ตอนที่ 254 หายนะออกจากปาก

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 254 หายนะออกจากปาก

หลิวเป่าผิงย่อมเชื่อคำพูดขององค์หญิงติ้งเถา

เพราะเรื่องแบบนี้ติ้งเถาไม่มีทางแต่งขึ้นเอง

นางไม่มีสมอง

หากนางไม่ได้เห็นและได้ยินด้วยตนเอง นางไม่มีทางสงสัยความจริงเกี่ยวกับการตายของเถาชีเหมือนคนอื่น

“ฟังที่เจ้าพูด ตระกูลเถาไม่รู้เรื่องนี้ มีเพียงเจ้า ฮองเฮา รวมถึงองค์ชายสองที่รู้เรื่องนี้”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ติ้งเถาฟังน้ำเสียงของเขา รู้สึกสบายอย่างมาก

นางพยักหน้าเล็กน้อย “เหมยเส้าเจี้ยนก็รู้เรื่องนี้ เฟ่ยกงกงข้างกายเสด็จพี่สองก็อาจรู้เรื่องนี้”

หลิวเป่าผิงลูบจมูกของนางอย่างแผ่วเบา “องค์ชายสองเตือนให้เจ้าเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร เจ้าช่างโง่เสียจริง!”

องค์หญิงติ้งเถาโถมเข้าใส่อ้อมกอดของเขา “ต่อหน้าท่าน ข้ายอมเป็นคนโง่”

ชะงักไปสักพัก นางก็พูดต่อ “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรปิดบังท่าน ข้ากังวลอย่างมากว่าท่านจะถูกเสด็จพี่สองทรงหลอก เพราะเขาเป็นคนป่วย ทุกคนต่างไม่ระวังเขา หารู้ไม่ว่าเขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมที่สุด เถาชีตายอย่างไม่เป็นธรรม คนที่ดีเช่นนั้น บอกว่าตายก็ตาย”

เมื่อนึกถึงประสบการณ์ของเถาชี ติ้งเถาก็ตัวสั่นเทา

เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะนึกขึ้นได้เวลาใด นางก็รู้สึกหวาดกลัว

เถาชีไม่ได้เป็นเพียงคู่หมั้นของเสด็จพี่สาม แต่ยังเป็นญาติ เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง

แต่แล้ว เสด็จแม่และเสด็จพี่สองก็คร่าชีวิตของนางอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เพียงเพราะการมีอยู่ของนางขัดขวางอนาคนของเสด็จพี่สาม

นางไม่กล้าคิด หากวันหนึ่งนางขัดขวางการใหญ่ของเสด็จแม่และเสด็จพี่สอง นางจะถูกกำจัดด้วยหรือไม่

หายลับไปจากบนแผ่นดินนี้อย่างไร้ร่องรอย

นางเงยหน้ามองพระราชบุตรเขยหลิว “ท่านจะปกป้องข้า ใช่หรือไม่”

หลิวเป่าผิงรับปากด้วยรอยยิ้ม “ข้าย่อมจะปกป้องเจ้า”

“ถึงแม้เสด็จแม่จะทรงร่วมมือกับเสด็จพี่สองรังแกข้า ท่านก็จะยืนออกมาปกป้องข้า ใช่หรือไม่”

“แน่นอน!”

องค์หญิงติ้งเถายิ้มอย่างพอใจ

หลิวเป่าผิงกอดนางเอาไว้ กดหัวของนางไว้บนไหล่ของตนเอง แต่สายตาของเขากลับเย็นชาไร้ซึ่งความโอบอุ่น เขาเหมือนมือสังหารที่เย็นชาและบ้าระห่ำเสียมากกว่า

องค์หญิงติ้งเถาไม่เคยเห็นด้านนี้ของเขามาก่อน

บ่าวรับใช้ในจวนองค์หญิงที่เคยเห็นธาตุแท้ของเขาล้วนออกจากจวนองค์หญิงด้วยสาเหตุต่างๆ หายลับไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง

เขาดูอ่อนโยนเป็นเพราะเขามีรูปลักษณ์ที่ดี มีดวงตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์น่าหลงไหล

คนที่กำเนิดในพื้นที่ยากเข็ญอย่างเหลียงโจว นำกองกำลังสู้รบอยู่ตลอดทั้งปี เคยชินกับความเป็นความตายและเลือด จะเป็นนายน้อยผู้สูงส่งที่มีความอบอุ่นได้อย่างไร

เขาเป็นแม่ทัพแต่กำเนิด!

