ตอนที่ 211 โบยบินกันเลย เจ้าหนู 5

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 211 โบยบินกันเลย เจ้าหนู 5

คณบดีพูลแมนถอนหายใจ บุคลากรทางทหารเหล่านี้คำนึงถึงพรสวรรค์พลังจิตที่สูงส่ง และพละกำลังที่แข็งแกร่ง พวกเขาลืมไปหมดแล้วหรืออย่างไรว่าเพราะอะไรสงครามจึงยากลำบากยิ่งขึ้น?

หากเอเลี่ยนเผ่าพันธุ์ราชาปรากฏตัวขึ้นมายับยั้งพลังจิตของผู้คนเอาไว้อีกครั้ง แล้วใครจะต่อสู้?

เครื่องจักรกลในปัจจุบันล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังจิต แล้วพวกเขาจะใช้พลังขับเคลื่อนได้อย่างไร?

แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ผู้บัญชาการเหล่านี้ก็เอาแต่คิดว่าคนธรรมดามีศักยภาพร่างกายที่อ่อนแอ จึงไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสงครามรบที่รุนแรงได้

ช่างมันเถอะ ลืมมันไปเสีย มาดูนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งกันดีกว่า…

ทันทีที่มาถึงแผนกเกษตรกรรมของชั้นปีที่หนึ่ง ก็สังเกตเห็นได้ว่ามีเกราะกำบังป้องกันทั่วทั้งแผนกอยู่

“เด็กพวกนี้กำลังทำอะไรกัน ต้องใช้เกราะกำบังด้วยหรือไง?”

แต่ละแผนกจะมีเกราะกำบังพลังงานของตนเอง เกราะกำบังเหล่านี้มีไว้สำหรับป้องกันการบุกรุกของเหล่าเอเลี่ยน โดยทั่วไปแล้ว เกราะกำบังจะถูกเปิดใช้งานเมื่อประสบเหตุอันตรายเท่านั้น

ชายชราเดินวนรอบแผนกเกษตรกรรมและไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากส่งข้อความหาสวี่หลิงอวิ๋น หวังว่าเธอจะเปิดทางให้เขาเข้าไปข้างใน

สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากมองดูนักเรียนบางส่วนหมุนเวียนพลังกันจนเสร็จสิ้น

“อา หัวของฉันยังวนรอบไม่เสร็จเลย!” เสียงจากนักเรียนส่วนใหญ่

“พวกนายจะครวญครางไปทำไม? ความแข็งแกร่งทางพลังจิตของฉันแทบไม่พอที่จะแตกเมล็ดออกด้วยซ้ำ?!”

คำพูดอิจฉาริษยาหลุดออกมาจากนักเรียนแผนกเกษตรกรรม

สำหรับผู้ที่มีระดับพลัง 6 ดาวขึ้นไปหรือมากกว่านั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถหมุนเวียนได้ครบรอบ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็หมุนเวียนไปถึงครึ่งหนึ่ง

หลังจากการหมุนเวียนเสร็จสิ้นลงแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่าตนเองใช้เวลาไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น แต่เมื่อมองดูเวลา พวกเขากลับรู้สึกประหลาดใจที่มันผ่านมาเกือบสามชั่วโมงแล้ว

“สบายดีจัง!” หลังจากสิ้นสุดการหมุนเวียน เขาก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นและเต็มไปด้วยพลังงาน!

“พระเจ้า! พลังดวงดาวของฉันได้รับการอัปเกรดมาครึ่งหนึ่งแล้ว!” นักเรียนระดับ 5 ดาวค้นพบว่าพลังดวงดาวของเขาเลื่อนขั้นขึ้น ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ

นักเรียนทั้งหลายตรวจสอบพลังดวงดาวของพวกเขาอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยืนคำพูดเตือนสติ ทุกคนล้วนได้รับการเลื่อนขั้น มีเพียงนักเรียนจากแผนกเกษตรกรรมเท่านั้นที่ไม่ได้รับการเลื่อนขั้นในครั้งนี้!

“สุดยอดไปเลย! ฮ่า ๆๆ! ในอนาคตฉันคงจะกลายเป็นอัจฉริยะ!”

นักเรียนทั้งหลายกำลังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความปีติยินดี!

