บทที่ 226 ใครยั่วเขาอีกแล้ว

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 226 ใครยั่วเขาอีกแล้ว?

บทที่ 226 ใครยั่วเขาอีกแล้ว?

ถังหว่านเดินเข้าไปหาโจวอี้ด้วยสายตากังวล เธอจับมือโจวอี้ไว้ต่อหน้าทุกคน

ไม่ว่าเหตุการณ์ต่อไปจะบานปลายไปไกลแค่ไหน เธอจะเดินหน้าและถอยหลังไปพร้อมกับโจวอี้

แม้ว่ามันจะจบลงอย่างเลวร้ายแค่ไหน… เธอก็ยอม

“ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นอะไรหรอก” โจวอี้ยิ้มให้ถังหว่าน

“อืม”

คนหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ข้างหยางไค่รู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของโจวอี้ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะช่วยเหลือหยางไค่ อีกทั้งยังถอยห่างออกมาแทน

แต่ยังไม่ทันที่หยางไค่จะโทรหาพ่อของเขาเสร็จ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาและค่อย ๆ ช่วยเขาให้ลุกขึ้น

บางทีอาจจะเป็นเพราะชื่อพ่อของหยางไค่ที่มอบความกล้าหาญให้กับชายคนนั้น เขาช่วยหยางไค่และมองไปที่โจวอี้ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “ไม่ว่าแกจะเป็นใคร แต่บอกเอาไว้เลยว่าวันนี้แกซวยแล้วแหละ วันนี้จะเป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตของแก!”

“แกคือใคร?” โจวอี้ถามอย่างเฉยเมย

“แกไม่จำเป็นต้องรู้ว่าฉันเป็นใคร แกแค่ต้องรู้ว่าพ่อของพี่เฉียนสุ่ยเป็นหัวหน้าใหญ่ของหยางกรุ๊ปในเมืองซือซี และปู่ของเขาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลฮวงฟู่เมืองเซี่ยงไฮ้ แกน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ใช่ไหม? แกควรรู้ว่าตระกูลฮวงฟู่เป็นตระกูลผู้ฝึกยุทธ์โบราณ ดังนั้นแกเตรียมตัวรอการล้างแค้นได้เลย!”

“ตระกูลฮวงฟู่อีกแล้ว? ทำไมไอ้คนตระกูลนี้มันถึงอยู่ทุกหนทุกแห่งที่ฉันไปแบบนี้วะ?” โจวอี้ขมวดคิ้ว

เขาปล่อยตระกูลฮวงฟู่ไปก่อนหน้านี้เพราะเขาไม่ได้สูญเสียใด ๆ

แต่ในเวลาเพียงสองวันต่อมา เขาก็ได้พบกับคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฮวงฟู่อีกครั้ง เหตุการณ์แบบนี้มันไม่ต่างจากตอนที่เขาเจอเจิ้งเทียนเหอที่ตายแล้ว?

“เป็นไง? แกรู้จักตระกูลฮวงฟู่ใช่ไหม แกกลัวแล้วล่ะสิ?” ชายหนุ่มคนนั้นเย้ยหยัน

“กลัวเหรอ? โฮ่ โฮ่ ฉันกลัวจะตายอยู่แล้ว” โจวอี้หัวเราะเยาะ

จากนั้น เขาก็มองไปที่พนักงานหลายคนที่อยู่หลังเคาน์เตอร์และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ใครเป็นคนดูแลที่นี่?”

“ผม ผมเอง!” ชายวัยกลางคนตอบอย่างระมัดระวัง

“เตรียมอาหารที่ดีที่สุดให้พวกเรา แล้วเอามาตั้งโต๊ะที่นี่” โจวอี้สั่ง

“ค..ครับ”

“ไม่ต้องกังวล เราจะจ่ายแน่นอน” โจวอี้ยิ้ม

ใครสนใจเรื่องค่าอาหารตอนนี้กันล่ะ?

ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างขมขื่น

“โจวอี้ คุณ…” ถังจี้โจวลังเล

เขารู้สึกขอบคุณโจวอี้

ถ้าโจวอี้ไม่ก้าวออกมาหยุดยั้งคนของหยางเฉียนสุ่ย เขาคงถูกทุบตีไปแล้ว

เขาเคยถ่ายทำละครหลายเรื่องในเมืองภาพยนตร์ซือซี ดังนั้นเขาจึงรู้สถานการณ์นี้เป็นอย่างดี และเขารู้ดีเกี่ยวกับตระกูลหยางที่มีผู้นำตระกูลคือหยางเทียนเจิ้น ผู้โหดเหี้ยมและมากไปด้วยอิทธิพล

ลูกชายของหยางเทียนเจิ้นถูกทุบตี ดังนั้นเรื่องราวคงไม่มีทางจบอย่างสวยงามแน่

“อย่ากังวลไปเลยคุณถัง” โจวอี้ยิ้มอย่างสุภาพและโบกมือให้เกาชง จินหมิง และหลี่เป่าเอ๋อ “เมื่อตอนค่ำเรายังกินเลี้ยงกันไม่เสร็จ ไหน ๆ ตอนนี้ก็มาถึงที่นี่ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ดูดีเหมือนกันแล้ว เรามานั่งกินรอให้ผู้ปกครองของไอ้เด็กดวงซวยคนนี้มาถึงก่อนก็แล้วกัน”

“โจวอี้ ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ?” เกาชงถามอย่างกังวลใจ

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ไม่ต้องห่วง!” โจวอี้ยิ้ม

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เห็นว่าหลายคนลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะ

โจวอี้พอใจกับฉากนี้

การกระทำเช่นนี้ของทุกคนพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาเต็มใจที่จะร่วมชะตากรรมไปด้วยกัน

โจวอี้นั่งลงแล้วจุดบุหรี่สูบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ หลังจากโทรออก เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า “ตาเฒ่า ผมไม่ได้ยั่วยุคุณ แต่คุณยั่วยุผมอีกครั้งแล้ว คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าผมไม่กล้าทำลายตระกูลของคุณ?”

“ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ถ้าผมไม่เห็นคุณที่ภัตตาคารหอชมจันทร์ ทั้งตระกูลของคุณก็ล้างคอรอได้เลย!”

หลังจากโจวอี้พูดจบ เขาก็วางสายทันที

เซี่ยงไฮ้

ณ บ้านบรรพบุรุษของตระกูลฮวงฟู่

วันนี้พู่สีขาวถูกแขวนอยู่ทั่วคฤหาสน์ โลงศพมากกว่าโหลวางอยู่ในโถงประชุมที่ว่างเปล่า สมาชิกครอบครัวฮวงฟู่จำนวนมากสวมชุดไว้ทุกข์และมีสีหน้าที่เศร้าหมอง

ฮวงฟู่จินซุนกลายเป็นผู้นำตระกูลฮวงฟู่

เขาใช้กำลังอย่างรุนแรงเพื่อปราบปรามผู้สนับสนุนทั้งหมดของฮวงฟู่เหวินเยว่ ตอนนี้ในตระกูลฮวงฟู่ เขาคือคนเดียวที่มีสิทธิ์ชี้ขาด

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาถือโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าสับสนอย่างรุนแรง

ใครมันยั่วยุปีศาจน้อยคนนั้นอีกแล้ว?

หรือจะเป็นสมาชิกในตระกูลที่ไปแก้แค้น?

เป็นไปไม่ได้!

ฉันได้ออกคำสั่งไปแล้ว มันไม่ควรมีใครกล้าไปแก้แค้นเขาอีก! ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าไอ้คนคนนั้นด้วยตัวเอง!

ใครกันที่มันกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง? ใครกันที่อยากตาย?

