บทที่ 52 กล้าแย่งสามีของนาง ยังอ่อนหัดไป

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 52 กล้าแย่งสามีของนาง ยังอ่อนหัดไป
“ชิวเซียง ข้ายุ่งมากจนทำไม่ทันแล้ว เจ้ารีบมาช่วยหน่อย”

โจวกุ้ยหลานร้องเรียกหาชิวเซียง

โจวชิวเซียงทำเป็นไม่ได้ยิน อยากที่จะอยู่ปัดฝุ่นให้กับสวีชางหลิน

เพิ่งยกมือขึ้นมา โจวต้าซานที่อยู่ด้านข้างก็เงยหน้าขึ้นมาพูดขึ้นว่า “พี่สาวเจ้าเรียกหาเจ้าไม่ได้ยินหรือ?”

ต่อให้ไม่พอใจ โจวชิวเซียงก็ไม่กล้าเถียงพ่อของตนเอง ทำได้เพียงเดินไปหาโจวกุ้ยหลานอย่างไม่พอใจ

โจวกุ้ยหลานเอาอ่างใส่ไส้ใหญ่ ยื่นไปตรงหน้านาง พร้อมพูดขึ้นว่า “รบกวนเจ้าล้างไส้ใหญ่พวกนี้ให้สะอาดนะ”

“เจ้าจะให้ข้าล้างสิ่งของสกปรกนี้หรือ?”

โจวชิวเซียงแทบไม่อยากเชื่อ

นางอยู่บ้านไม่เคยได้ทำงานอะไรเลย มาอยู่ที่นี่ โจวกุ้ยหลานจะให้นางล้างไส้ใหญ่?

“ทำไม เจ้ามาเพื่อช่วยข้าไม่ใช่หรือ? เที่ยงนี้ก็ต้องทำเป็นกับข้าวแล้ว ไม่รีบล้างตอนนี้ก็จะไม่ทันแล้ว รีบไปล้างเถอะ” โจวกุ้ยหลานพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

พูดเสร็จ นางก็ก้มหน้าเด็ดผักต่อ

“ข้าไม่ทำอันนี้ ทำไมเจ้าไม่ทำคนเดียว?” โจวชิวเซียงโยนไส้ใหญ่ลงบนพื้น กระทบกะละมังดังปัง

นางจะไม่ทำงานแบบนี้ นี่ล้วนเป็นงานพวกคนชั้นต่ำ

เห็นนางเผยธาตุแท้ความเป็นคุณหนูใหญ่ออกมา โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “หากไม่ทำงั้นเจ้าก็กลับไป ถึงตอนนั้นคนอื่นจะได้ไม่ต้องคิดมาก”

โจวกุ้ยหลานก็ไม่หันไปมองโจวชิวเซียงอีก รีบทำงานในมือของตนเองต่อ

หลี่ซิ่วยิงพูดออกมาเองว่า ต้องการให้โจวชิวเซียงมาช่วย ในเมื่อนางจะทานข้าว งั้นยังไงก็ต้องทำงาน หรือจะให้นางอยู่ว่างๆ แล้วไปวุ่นวายกับสามีตนเอง ยังแตะเนื้อต้องตัวกันอย่างใกล้ชิด?

โจวชิวเซียงโกรธโมโหโจวกุ้ยหลาน แต่หากกลับไป นางก็จะไม่ได้เจอพี่ชางหลินอีก? หากกลับไป แม่ของนางต้องด่านางตายแน่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงไปยกอ่างไม้บนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกไป

เพิ่งเดินไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงโจวกุ้ยหลานพูดขึ้นมาว่า “ไปล้างในลำธารหลังบ้านนะ มันเหม็น ไปล้างข้างบ่อเดี๋ยวคนอื่นด่า”

โจวชิวเซียงกัดริมฝีปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความน่าสงสาร

เมื่อเดินไปอีกก้าว โจวกุ้ยหลานก็พูดขึ้นมาอีกว่า “ไส้ใหญ่นี้จะเอามาทำเป็นอาหารกินลงท้อง ต้องล้างให้สะอาด ในอ่างใส่แป้งไว้ เอามาถูให้สะอาด หากล้างไม่สะอาด ข้าจะต้องให้เจ้าล้างต่อไป”