สำหรับผู้แข็งแกร่งสี่คน พวกเขาได้ก้าวเข้าสู่ระดับ 7 ดาวอย่างเป็นทางการแล้ว

ลุคกำหมัดแน่นขณะเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ จ้องมองหญิงสาวแสนขี้เกียจบนเวที และรู้สึกโชคดีที่ยอมจงรักภักดีต่อเธอคนนี้

ฉินหยวนรีบวิ่งไปด้านข้างสวี่หลิงอวิ๋นอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนจะคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ท่านหัวหน้า ได้โปรดยอมรับความจงรักภักดีของผมด้วยเถอะครับ!”

“จากนี้ไป ผมจะบุกน้ำลุยไฟอย่างไม่รีรอ!”

เพียงคำพูดสั้น ๆ แต่กลับทรงพลัง!

ลุคขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอ้เจ้าหมอนั่นตัดหน้าเขาไปจนได้! เขารีบวิ่งไปอย่างว่องไว และคุกเข่าลง

“ท่านหัวหน้า โปรดยอมรับความจงรักภักดีของผม ลุคคนนี้ด้วยเถอะครับ!”

“ไม่ว่าท่านจะไปอยู่ที่ไหน ผมก็จะไปอยู่ที่นั่น เจตจำนงของท่านจะเป็นจุดนำทางการกระทำของผม!”

ทั้งสองคนก้าวขึ้นไปถวายความจงรักภักดีบนเวที ตามที่เบนเน็ตกับรุยคาดคิดเอาไว้ องค์หญิงสามเป็นหญิงสาวที่อัศจรรย์ยิ่งนัก เธอมีเสน่ห์บางอย่างที่คู่ควรกับความจงรักภักดีของพวกเขา

การต่อสู้ในสนามรบกับองค์หญิงสามคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

นักเรียนที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีเริ่มน้ำตาคลอเบ้า พวกเขาอยากจะขึ้นไปแสดงความจงรักภักดีเหมือนกัน ทว่าพวกเขากลับไม่คู่ควรกับเธอ

ฮือ ๆๆ!

ไม่เห็นหรือว่าคนพวกนี้เป็นต้นอ่อนที่อยู่ในระดับ 7 ดาว? แล้วพวกเขาล่ะ? ตอนนี้ระดับที่สูงที่สุดอยู่ที่ระดับ 6 ดาว ส่วนคนที่เหลือ… อย่าไปพูดถึงมันเลย!

แผนกเกษตรกรรมกำลังอดกลั้นความขุ่นเคือง!

เฮอะ! เดิมทีองค์หญิงสามเป็นของพวกเขา! ของพวกเขา! แต่กลับถูกพวกสารเลวขโมยไป!

โชคดีที่เบนเน็ตมาจากแผนกเกษตรกรรม และเขาได้รับความไว้อย่างใจจากองค์หญิงสามเป็นอย่างมาก

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองสองคนที่อยู่ด้านหน้า “พวกนายรู้ไหม ฉันไม่ชอบไปสนามรบหรอกนะ”

เว้นแต่ว่าเอเลี่ยนพวกนั้นจะอร่อยเป็นพิเศษ

“พวกเรารู้ครับ!” ทั้งสองคนพยักหน้า

“ถ้าพวกนายภักดีต่อฉัน พวกนายอาจจะไม่ได้ไปสนามรบนะ” สวี่หลิงอวิ๋นกล่าวขึ้นและยกยิ้ม “พวกนายควรรู้เอาไว้ว่าฉันบอกเบนเน็ตกับรุยแบบนี้เหมือนกัน”

“ครับ!” ทั้งสองคนยังคงคุกเข่า

สวี่หลิงอวิ๋นช่วยพวกเขาให้ลุกขึ้นยืน “ถึงจะเร็วไปหน่อยที่พูดแบบนี้ แต่ฉันก็หวังว่าพวกนายจะตัดสินใจอีกทีตอนเรียนจบ”

“ฉันจะปฏิบัติต่อพวกนายเหมือนรุยกับเบนเน็ต ให้เป็นเหมือนองครักษ์หมายเลขหนึ่ง และหวังว่าพวกนายจะได้แสดงศักยภาพที่สนามรบนะ”

องค์หญิงสามไม่ยอมรับพวกเขา

เบนเน็ตกับรุยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เนื่องจากไม่มีใครได้รับการยอมรับ ตอนนี้ทุกคนจึงเท่าเทียมกัน