“ฮวงฟู่เกาตงมาหาฉันเดี๋ยวนี้” ฮวงฟู่จินซุนตะโกนเสียงดัง

เกือบทุกคนในตระกูลฮวงฟู่ต่างได้ยินเสียงคำรามของฮวงฟู่จินซุน

ร่างที่รวดร็วเหมือนสายฟ้าวิ่งมาจากระยะไกล และในไม่ช้าก็ปรากฏตัวต่อหน้าฮวงฟู่จินซุน

“ลุงสอง มีอะไรหรือเปล่า” ฮวงฟู่เกาตงที่มีรูปร่างอวบใหญ่ถามอย่างเร่งรีบ

“รีบจัดเฮลิคอปเตอร์ให้ฉันเดี๋ยวนี้! ฉันจะต้องไปถึงภัตตาคารหอชมจันทร์ในเมืองภาพยนตร์ซือซีภายในห้าสิบนาที ฉันจะถลกหนังนายถ้าฉันช้าไปแม้แต่หนึ่งนาที!” ฮวงฟู่จินซุนตะโกนใส่

“ค..ครับ ได้ ผมจะรีบจัดการให้เดี๋ยวนี้!” ฮวงฟู่เกาตงรีบพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

และทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ “ลุงครับ เราจะไปกันกี่คน? ต้องการเฮลิคอปเตอร์กี่ลำ”

“แค่เตรียมให้ฉันสองที่นั่ง รีบไปจัดการ!”

“ครับ!”

ณ เมืองภาพยนตร์ซือซี

รถยนต์ลีมูซีนหรูสองคันและรถ SUV สุดหรูอีกสองคันหยุดอยู่หน้าภัตตาคารหอชมจันทร์

เมื่อประตูรถถูกผลักเปิดออก ชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่มีร่างกายใหญ่โตและใบหน้าดุดันก็วิ่งลงมา

หยางเทียนเจิ้นซึ่งดูมาดเนี๊ยบลงมาจากรถด้วยสีหน้าอึมครึม

ในไม่ช้า ชายร่างกำยำหลายสิบคนก็ล้อมรอบเขา และก้าวเข้าไปในประตูของภัตตาคารหอชมจันทร์ทันที

หลังจากที่หยางเทียนเจิ้นก้าวเข้ามาในภัตตาคาร เขาก็เห็นงานเลี้ยงในห้องโถง

ชายหญิงกินและดื่มอยู่เต็มโต๊ะ ส่วนลูกชายของเขา หยางไค่ กำลังยืนอยู่ไม่ไกล แก้มของเขาแดงและบวม และดูเหมือนจะมีรอยเท้าบนใบหน้าอีกต่างหาก

นอกจากนี้ ลูกน้องของหยางไค่อีกเจ็ดแปดคนที่มักจะติดตามลูกชายของเขาก็นอนกองอยู่ที่พื้นบ้าง หรือไม่ก็ยันตัวขึ้นมานั่งที่พื้นร้านอย่างน่าสังเวชบ้าง เห็นได้ชัดว่าเพิ่งโดนอีกฝ่ายกระทืบมา

“ใครรังแกลูกชายของฉัน ออกมานะ!” หยางเทียนเจิ้นตวาด

“พ่อ มันคนนั้น…” หยางไค่ชี้ไปที่โจวอี้ทันที

สายตาของหยางเทียนเจิ้นหันมองไปที่โจวอี้

เขาประทับใจเล็กน้อยในความกล้าหาญของโจวอี้ อีกฝ่ายทุบตีลูกชายของเขาและยังกล้าที่จะอยู่ที่นี่ต่อเพื่อรอเขามาถึง แถมยังจัดงานเลี้ยงกินดื่มกันอย่างเย่อหยิ่ง

แต่ความกล้าหาญแบบนี้ดูโง่เขลามากในสายตาของเขา

โจวอี้หันกลับมาแต่ยังคงรักษาท่านั่งของเขา

เขามองไปที่หยางเทียนเจิ้นและคนอีกหลายสิบคนที่อีกฝ่ายพามาด้วยก่อนจะถามว่า “คุณเป็นพ่อของไอ้เด็กเหลือขอปากไม่ดีคนนี้?”

“แกคือใคร?” หยางเทียนเจิ้นถามด้วยความโกรธ

“ผมเป็นใครงั้นเหรอ? ผมเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้มีอิทธิพลใหญ่โตอะไร” โจวอี้ยิ้ม

“แกกล้าทุบตีลูกฉัน แต่กลับไม่กล้าบอกตัวตนของตัวเองงั้นเหรอ?”