บทที่ 51 กล้าแอบโลภผู้ชายของนาง

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 51 กล้าแอบโลภผู้ชายของนาง
พูดเสร็จ สายตาก็อดไม่ได้ที่จะหันเหลือบไปมองทางด้านสวีชางหลิน

หากพี่ชางหลินรู้ว่าตนเองทำกับข้าวไม่เป็น ยังจะชอบนางไหม? พี่สะใภ้รองคนนี้ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องเลย

หวังหยู่ชุนพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าอยู่บ้านเป็นถึงคุณหนูใหญ่ เคยทำกับข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“เจ้า”

โจวชิวเซียงโกรธโมโหจนจะพุ่งไปหาหวังหยู่ชุน แต่ถูกหลี่ซิ่วยิงที่อยู่ด้านข้างดึงไว้

“พวกเจ้าสองคนพูดน้อยหน่อย” ถึงแม้จะเป็นสองคน แต่สายตานั่นกลับจ้องมองไปที่หวังหยู่ชุน

ลูกสาวของนางหน้าตาดี รอที่จะแต่งงานไปกับคนในตำบล หากทำงานจนมือหยาบกระด้าง ใครจะยังสนใจ? ลูกสะใภ้สองคนนี้พูดมากจริงๆ ทำลายชื่อเสียงของลูกสาวนาง

หวังหยู่ชุนไม่พอใจ แต่ยังไงก็ไม่กล้าพูดมาก

“กุ้ยหลานก็พูดแล้ว พรุ่งนี้ให้ชิวเซียงไปช่วยเจ้า” หลี่ซิ่วยิงยิ้มตอบรับ

สามารถได้อยู่ที่นี่ ถือเป็นเรื่องที่ดี ยังไงลูกสาวของตนก็จะได้กินอาหารดีๆ ถึงตอนนั้นก็จะได้เอาสิ่งของอร่อยๆมาให้นางที่เป็นแม่ไม่ใช่หรอ?

โจวชิวเซียงก็ตอบตกลงอย่างดีใจ สายตาอดไม่ได้ที่จะเหลือบหันไปมองสวีชางหลิน

เสียดาย สวีชางหลินสนใจกินแต่ของตนเอง

โจวกุ้ยหลานหัวเราะเย้ย แอบโลภผู้ชายของนาง ดูสิว่านางจะไม่แกล้งผู้หญิงคนนี้ให้หลาบจำ

ในขณะที่พวกนางกำลังคุยกันอยู่ เด็กหลายคนกำลังตั้งหน้าตั้งตากิน

ทานอาหารมื้อหนึ่งกันอย่างวุ่นวาย รอเมื่อพวกคนงานรับค่าแรงไปแล้ว หลี่ซิ่วยิงอาศัยตอนที่ล้างจานมาหาโจวกุ้ยหลาน พร้อมถามโจวกุ้ยหลานว่า “เจ้าให้คนละสิบอีแปะหรือ?”

เรื่องนี้นางอดทนมาหลายวันแล้ว แต่กลัวลูกชายกับสามีโกรธ จึงไม่กล้าถาม

โจวกุ้ยหลานลงมือทำงานอยู่อย่างปกติ พร้อมพูดขึ้นมาอย่างไม่คิดอะไรว่า “นั่นล้วนเป็นคนหมู่บ้านอื่น จะช่วยข้าเหมือนอย่างลุงใหญ่ไม่ได้ จึงต้องให้เงิน”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้สิ่งที่หลี่ซิ่วยิงอยากจะพูดจำต้องกลืนกลับไป

โจวเหล่าไท่ไท่ช่วยวางถ้วยตะเกียบอยู่ด้านข้าง อย่างไม่พูดไม่จา

พี่สะใภ้ใหญ่ของนางคนนี้คิดอะไรอยู่นางจะไม่รู้หรือ? แต่การช่วยงานในหมู่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่เป็นเรื่องปกติหรือ? มีใครจ่ายเงินกันบ้าง หากเรื่องนี้เป็นที่พูดออกไป คนอื่นจะหัวเราะเยาะตระกูลโจวของเราได้

“แต่ก็ไม่ควรที่จะแบ่งกันแบบนี้ไม่ใช่หรือ? คนอื่นรู้เข้าจะเอาไปนินทา” หลี่ซิ่วยิงเงียบไปสักพัก แล้วค่อยพูดประโยคนี้ออกมา

ต่างก็ทำงานเหมือนกัน ทำไมคนอื่นได้เงินแล้วบ้านของนางต้องทำงานฟรี?

