บทที่ 173 เทพเจ้ามีรสนิยมแปลก ๆ

แม้ว่าความเป็นพระเจ้าจะทําให้มีภูมิต้านทานต่อกฎแห่งทักษะ แต่ทักษะก็ยังสามารถสร้างความเสียหายได้เพราะพลังโจมตีพื้นฐานของมันยังคงอยู่และนั่นคือสาเหตุที่ผู้เล่นยังไม่วิ่งหนี

ตราบใดที่กลไกการคืนชีพยังไม่หยุดลง สถานการณ์ดังกล่าวก็แค่เพิ่มความยากให้กับผู้เล่น…ความรู้สึกก็เหมือนกับตอนที่บริษัทเกมเปลี่ยนจากเกม World of Warcraft เป็น Monster Hunterบนโลกและปล่อยให้ผู้เล่นด่าไม่กี่คําเกี่ยวกับระบบเกมในฟอรัม

ในฐานะที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม หลายคนคงเคยมีประสบการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่ามันน่าเบื่อมากแต่เมื่อคนอื่นๆทําแบบเดียวกันมันก็น่าสนใจขึ้นแม้ว่ามันจะน่าเบื่อก็ตาม

ถึงจะอยู่ในโลกอื่น สถานการณ์นี้ก็ไม่แตกต่างเลย

เป็นความจริงที่ว่าศัตรูนั้นทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าการถูหรือการสัมผัสมันจะไม่นําไปสู่การตายทันทีแต่โดยพื้นฐานแล้วผู้เล่นจะเหลือ HP ขั้นต่ําเพียงเล็กน้อย ในขณะที่พวกเขาสร้างความเสียหายได้เพียงเล็กน้อยจนไม่มีนัยสําคัญแม้ว่าพวกเขาจะเจาะเกราะป้องกันของมันได้ก็ตาม

แต่เมื่อพวกเขามั่นใจว่าพวกเขามี EXP เพียงพอ และกลไกการคืนชีพของพวกเขาทํางานได้ตามปกติผู้เล่นก็ทําราวกับว่าพวกเขากําลังมีส่วนร่วมในงานเทศกาลที่แปลกประหลาดไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่แสดงความหวาดกลัวหรือมีความคิดที่จะถอนตัว แต่พวกเขายังทุ่มเทร่างกายและจิตวิญญาณภายใต้คําสั่งของผู้เล่นชั้นยอดในขณะที่พวกเขาต่อสู้กับเดรคหนองน้ําท่ามกลางบรรยากาศที่กําลังเร่าร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซีเว่ยได้เห็นทุกอย่างจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา

ขณะที่เขาพอใจกับจิตวิญญาณการต่อสู้ของผู้เล่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเดรคห นองน้ําตัวนั้น

ปกติแล้วเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเดรคหนองน้ําที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นมังกรซุปเปอร์ไซย่าหรืออะไรซักอย่างเขาต้องการสอนผู้เล่นทุกคน…ว่าถึงพวกเขาจะอยู่ต่างโลกทุกอย่างก็ต้องมีกฎของมันขนาดเทพเจ้าก็ยังเอาชนะกฎไม่ได้และแม้แต่แชมป์เปี้ยนในตํานานก็ยังสร้างอะไรขึ้นมาจากอากาศบางๆได้ยากนับประสาอะไรกับการเปลี่ยนร่าง 3 ขั้น…

ความจริงเดรคหนองน้ํานั้นทรงพลังมากสําหรับผู้เล่น แต่นั่นก็ไม่มีความหมายอะไรเลยสําหรับผู้เล่นเช่นกัน

หากเดรคหนองน้ํามี HP ถึง 6 หลอด ที่แม้ผู้เล่นจะใช้เวลาสามวันสามคืนจนเลเวลลดลง 7-8 เลเวลมันก็ยังไม่ตายพวกเขาอาจจะยอมแพ้เพราะพวกเขาไม่สามารถแบกรับค่า EXP ที่เสียไประหว่างนั้นได้แต่ตอนนี้ด้วย HP ของเดรคหนองน้ําที่ลดเหลือน้อยกว่าครึ่งหลอดผู้เล่นก็ยิ่งมีแรงกระตุ้นมากขึ้นเป็นธรรมดา