เขาจบไหล่ขององค์หญิงติ้งเถาเบาๆ พลันกำชับเสียงเบา “เรื่องนี้ถึงแค่ข้าก็พอ ต่อจากนี้อย่าได้เอ่ยขึ้นอีก ข้ากลัวเจ้าเก็บความลับไม่อยู่ ต่อจากนี้พยายามอย่าได้ติดต่อกับคนตระกูลเถา เพื่อไม่ให้ตระกูลเถาจับสังเกตได้”

“อืม” ติ้งเถาตอบรับ “ข้าไม่ปิดบังท่าน ปีสองปีนี้ ข้ากลัวการพบหน้าท่านลุงอย่างมาก ข้ารู้สึกละอายใจอย่างมาก หลายครั้งที่ข้าอยากบอกความจริงกับท่านลุง แต่ทุกครั้งข้าก็อดทนเอาไว้ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ข้ากลัวตนเองจะเสียสติ วันนี้พูดเรื่องนี้ออกมา ข้าผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน”

“เจ้าคิดมากเกินไป หมอหลวงบอกว่าเจ้าวิตกกังวลเป็นเรื่องจริง ต่อจากนี้อย่าคิดเรื่องนี้ หากเกิดเรื่องใดขึ้นมีข้าอยู่ ถึงแม้ฮองเฮาและองค์ชายสองร่วมมือกัน ข้าก็ไม่กลัว”

ติ้งเถาซาบซึ้งจนน้ำตาไหล

นางต้องโชคดีเพียงใดจึงจะแต่งงานกับชายที่ดีผู้นี้ได้

นางถูกล้อมรอบด้วยความสุข

นอกห้องตำราราวกับมีการเคลื่อนไหว

หลิวเป่าผิงส่งสายตา องครักษ์ที่หลบอยู่ในที่มืดที่ไล่ตามออกไปอย่างไร้เสียง

ในจวนองค์หญิงมีสายสืบของผู้อื่นเป็นเรื่องปกติอย่างมาก

เพียงแต่เขาไม่คิดว่าสายสืบจะใจกล้าถึงกับวิ่งมาแอบฟังที่ห้องตำรา ไม่กลัวตายเอาเสียเลย

หลังจากที่เขาปลอบประโลม องค์หญิงติ้งเถาจึงกลับห้องไปพักผ่อนด้วยความพึงพอใจ

หลังจากคนไปแล้ว เขาจึงถามองครักษ์ “จับตัวได้หรือไม่”

“ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่สามารถจับตัวเอาไว้ได้ แต่ว่าข้าน้อยมีรายชื่อบุคคลต้องสงสัย ทั้งหมดห้าคนล้วนน่าสงสัย”

องครักษ์มอบรายชื่อชุดหนึ่งไปให้

เมื่อหลิวเป่าผิงดู พวกเขาล้วนเป็นคนเก่าแก่ของจวนองค์หญิง บางคนทำงานอยู่ในจวนองค์หญิงมาสิบกว่าปีแล้ว

เขายิ้มเย็นยะเยือก “จับคนไม่ได้ คาดว่าข่าวคงถูกส่งออกไปแล้ว คนทั้งห้านี้ หลายวันนี้หาโอกาสกำจับเอาไว้ให้หมด สอบสวนทีละคน ข้าอยากดูว่าผู้ใดสนใจบทสนทนาส่วนตัวของข้ากับองค์หญิงนัก”

“ขอรับ!”

จวนองค์ชายสอง

เฟ่ยกงกงเดินทางมาถึงนอกห้องตำราเพื่อเข้าเฝ้าองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินด้วยความเร่งรีบ

“องค์ชาย เกิดเรื่องแล้ว องค์หญิงติ้งเถาทรงควบคุมปากตนเองไม่ได้ เปิดเผยเรื่องของเถาชีให้พระราชบุตรเขยหลิว นอกจากนี้ คนที่กระหม่อมเตรียมการไว้ในจวนองค์หญิงมีความเป็นไปได้ที่จะถูกจับแล้ว แต่ว่าพระองค์ทรงวางใจ เวลาสำคัญ พวกเขารู้ว่าควรทำอย่างไร”

ควรทำอย่างไรที่กล่าวนั้นย่อมหมายถึงการปลิดชีพตัวเอง ตัดขาดความเป็นไปได้ที่อาจจะทนทรมานจนพูดความจริงออกมาอย่างสิ้นเชิง

เซียวเฉิงเหวินวางตำราลงด้วยสีหน้าจริงจัง

เขาไม่พอใจ!