นางโกรธโมโหจะตายอยู่แล้ว จึงรีบเร่งฝีเท้า ไม่อย่างนั้นนางกลัวจะอดทนไม่ไหวต่อสู้กับโจวกุ้ยหลาน

โจวกุ้ยหลานเม้นริมฝีปาก พร้อมมองดูเงาหลังของนาง กล้าแย่งสามีของนาง ยังอ่อนหัดไป

คิดอยู่เช่นนี้ แล้วสายตาก็หันไปมองสวีชางหลิน

สวีชางหลินเหมือนสัมผัสได้ หันกลับไปมอง แล้วก็สบกับสายตาอมยิ้มคู่นั้นของภรรยา

แต่หลังจากที่เห็นเขามองไป ก็หันมองไปทางอื่นแล้ว เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

โจวกุ้ยหลานรีบเตรียมวัสดุเครื่องปรุงทำอาหาร รอเมื่อโจวชิวเซียงหอบอ่างไม้กลับมาอย่างโกรธโมโห โจวกุ้ยหลานพลิกดูไส้ใหญ่ ชี้ไปตรงที่ไม่สะอาด พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังต้องไปล้างให้สะอาด”

โจวชิวเซียงโกรธนางจนจะร้องไห้แล้ว โยนอ่างทิ้งไป พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ทำแล้ว”

พูดเสร็จก็เอามือกุมหน้าแล้วก็วิ่งออกไป

โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ อารมณ์รุนแรงไม่น้อย

แต่ไส้พวกนี้ล้างยังไม่สะอาดจริงๆ นางจึงยกอ่างไม้ขึ้นมา เอาแป้งเทลงไป แล้วไปล้างที่ข้างลำธารอีกครั้ง

อืม จะกินของอร่อยต้องยอมแลกเปลี่ยน

ในคืนนั้น โจวต้าซานกลับบ้าน หลี่ซิ่วยิงก็พาโจวชิวเซียงไปฟ้องโจวต้าซานว่า “เจ้าดูหลานสาวคนดีของเจ้าสิ รังแกชิวเซียงของเราขนาดไหน”

นางอดทนมาตั้งครึ่งวัน ก็เพื่อรอฟ้องโจวต้าซาน

หากนางไปหาโจวกุ้ยหลานต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น จะเป็นการทำให้โจวกุ้ยหลานเสียหน้า ถึงตอนนั้นนางก็จะถูกโจวต้าซานตำหนิ

โจวต้าซานดูดสูบบุหรี่ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางรังแกเจ้ายังไง?”

คำพูดประโยคนี้เป็นการถามโจวชิวเซียง

โจวชิวเซียงสูดลมหายใจเข้า พร้อมพูดขึ้นว่า “นางเอางานที่สกปรกที่สุดมาให้ข้าทำ ยังด่าว่าข้า และขับไล่ข้า”

ตอนนั้นโจวต้าซานกำลังทำงานอยู่ ไม่ได้สนใจลูกสาวคนนี้ และก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขารู้จักนิสัยลูกสาวของตนเองดี ในใจไม่เชื่อว่าโจวกุ้ยหลานจะไม่ไว้หน้าเขาที่เป็นลุงใหญ่คนนี้

“นางไล่เจ้าไป เจ้าก็ไป จะอยู่ทำไมล่ะ?”

“ข้าไปช่วยงาน จะให้ไปเลยได้ยังไง? พ่อ พ่อไม่ช่วยข้าหรือ? พ่อเป็นพ่อใครกันแน่?” โจวชิวเซียงแทบไม่อยากเชื่อ พูดตัดพ้อพ่อของตนเองขึ้นมา

โจวต้าซานมีลูกทั้งหมดสี่คน มีโจวชิวเซียงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว เลี้ยงดูนางอย่างเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก

“เอาล่ะ เจ้าไปเพื่อช่วยงาน ไม่ว่างานอะไรก็ต้องช่วยทำ ทำไมจะต้องเลือกงาน? รีบไปนอนเถอะ ต่อไปพวกเจ้าไม่ต้องไปบ้านกุ้ยหลานแล้ว”

โจวต้าซานหยุดทั้งสองคนจากการทะเลาะกัน

ทำงานทั้งวัน เขาเหนื่อยจะแย่แล้ว ตอนนี้อยากพักผ่อนอย่างเดียว

โจวชิวเซียงโกรธโมโหร้องไห้วิ่งกลับห้องตัวเองไป พร้อมปิดประตูดังปัง แล้วก็ฟุบร้องไห้อยู่บนเตียง

ทำไมพ่อทำแบบนี้ ทำไมจะต้องปกป้องนังสารเลวนั่น?