และสิ่งที่ทําให้ซีเว่ยรู้สึกแปลก ๆ ก็คือความเป็นพระเจ้าที่มันมี

“มันก็ผ่านมาสักพักแล้ว แต่ทักษะของผู้เล่นยังไม่ได้ผล แม้แต่ทักษะดีบัฟก็ใช้ไม่ได้…” ซีเว่ยพึมพําขณะเอาหนวดถูร่างกลม ๆ ของตัวเอง “ถ้ามันเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ธรรมดานี่เป็นไปไม่ได้เลย…”

ความเป็นพระเจ้า ไม่ใช่หนึ่งในสามองค์ประกอบสําคัญสามประการของเทพเจ้า (พรของเทพเจ้า ความพิโรธของเทพเจ้า และบัญชาจากเทพเจ้า) ความจริงสิ่งมีชีวิตบนโลกจะได้รับความเป็นพระเจ้าบางส่วนหากพวกเขามีความสัมพันธ์กับเทพเจ้าเพียงพอ

กรณีที่พบบ่อยที่สุดก็คือผู้ศรัทธาที่ถูกเลือกให้เป็นผู้รับใช้ หรือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเทพเจ้าเช่นเดียวกับที่พระสันตปาปาหรือนักบุญที่มีความเป็นพระเจ้าในระดับหนึ่ง

การมีความเป็นพระเจ้านอกจากจะมี “พลังโจมตีพิเศษ เพื่อสร้างความเสียหายได้อย่างมากมายแล้วยังมีภูมิคุ้มกันต่อความโกลาหลและความว่างเปล่า ซึ่งพวกเขาจะมีชีวิตรอดได้ช่วงหนึ่งแม้ว่าพวกเขาจะถูกจับโยนเข้าไปในพื้นที่แห่งความโกลาหลหรือช่องว่างแห่งความว่างเปล่าระหว่างโลก ยิ่งกว่านั้นความเป็นพระเจ้ายังปกป้องผู้ใช้จากกฎเกณฑ์บางอย่างที่ไม่เป็นมิตรต่อพวกเขาด้วย

และกฎแห่งทักษะที่ซีเวียสร้างขึ้นมาเองก็ถูกต้านทานได้โดยความเป็นพระเจ้าเช่นกัน

แต่คําถามก็คือ กฎเป็นรากฐานของโลก แม้ว่าเทพเจ้าจะป้องกันตัวเองจากกฎเกณฑ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้แต่สิ่งมีชีวิตที่มีความเป็นพระเจ้าไม่ควรจะต่อต้านมันได้อย่างสมบูรณ์

แต่ถึงอย่างนั้นเดรคหนองน้ํากลับต้านทานกฎได้อย่างสมบูรณ์! ยิ่งไปกว่านั้นมันกลับอ่อนแอมากจนไม่มีทางเอาชนะยักษ์แห้งแล้งได้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว

ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เสียหายกําลังปกคลุมร่างกายของมันอยู่ และมันไม่ได้มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงซีเว่ยก็คงคิดว่ามันเป็นเทพเจ้าบางองค์ที่มีพลังสามารถหลบหนีผ่านบาเรียโลกและลงมาในแดนมรรตัย…

“พลังศักดิ์สิทธิ์ของมันไม่บริสุทธิ์เลย…เป็นไปได้ไหมที่มนุษย์เงือกหนองน้ําจะบูชามันและสร้างสิ่งที่เหมือนเทพเทียมขึ้นมา?”

ด้วยลักษณะพิเศษที่เทพเจ้าแห่งเกมถือกําเนิดขึ้นมา ซีเว่ยจึงจินตนาการว่าเดรคหนองน้ําเป็นเทพเจ้าที่ถือกําเนิดเหมือนกับเทพเจ้าแห่งเกมในอดีต

แต่ในไม่ช้าเขาก็ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนี้อย่างรวดเร็ว

เพราะไม่มีเทพเจ้าใดที่สามารถถือกําเนิดได้ในแดนมรรตัย

ไม่ว่าจะมีสักกี่คนที่บูชาสิ่งมีชีวิตในแดนมรรตัย มันก็จะเป็นเพียงรูปเคารพและไม่ใช่เทพเจ้าเพราะแดนมรรตัย…หรือให้แม่นยํากว่านั้นคือโลกใด ๆ ที่นอกเหนือจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเงื่อนไขการพัฒนาพระเจ้า