ไม่พอใจอย่างมาก

“ข้าเคยตักเตือนติ้งเถาให้นางระวังปากของตนเองแล้ว นางยังกล้าบอกเรื่องนี้ต่อหลิวเป่าผิง ฮึ คำพูดของสตรีช่างเชื่อถือไม่ได้เสียจริง หากนางไม่ใช่น้องสาวของข้า ข้าคงจะกำจัดนางทิ้งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”

สายเลือดใดก็ไม่อาจเทียบความทะเยอทะยานและแผ่นดินภายในใจ

เขานวดคลึงหัวคิ้ว พลันถอนหายใจ “หลิวเป่าผิงรู้เรื่องนี้แล้วย่อมต้องมีการเคลื่อนไหว ความเป็นไปได้ใหญ่ที่สุดคือเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้ตระกูลเถารู้เมื่อถึงเวลาสำคัญ สู้ข้ากำจัดตระกูลเถาเสียก่อนดีกว่า”

เฟ่ยกงกงรีบถาม “พระองค์จะทรงกำจัดตระกูลเถาอย่างไร”

เฟ่ยกงกงผู้นี้ก็เป็นคนที่ไม่กลัวเรื่องใหญ่

สำหรับเขาแล้ว การกำจัดตระกูลเถาต้องการเพียงรับสั่งขององค์ชาย เขารับรองว่าสามารถจัดการได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ตระกูลเถาไร้ประโยชน์ต่อองค์ชายแล้ว ในทางกลับกันยังเป็นตัวถ่วง สู้ให้ตระกูลเถาล่มสลายไปดีกว่า

เซียวเฉิงเหวินโบกมือ “เรื่องนี้ไม่รีบ ยังมีอีกความเป็นไปได้หนึ่งคือหลิวเป่าผิงจะเปิดเผยเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อ”

“แล้วจะทำอย่างไร”

เฟ่ยกงกงกังวลเสียยิ่งกว่าองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวิน

เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย็นยะเยือก “ข้าย่อมมีแผนการ ถอนกำลังในจวนองค์หญิงออกมาทั้งหมด หากถอนออกมาไม่ได้ ให้พวกเขาจัดการตัวเอง หลิวเป่าผิงโหดเหี้ยม ข้ากังวลว่าหากสายเกินไป สายสืบทั้งหมดในจวนองค์หญิงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา”

“กระหม่อมไปจัดการ”

เฟ่ยกงกงรีบไปจัดการเรื่องการถอนสายสืบในจวนองค์หญิง

เซียวเฉิงเหวินเคาะโต๊ะเบาๆ ความคิดต่างๆ แล่นผ่านไป

เขาถามขุนนางฝ่ายใน สวีกงกง “ได้ยินว่าหลิวเป่าผิงแอบพบกับเซียวอี้?”

สวีกงกงเดินออกมาจากที่มืด “ทูลองค์ชาย วันนี้พวกเขาเพิ่งพบหน้ากัน ยังคงเป็นโรงเตี๊ยมเล็กเมื่อคราวก่อน”

“เซียวอี้ที่ระวังตัวเพียงนั้นไม่สังเกตว่าตนเองถูกสะกดรอยตามหรือ”

“สายสืบถูกเขาพบแล้ว แต่ว่าสายสืบของเราสะกดรอยตามเขาเพียงระยะหนึ่ง ไม่ได้ติดตามไปตลอดทาง เขาจึงไม่ได้ถือสา”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “เขาเพียงแค่ไม่ถือสาชั่วคราว บัญชีเหล่านี้ เขาจดอยู่ในสมุดเล่มเล็กทีละข้อ ล้วนจะมาคิดบัญชีกับข้า รู้เนื้อหาการสนทนาของเขากับหลิวเป่าผิงหรือไม่”

“ทูลองค์ชาย ข้าน้อยไร้ความสามารถ ไม่สามารถเข้าใกล้เพื่อแอบฟังได้”

“ไม่โทษเจ้า!”

ถึงแม้สวีกงกงจะเป็นฝ่ายใน แต่เขาไม่เคยแทนตัวเองว่ากระหม่อม แต่แทนตัวเองว่าข้าน้อย”

เขาแตกต่างจากเฟ่ยกงกง

เฟ่ยกงกงอยู่ในที่แจ้ง เขาอยู่ในที่มืด

เฟ่ยกงกงเป็นแขนซ้ายขององค์ชายสอง เขาก็คือแขนขวา

ทั้งสองคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง ไม่เคยพบหน้ากัน

ทั้งสองต่างมีผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน

วันที่หนึ่ง

องค์หญิงติ้งเถาเข้าวังหลวงถวายบังคม

มาถึงตำหนักเว่ยยาง สีหน้าดีใจของนางชะงักไปเมื่อพบกับองค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวิน

“ถวาบบังคมเสด็จพี่สอง!”