โจวกุ้ยหลานกล้าทำกับนางแบบนี้ แย่งพ่อของนางไป ผู้ชายที่นางชอบก็แย่งไปแล้ว นางมีสิทธิ์อะไร?

ภายในห้องอีกห้องหนึ่ง ในใจโจวต้าซานก็ไม่สบายใจ เมื่อกี้เพิ่งทะเลาะกับลูกสาวของเขา จะสบายใจได้อย่างไร?

หลี่ซิ่วยิงก็ไม่พอใจกับท่าทีของสามีตนเอง ทำไมถึงเข้าข้างหลานสาวของตนเองไม่เข้าข้างลูกสาวของตนเอง?

ยังช่วยทำงานฟรีอีก?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงผลักสามีตนเองพร้อมพูดขึ้นว่า “กุ้ยหลาน บอกไหมว่าจะตอบแทนเจ้ายังไง?”

โจวต้าซานขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “จะต้องตอบแทนอะไร?”

“นางให้ค่าจ้างคนอื่น แต่ไม่มีของพวกเจ้าสามพ่อลูก? พวกเจ้าก็ทำงานเหมือนกัน ไม่สนใจงานที่บ้านแล้วไปทำงานให้นาง ทำไมถึงไม่ตอบแทนอะไรเลย?”

หลี่ซิ่วยิงยิ่งพูด น้ำเสียงก็ยิ่งไม่พอใจ

“เราช่วยคนอกตัญญูจริงๆ”

โจวต้าซานหงุดหงิดใจ ไม่อยากที่จะพูดกับนาง จึงหลับตานอนหลับ

ต่อมาหลายวัน หลี่ซิ่วยิงพาคนทั้งบ้านมาทานข้าวเป็นบางครั้ง แต่โจวกุ้ยหลานก็ไม่สนใจ ขอเพียงพวกนางไม่มาสร้างความเดือดร้อน แค่ทานข้าวก็ให้ทานไปเถอะ

แล้ววันเวลาก็ผ่านไปอย่างสงบเช่นนี้ พริบตาเดียวก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว บ้านใหม่โจวกุ้ยหลานก็ค่อยๆเป็นรูปร่างขึ้นมา

บ้านหลังนี้เป็นเพียงบ้านหลังเล็กหลังหนึ่ง ตรงข้ามมีสองห้องนอน ข้างในมีห้องครัวส่วนตัว ในป่าไม้ยังมีห้องน้ำหนึ่งห้อง

ภายใต้การเรียกร้องของโจวกุ้ยหลาน ได้ขุดบ่อข้างห้องครัวบ้านเดิมอีกหนึ่งบ่อ

วันนั้น โจวกุ้ยหลานกับโจวเหล่าไท่ไท่ทำอาหารมื้อใหญ่ เลี้ยงข้าวพวกคนทำงาน ถือเป็นการเสร็จสิ้นงานทั้งหมดแล้ว

ก่อนกลับ พวกหัวหน้าคนงานพวกนั้นต่างพูดกับพวกเขาว่า ต่อไปหากมีงานจะต้องเรียกพวกเขา

สวีชางหลินก็รับปาก แล้วพวกเขาก็ลงจากเขาไปอย่างเสียดาย

งานดีๆแบบนี้ จะไปหาที่ไหนได้อีก

พวกเขาได้กำไรมาอย่างมากจริงๆ

รอเมื่อคนพวกนี้ไปกันหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานเอาถุงเงินที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมา แล้วก็ยื่นให้กับโจวต้าซานที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่

มือโจวต้าซานราวกับถูกไฟดูด เอากลับคืนไปให้โจวกุ้ยหลาน

“นี่เจ้าทำอะไร?”

“ลุงใหญ่ ลุงกับพี่ชายผู้พี่ช่วยข้าขนาดนี้ สวนบ้านตนเองก็ไม่ได้ดูแล ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องซื้อเนื้อให้พวกท่านใดทาน”