และที่นี่ ความเป็นพะรเจ้าก็เกิดจากองค์ประกอบสามประการคือ ความพิโรธของเทพเจ้าพรของเทพเจ้าและบัญชาของเทพเจ้า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่สามารถดูดซับพลังงานจากสวรรค์และเปลี่ยนมันให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ได้! (แม้แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ซีเว่ยกั้นออกจากเทพเจ้ากระดูกเน่าก็ไม่ใช่พลังศักดิ์สิทธิ์)

“จากความแข็งแกร่งของความเป็นพระเจ้าที่มันมีนั้น เดรคหนองน้ําไม่ใช่ทั้งผู้ถูกเลือกและนักบุญแล้วก็ไม่ใช่เครือญาติของเทพเจ้าด้วย…”

ด้วยความสามารถในการยกเว้นผลกระทบเชิงลบทุกชนิดจากกฎแห่งทักษะได้อย่างสมบูรณ์ นั่นหมายความว่าลักษณะความเป็นพระเจ้าของมันนั้นสูงกว่าตัวตนเหล่านี้มาก

นอกเหนือจากเทพเจ้าที่แท้จริงที่สืบเชื้อสายลงมายังแดนมรรตัยแล้ว ซีเว่ยยังสามารถคิดถึงความเป็นไปได้ ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

การที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตในแดนมรรตัยที่มีความเป็นพระเจ้า เพราะมันถือกําเนิดขึ้นมาจากเทพเจ้าที่ลงมาจุติยังดินแดนมรรตัยกับสัตว์ในดินแดนมรรตัย ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า ครึ่งเทพ!

ไม่สิ เมื่อพิจารณาจากการใช้ชีวิตของเดรคหนองน้ํา การเรียกมันว่าเทพเจ้าคงจะเหมาะสมกว่าละมั้ง…

“แสดงว่ามันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเทพเจ้า แต่เป็นลูกของเทพเจ้าโง่ ๆ บางตนที่มีอะไรกับสัตว์เลื้อยคลาน?”ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา ซีเว่ยอดไม่ได้ที่ดันแว่นตาที่เขาใส่ในขณะที่กําลังศึกษาเดรคหนองน้ําด้วยความ ประหลาดใจ “เทพเจ้าองค์ไหนมีรสนิยมสุดโต่งแบบนี้เนี่ย”

แต่เมื่อพิจารณาว่าเทพเจ้าส่วนใหญ่ไม่ใช่มนุษย์ และมีเทพชั่วร้ายบางตัวที่มีรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดนอกจากเทพที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์ป่าเช่นอัสลานแล้ว เดรคหนองน้ําก็ค่อนข้างสวยงามเมื่อเทียบกับพวกเขา…

ใครจะรู้? หลังจากนี้ผู้ศรัทธาของเขาอาจจะสะดุดเข้ากับสิงโตตัวน้อยบางตัว ที่มีคุณลักษณะของความยุติธรรมในดินแดนมรรตัย…

ในขณะที่ซีเว่ยกําลังคาดเดาเกี่ยวกับรสนิยมของอัสลานอย่างชั่วร้าย เขาก็สัมผัสได้ว่ามีเทพเจ้าองค์หนึ่งเข้ามาใกล้อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา

หลังจากรับรู้อํานาจเทพของอีกฝ่าย ซีเว่ยก็พบว่าเขาคือสิงโตตัวใหญ่ อัสลาน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกละอายใจเหมือนคนถูกจับได้เมื่อกําลังนินทาอีกฝ่ายอยู่แล้วอีกฝ่ายก็โผล่มาพอดี

ต้องบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาปิดประตูใส่อัสลาน ในที่สุดเขาก็ต้องเปิดช่องว่างให้สิงโตเข้าสู่อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา

เมื่อเห็นสีหน้าสิงโตที่จริงจังและสง่างามของอัสลาน ซีเว่ยก็เริ่มพิจารณาทันทีว่าเขาควรกลิ้ง 360 องศาเพื่อกราบขอโทษอีกฝ่ายดีหรือไม่

อย่างไรก็ตามอัสลานก็พูดขึ้นก่อนที่เขาจะได้ทําตามที่คิด

“มีบางอย่างเกิดขึ้น!”