นางแสดงท่าทีเปิดเผย แต่ภายในใจกลับกำลังกังวล

มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองในจิตใต้สำนึก

เสด็จพี่สอง เซียวเฉิงเหวินทิ้งเงาในใจของนางอย่างมาก

“น้องหญิงดีใจมากหรือ มีเรื่องดีใด เล่าให้ฟังได้หรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินมองนางด้วยรอยยิ้ม

ติ้งเถายิ่งกังวล นางมองไปรอบตำหนักใหญ่ “เสด็จแม่ล่ะ เสด็จแม่ยังไม่ทรงตื่นหรือ”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “วันนี้อากาศดี เสด็จแม่ทรงนัดพระสนมในวังหลังไปเดินสวนดอกไม้ ที่นี่มีแค่ข้ากับเจ้าสองคน”

เมื่อได้ยินว่ามีเพียงสองคนพี่น้อง ติ้งเถาก็อยากหนี

ปังๆ!

ประตูตำหนักใหญ่ถูกปิดจากด้านนอก

แน่นหนาไร้ซึ่งลมพัดผ่าน!

แสงอาทิตย์ลับหายไป ภายในห้องมืดมิดลงทันที

ติ้งเถาก้าวถอยหลังจนไปถึงหน้าประตู

นางพยายามดึงประตูใหญ่ออกเพื่อหนี

สุดท้ายกลับพบว่าประตูไม่ขยับแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าถูกคนปิดเอาไว้จากด้านนอก

“เปิดประตู เปิดประตู!”

นางตบประตูใหญ่ด้วยความบ้าคลั่ง ภายในใจหวาดกลัวและเสียใจอย่างมาก…

นางล้มลงนั่งกับพื้น น้ำตาไหลลงมา

“เปิดประตู เปิดประตู…พวกเจ้าเปิดประตูเถิดขอร้อง…”

“น้องหญิงกำลังทำสิ่งใด”

เซียวเฉิงเหวินมองนางด้วยรอยยิ้มมีนัย

เขายังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

ติ้งเถาร้องไห้อ้อนวอน “เสด็จพี่สอง ท่านให้อภัยข้าเถิด ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ท่านปล่อยข้า ข้าไม่กล้าอีกแล้ว”

เซียวเฉิงเหวินวางแก้วชาลง “เจ้าลองบอกมา เจ้าผิดอย่างไร ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่าเจ้าทำผิดเรื่องใด”

“ข้า ข้า…”

ติ้งเถาลังเล

เสด็จพี่สองไม่รู้จริงหรือ

หรือว่านางเข้าใจผิด

แต่ว่าสถานการณ์ในเวลานี้จะอธิบายได้อย่างไร

นางถามด้วยความกลัว “เสด็จพี่สองทรงบอกข้าก่อนได้หรือไม่ว่าเหตุใดจึงปิดประตู วันนี้แดดแรง เหตุใดจึงไม่เปิดประตูให้แดดส่องเสียบ้าง”

เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างรู้ทัน “เหตุใดจึงปิดประตู ย่อมเพราะกลัวเจ้าจะหนี”

“ข้าๆ เหตุใดข้าจึงต้องหนี”

“คงต้องถามเจ้าว่าเหตุใดเจ้าต้องหนี”

“ข้าไม่รู้! เสด็จพี่สอง ท่านให้อภัยข้า ข้าไม่หนีแล้ว”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะออกมา เขาลุกขึ้นตบชุด “ในเมื่อเจ้าไม่อยากพูด เวลาของข้ามีค่า คงไม่อยู่เล่นกับเจ้าแล้ว ขอตัว!”

“เสด็จพี่สองจะไปที่ใด ให้ข้าออกไปก่อนได้หรือไม่”

“ไม่ได้! เจ้าอยู่สำนึกความผิดที่นี่เถิด”

“ข้าพูด ข้าพูด ข้าจะพูดทุกอย่าง”

องค์หญิงติ้งเถากลัวอย่างมาก

นางพูดพลางร้องไห้ “ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่รักษาสัญญา ข้าไม่ควรบอกเรื่องนั้นแก่พระราชบุตรเขย ล้วนเป็นความผิดของข้า ไม่เกี่ยวกับพระราชบุตรเขย เสด็จพี่สอง ท่านอย่าไปหาเรื่องเขาได้หรือไม่”