายืดยาวขนาดนี้…บางทีอาจเป็นเพราะตี้จิ่วกำลังจะตกตายหรือมีเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้…
หากแต่เมื่อกล่าววาจานี้ออกมากลิ่นอายพลังทั่วร่างของต้วนหรูเฟิงก็แปรเปลี่ยนไปทันใด
ยามนี้บรรยากาศทั่วอาณาบริเวณทั้งแผ่นฟ้าพสุธาพลันแปรเปลี่ยน! มันสั่นสะเทือนเลือนลั่นราวกับจุดจบของโลกหล้ากำลังจะมาถึง!!
ทันใดนั้นไอพลังทมิฬดั่งเพลิงนรกพลันแผ่พุ่งออกมาท่วมกายต้วนหรูเฟิง เปลวไฟสีดำอันน่ากลัวปานจะติดพรึ่บลุกใหม้ในบรรยากาศ ราวกับจะผลาญเผาแผ่นฟ้าให้มอดม้วย!
ครืนนน!!
ไม่นานไอพลังดั่งเพลิงทมิซของต้วนหรูเฟิงก็แผ่ปกคลุมไปครึ่งฟ้า ไม่ว่าจะเป็นตัวต้วนหรูเฟิงเอง กู่มี่ที่อยู่ด้านหลัง หรือกระทั่งตี้จิ่ว ล้วนจมจ่อมอยู่ในความมืดมิดจากไอพลังทมิฬของต้วนหรูเฟิงหมดสิ้น!
และทันทีที่เพลิงทมิฬนี้ปะทุออกมา กลิ่นอายพลังอันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งทำลายล้างก็ท้วมท้นออกมาสะกดข่มในบรรยากาศ กระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรทั้งเผ่าพันธุ์ที่อยู่ห่างไกลจากพื้นที่ส่วนนี้ยังตระหนักได้ถึงกลิ่นอายทำลายล้างอันบ้าคลั่งดังกล่าว!
พริบตานี้คนของเผ่าพันธุ์มังกรที่พลังฝึกปรือไม่บรรลุถึงเซียน ล้วนไม่เหลือเรี่ยวแรงกระทั่งทรงตัวยืนหยัด! ทรุดร่างลงไปตั่วสั่นงันงก ยังหน้าซีดเซียวโลหิตเริ่มกระอักออกปาก ที่อ่อนด้อยหน่อยก็โลหิตทะลักออกทวารทั้ง 7!
พวกมันนับว่าโชคดีแล้วที่อยู่ห่างไกล!
ตี้จิ่วที่อยู่ ณ จุดศูนย์กลางของพลังตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ ลมหายใจแทบหมดสิ้นเต็มที!
ในสายตาของกู่มี่ ตี้จิ่วนั้นมันต้องตายคาที่แน่แท้หากจ้าวตำหนักผู้ร้ายกาจของมันคิดลงมือ
อย่างไรก็ตามต้วนหรูเฟิงกลับยังไม่ลงมือเสียที คล้ายไม่คิดฆ่าตี้จิ่วอย่างไรอย่างนั้น คนขมวดคิ้วครู่หนึ่งค่อยกล่าวออกมาเสียงเย็น “ตี้ชาน เจ้ายังไม่โผล่หัวออกมาอีก!!”
ตี้ชาน!
เมื่อกู่มี่ได้ยินวาจาเรียกหาของต้วนหรูเฟิง ใจมันสะท้านไปทันใด!
นามตี้ชานไม่ใช่นามแปลกใหม่ไม่คุ้นเคยกับมันแต่อย่างไร…เพราะนั่นเป็นนามของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนปัจจุบัน!
หากจะถามว่าในเผ่าพันธุ์มังกร มันกู่มี่หวาดกลัวผู้ใดมากที่สุด ย่อมเป็นตี้ชานอย่างไม่ต้องสงสัย
ตี้ชานนั้น ด้วยฐานะของผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร อีกฝ่ายย่อมมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับจ้าวตำหนักของมัน ไม่ใช่ตัวตนที่มันกู่มี่จะเทียบได้!
ยามเมื่อไอพลังดั่งเพลิงทมิฬท่วมท้นออกมาปานจะถมเต็มความว่าง ย้อมชโลมกลางวันให้มืดมิดประดุจกลางคืน และตี้จิ่วที่กำลังจะถูกแรงกดดันพลังอันหนักอึ้งกดทับจนตาย! พริบตานั้นเองก็มีม่านพลังสีทองหนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างฉาบคลุมช่วยชีวิตเอาไว้มันได้ทันท่วงที! หากมองไปยังม่านพลังสีทองที่ห่อหุ้มฉาบคลุม คล้ายจะเกิดจากมังกรพลังสีทองตัวเล็กๆแหวกว่ายเวียนวนไปมาด้วยความเร็วสูงล้ำ!!