บ้านของนางมีคนช่วยทำงานตั้งสามคน หากได้เงิน วันหนึ่งก็จะได้สามสิบเหวิน ไม่น้อยเลยนะ

โจวกุ้ยหลานเก็บถ้วยชามเสร็จเรียบร้อยแล้วหันไปมองดูหลี่ซิ่วยิง พร้อมถามตรงๆ ว่า “ป้าใหญ่ เจ้าหมายความว่ายังไง?”

หลี่ซิ่วยิงเห็นว่าตนเองพูดเยอะขนาดนี้แล้ว โจวกุ้ยหลานก็ยังไม่เข้าใจ นางก็โมโหอย่างมาก

เรื่องนี้จะต้องให้โจวกุ้ยหลานเป็นคนพูดออกมาเอง นางเป็นคนให้เองถือเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่าย

ไม่รู้ว่านังเด็กคนนี้ไม่เข้าใจจริงๆ หรือทำเป็นไม่เข้าใจ

แต่ยังไงก็เป็นเรื่องเงินภายในบ้านของนาง จึงจำต้องพูดขึ้นมาว่า “หากจ่ายเงิน พวกลุงใหญ่ของเจ้าเห็นแล้วก็จะไม่ค่อยดี หรือไม่เจ้าก็ให้พวกเขาหน่อย อาจจะให้น้อยหน่อย ถือเป็นการช่วยเหลือครอบครัวเจ้า”

เป็นไปเหมือนอย่างที่นางคิดอยู่ในใจจริงๆ

โจวกุ้ยหลานแกล้งทำเป็นตกใจ พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ลุงใหญ่ขอเงินจากข้าหรือ? เดี๋ยวข้าไปถาม”

พูดพร้อมกับจะวางถ้วยชามในมือที่ล้างเสร็จแล้วไว้ด้านข้าง แล้วก็กำลังจะเดินไปหาทางด้านที่โจวต้าซานกำลังนั่งพักอยู่ หลี่ซิ่วยิงกลัวจะเป็นเรื่อง จึงรีบดึงนางไว้

“กุ้ยหลานทำไมเจ้าไม่รู้เรื่องแบบนี้? ไปถามเรื่องนี้กับลุงใหญ่ของเจ้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ไม่ถือเป็นการทำให้เขาเสียหน้าหรือ?”

โจวกุ้ยหลานหัวเราะในใจ นางตั้งใจที่จะให้เงินตั้งแต่แรกแล้ว แต่เงินนี้จะต้องให้ลุงใหญ่ของนาง ไม่ใช่ให้ป้าใหญ่

จึงพูดขึ้นด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “ป้าใหญ่ เรื่องนี้ข้าจะต้องคุยกับสามีของข้าก่อน…..”

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ หลี่ซิ่วยิงค่อยพูดขึ้นอย่างโล่งอกว่า “ได้ เจ้าลองคุยกับเขาให้ดี ยังไงบ้านของพวกเจ้าก็มีเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว ต่อไปพวกพี่ชายของเจ้าก็จะช่วยดูแลพวกเจ้าด้วย”

ความหมายของคำพูดประโยคนี้ก็คือ หากนางไม่จ่ายเงิน ต่อไปครอบครัวของพวกเขาก็จะไม่มาช่วยเหลืองานที่บ้านของนางหรือ?

นี่กำลังข่มขู่นางหรือ?

“พี่สะใภ้ใหญ่ ดูเจ้าพูดสิ กุ้ยหลานยังมีต้าไห่ที่เป็นพี่ชาย อีกอย่างมีพี่น้องบ้านไหนไม่ช่วยเหลือกันบ้าง? ต่อไปหากมีงานในบ้านของพวกเจ้า ต้าไห่ก็ต้องไปช่วยงาน”

โจวเหล่าไท่ไท่ฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงช่วยพูดขึ้นมา

ไม่ใช่มีเพียงครอบครัวของพวกเจ้าเท่านั้นที่มีผู้ชาย นางสวีเหมยฮวาก็มีลูกชาย

ใบหน้าหลี่ซิ่วยิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในใจก่นด่าโจวเหล่าไท่ไท่แทบตาย

นางมายุ่งด้วยทำไม เวลานี้ยังมาช่วยนังเด็กนี่อีก

โจวกุ้ยหลานแอบยกนิ้วโป้งให้โจวเหล่าไท่ไท่ลับหลังหลี่ซิ่วยิง โจวเหล่าไท่ไท่ทำหน้าจริงจัง แต่แอบส่งสัญญาณมือให้นาง บ่งบอกว่าอย่าให้หลี่ซิ่วยิงเห็น