ไม่ใช่เพราะพวกเขาอ่อนแอ

ฉินหยวนและลุครู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทว่าพวกเขาก็คาดคิดเอาไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน สวี่หลิงอวิ๋นก็ได้รับการแจ้งเตือนจากคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ว่ามีใครบางคนส่งข้อความหาเธอ

“ใครนะ? เอ๊ะ ท่านคณบดี!” สวี่หลิงอวิ๋นส่ายหัว และจ้องมองนักเรียนที่อยู่บนพื้น “รีบไปแยกย้ายเร็วเข้า ท่านคณบดีกำลังมา”

“พวกเราไม่ควรเปิดเผยเรื่องของเราในตอนนี้ ถ้าอยากจะเปิดเผย ก็ค่อยทำให้ทุกคนตกตะลึงตอนวันหยุดสิ้นปี!”

“ครับ!” นักเรียนทั้งหลายพยักหน้าขึ้นลงกันระงม ใบหน้าขนาดเล็กแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น

เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น นักเรียนทั้งหลายรู้สึกถึงอารมณ์บางอย่าง

ตอนนี้คุณดูถูกพวกเรา เราจะทำให้พวกคุณเสียใจในอนาคต

ตอนนี้พวกคุณคิดว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งหยิ่งผยอง ฮึ่ม! พวกเราจะทำให้พวกคุณต้องประหลาดใจกับผลสอบปลายภาค!

หากพวกเราเก่งกาจกว่านักเรียนชั้นปีที่สี่ และอยากจะรู้เหลือเกินว่ารุ่นพี่พวกนั้นจะมีสีหน้าอย่างไร!

คณบดีพูลแมนจ้องมองเกราะกำบังที่ลดตัวลง และเดินเข้าไปในแผนกเกษตรกรรม

แผนกเกษตรกรรมเปลี่ยนไปมากจริง ๆ

ถึงแม้ว่าเดิมทีแผนกเกษตรกรรมจะเรียนรู้เกี่ยวกับการทำสวน แต่นักเรียนทั้งหลายก็ไม่ได้ลงมือทำมากนัก

ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างออกไป

เหลือเพียงแต่ลานกว้างตรงกลางที่ไม่ได้โยกย้ายไปไหน ผืนดินที่สำหรับปลูกพืชเต็มไปได้พืชพันธุ์นานาชนิด

ไม่ว่าจะเป็นผลพริก ต้นพริกไทยเสฉวน ขิง กระเทียมและอื่น ๆ อีกมากมาย

ช่างเป็นรูปแบบขององค์หญิงสามเสียจริง

สวี่หลิงอวิ๋นพาเพื่อนนักเรียนทั้งหลายมาทักทายเขา “ท่านคณบดี ทำไมท่านมาอยู่นี่ได้คะ? โอ้ อยู่ ๆ พื้นที่กระจิริดของเราก็เปล่งประกายขึ้นทันทีเลยค่ะ!”

คณบดีจ้องมองเธอเงียบ ๆ และเมินเฉยต่อคำเยินยอที่หยาบคายของเธอ “กระหม่อมได้ยินมาว่านักเรียนปีหนึ่งทั้งชั้นขาดเรียนเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”

“ใช่แล้วค่ะ!” สวี่หลิงอวิ๋นยกยิ้ม ขณะกล่าวต่อ “แหม ก็ฉันไม่ได้กลับมาที่นี่นานแล้วนี่คะ เลยพาเพื่อนร่วมชั้นไปผ่อนคลายด้วยการดื่มเหล้าสักหน่อย”

“ผสมผสานกับความยืดหยุ่นเป็นหนทางแห่งการเรียนรู้นะคะ!”

“ท่านไปเอาความคิดบิดเบี้ยวมาจากที่ไหนพ่ะย่ะค่ะ?” คณบดีพูลแมนส่ายหัว จ้องมองนักเรียนด้านหลังที่ดูมีเรี่ยวแรง “เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนสร่างเมาแล้ว ก็กลับไปเข้าเรียนคาบบ่ายซะ”

“ได้ค่ะ ก็แล้วแต่ท่านเลย!” สวี่หลิงอวิ๋นเห็นด้วยอย่างง่ายดาย