และตอนนี้เองในม่านพลังสีทองดังกล่าวนอกจากตี้จิ่วแล้ว ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อใด แต่กลับมีชายชราแลดูแข็งแกร่งยืนอยู่ในนั้นเพิ่มมาอีกคน!
ชายชราดังกล่าวมาในชุดคลุมสีทอง เพียงยืนอยู่เฉยๆก็ให้สภาวะประหนึ่งหอคอยสูงตระหง่าน มันยืนหยัดด้านหน้าตี้จิ่ว เร่งเร้าพลังทั่วกายแผ่แรงกดดันอันน่ากลัวสวนกลับออกมา!
แน่นอนว่าแรงกดดันดังกล่าวไม่อาจทำอะไรต้วนหรูเฟิงได้แม้แต่เศษเสี้ยว
อย่างไรก็ตามกู่มี่ที่อยู่เยื้องไปด้านหลังต้วนหรูเฟิงย่อมไม่อาจทานรับได้อย่างไร้เรื่องราว ใบหน้าของมันเคร่งขรึมทั้งซีดลงอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่ากำลังพยายามฝืนต้านทานสุดกำลัง!
แรงกดดันที่ปะทะต้านทานกันของตัวตนระดับนี้ เป็นเรื่องหนักหนาสำหรับมันนัก!!
และชายชราที่สามารถยืนหยัดแผ่พลังกดดันต้านทานต้วนหรูเฟิงได้ ย่อมเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ตี้ชาน!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
……
ทันใดนั้นเองร่าง 5 ร่างพลันพุ่งมาฉับไวไปหยุดยืนอยู่ด้านหลังตี้ชาน ในบรรดา 5 ร่างดังกล่าวมีชิงเหยียนมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บ สื่อชิงมังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ ที่ถูกต้วนหรูเฟิงสยบในฝ่ามือเดียว รวมทั้งเฉวียฉานมังกรโลหิต 5 กรงเล็บ ตอนนี้พวกมันยืนรายล้อมบังหน้าตี้จิ่วเอาไว้ดั่งดาวล้อมเดือน!
5 ร่างที่มาใหม่นอกจากชิงเหยียน สื่อชิง รวมถึง เฉวี่ยฉานแล้ว ยังมีชายชราหน้าใหม่ปรากฏตัวออกมาอีก 2 คน
เพียงตรวจสอบจากกลิ่นอายพลังที่ทั้ง 2 คนแผ่ออกมาช่วยตี้ชานต้านทานแรงกดดันพลังของต้วนหรูเฟิง ก็บ่งบอกให้รู้ชัด ว่าแม้พลังฝีมือพวกมันไม่อาจทัดเทียมเฉวี่ยฉาน แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสื่อชิง!
พวกมันคือ 2 ใน 3 ที่เหลืออยู่ของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บในเผ่าพันธุ์มังกร!
ในเผ่าพันธุ์มังกรนั้นจะมีมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บดำรงอยู่ 9 ตัวเสมอ!
และในยุคสมัยนี้ เนื่องจากการดำรงอยู่ของตี้ยง ที่เป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทว่าเป็นมังกรมาร ทำให้ในเผ่าพันธุ์มังกรคงเหลือมังกรเทพยดา 5 กรงเล็บอยู่แค่ 8 ตัว!
และตอนนี้นอกจากมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอีก 1 ตัวที่ไม่ได้อยู่ในเผ่าพันธุ์มังกร นับว่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บเท่าที่เหลืออยู่ในเผ่าทั้งหมด 7 จาก 8 ตัวรวมไปถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร ได้ออกมาเผชิญหน้ากับต้วนหรูเฟิงครบหมดสิ้น!!
อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญหน้ากับมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้ง 7 ตัวของเผ่าพันธุ์มังกร หน้าต้วนหรูเฟิงยังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่นิดเดียว
คล้ายตอนนี้มันไม่ได้เผชิญหน้ากับมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ 7 ตัว แต่เผชิญหน้ากับคนธรรมดา 7 คน!
“ท่านจ้าวตำหนักต้วน ท่านไม่เพียงจะบุกรุกมายังเผ่าพันธุ์มังกรของข้า…แต่ท่านยังคิดจะฆ่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรรุ่นต่อไปของเผ่าพันธุ์มังกรข้าด้วยหรือ…หรือท่านคิดว่าในเผ่าพันธุ์มังกรของข้าไร้ยอดฝีมือที่สามารถต้านทานท่านได้แล้ว?”
หนึ่งใน 2 มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่พึ่งปรากฏตัวออกมา พลันก้าวออกมาก้าวหนึ่ง จับจ้องมองไปยังต้วนหรูเฟิงด้วยสายตาเย็นชา กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม
“เจ้านับเป็นตัวอะไรถึงได้หาญกล้ากล่าววาจากับท่านจ้าวตำหนักของข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนี้?”
ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงยังคงเฉยเมยไร้แยแส กู่มี่พลันก้าวออกมามองจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง ตะคอกกล่าวออกไปเสียงเย็น!