“งั้นเจ้าปรึกษาสามีของเจ้าให้ดี” พูดประโยคนี้เสร็จ หลี่ซิ่วยิงก็ไม่ช่วยงาน เข้าไปนั่งพักอยู่ข้างในบ้านแล้ว

ไม่มีเสียงของนางมาดังรบกวนข้างหู โจวกุ้ยหลานค่อยรู้สึกสบาย

รีบล้างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พาคนบ้านโจวต้าซานกลับไป

ที่กลับไปด้วยกัน ยังมีโจวต้าไห่กับโจวเหล่าไท่ไท่

ตอนกลางคืน เจ้าก้อนน้อยยังคงกีดกันสวีชางหลิน ทำให้สวีชางหลินรู้สึกจนใจอย่างมาก

ลูกชายคนนี้เป็นมารชีวิตของเขาจริงๆ

โจวกุ้ยหลานจุ๊บเจ้าก้อนน้อยหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกรักเข้านอนไวไว พรุ่งนี้แม่ทำอาหารอร่อยให้เจ้าทาน”

เจ้าก้อนน้อยดีใจ หอมแก้มโจวกุ้ยหลานหนึ่งที แล้วก็หันไปมองดูสวีชางหลินอย่างเอาเรื่อง

สวีชางหลินพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “นี่คือภรรยาของข้า”

“นี่คือแม่ของข้า” เจ้าก้อนน้อยเบิกตาโตจ้องมองดูสวีชางหลิน

หากเขาเติบโตแล้วก็จะสามารถปกป้องแม่ได้แล้ว……

“ข้าจะกอดภรรยาของข้านอน” สวีชางหลินพูดแย่งขึ้นมา

เจ้าก้อนน้อยรีบโอบกอดโจวกุ้ยหลานไว้ กลัวว่าพ่อของเขาจะรังแกแม่อีก

โจวกุ้ยหลานขำเขามาก เอื้อมมือไปโอบกอดเจ้าก้อนน้อย แล้วก็นอนลง

จากความพยายามผ่านมาหนึ่งเดือนกว่า ในที่สุดเจ้าก้อนน้อยก็เปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย ตอนนี้ไม่ได้ขี้กลัวเหมือนตอนแรกขนาดนั้นแล้ว อย่างน้อยก็สนิทกับนางมากขึ้น

คงเพราะที่ผ่านมา เจ้าก้อนน้อยอยู่บนเขาไม่ได้เจอหน้าใคร จึงกลัวคน ดังนั้นจึงค่อนข้างขี้กลัวขนาดนั้น

อืม ตอนนี้ร่างกายมาเนื้อขึ้นมาบ้างแล้ว ใบหน้าก็ขาวขึ้นไม่น้อย แสดงว่าสารอาหารครบถ้วนขึ้นมามาแล้ว

“เจ้าจะเดือดร้อนอะไรกับเด็ก? รีบเข้านอน” เวลาแบบนี้โจวกุ้ยหลานยืนอยู่ข้างเจ้าก้อนน้อยอยู่แล้ว

อีกอย่าง ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับโจวชิวเซียงยังไม่เป็นที่กระจ่าง นางยังคงต้องพิจารณาดูเขา เจ้าก้อนน้อยเป็นเหมืองอย่างเทพผู้พิทักษ์ของนาง

สวีชางหลินไม่พอใจยังไง แต่ก็รู้ว่าช่วงเวลานี้ ยังไงก็ไม่ได้นอนกับภรรยาแน่

ต้องรอให้สร้างบ้านเสร็จก่อน ถึงตอนนั้นค่อยแยกเจ้าเด็กนี่ออกไป เขาค่อยนอนกับภรรยาอย่างสบายใจ

เช้าวันที่สอง โจวชิวเซียงก็มาจริงๆ

แต่นางไม่มีท่าทีคิดที่จะช่วยโจวกุ้ยหลานทำกับข้าวเลย เอาน้ำไปให้สวีชางหลินบ่อยครั้ง หรือเฝ้าอยู่ตรงหน้าเขา เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดเหงื่อให้สวีชางหลิน เมื่อถูกสวีชางหลินปฏิเสธ นางก็สามารถหาเหตุผลอื่นอีก

ไม่ว่ายังไง นางก็จะสามารถอยู่บริเวณรอบๆสวีชางหลิน

โจวกุ้ยหลานเม้นริมฝีปาก มีคนเยอะแยะขนาดนี้ นางไม่กลัวคนอื่นนินทาหรือ

แต่ผู้ชายของนาง ยังไงนางก็ต้องเฝ้าระวังไว้