บทที่ 14 ความรักลึกล้ำแล้วจะทนไหวได้อย่างไร

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 14 ความรักลึกล้ำแล้วจะทนไหวได้อย่างไร

ทุกคนเห็นภาพนี้พากันงงเป็นไก่ตาแตก หยุนถิงนี่ช่างไม่รู้จักเหนียมอายเสียเลย กลับกระทำการเช่นนี้ต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท สตรีผู้นี้ช่างหน้าไม่อายเสียจริง

ถึงจวินซื่อจื่อจะหน้าตาหล่อเหลา รูปงามนัก แต่ก็เลื่องชื่อว่าอำมหิตร้ายกาจ เย็นชาไร้จิตใจ ดังนั้นสตรีมากมายในเมืองหลวงต่างชอบพอรักใคร่ใบหน้าจวินซื่อจื่อ แต่ไม่ยอมกระโดดเข้ากองไฟนี้ เพราะทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนลือกันว่าเขาอายุสั้น อยู่ได้อีกไม่กี่ปีแล้ว

หยุนถิงเองก็ไม่รู้ว่าโง่หรือเปล่า ยั่วยวนใครไม่ยั่ว ดันไปยุ่งกับจวินซื่อจื่อ และยังประกาศความรักใคร่ต่อหน้าทุกคนอีก นี่หาเรื่องตายรึ

ขนาดฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ ในใจแอบก่นด่าหยุนเซี่ยงว่าเลี้ยงลูกสาวมายังไง ช่างไม่รู้จักมารยาทเอาเสียเลย

แต่ฮ่องเต้ยิ่งสงสัยมากกว่าว่า จวินหย่วนโยวจะทำอย่างไร?

จวินซื่อจื่อที่สงบนิ่งไร้ความปรารถนามาตลอด จะหวั่นไหวกับหญิงอัปลักษณ์นางนี้จริงรึ?

อย่างไรซะใบหน้านั้นก็อัปลักษณ์เหลือใจ หากมิใช่เห็นแก่ที่นางช่วยเขาแก้ปัญหาเมืองหนานหยวน ฮ่องเต้คงให้คนไล่นางออกไปแล้ว

แม้แต่ตัวหยุนถิงเองยังแอบบ่นในใจเลยว่า เล่นเกินเลยไปหรือเปล่า น่ากลัวซื่อจื่อจะไม่รู้ว่าจุมพิตกอดอุ้มสูงๆแปลว่าอะไร ถ้าหมอนี่ปฏิเสธตน คงขายขี้หน้าน่าดูเลย

แต่ไม่เป็นไร เธอตั้งใจอยู่แล้ว เพื่อให้ฮ่องเต้เห็นความเพ้อบุรุษไร้มารยาทของตน แบบนี้เธอจะได้ปลอดภัยมากขึ้น

ไม่งั้นพอแก้ปัญหาที่ทั่วทั้งราชสำนักยังแก้ไม่ได้ แถมยังรู้อะไรควรมิควร มีไหวพริบ อีกทั้งไม่ใช่คนในราชวงศ์ ด้วยนิสัยขี้ระแวงของฮ่องเต้ น่ากลัวเธอจะอยู่รอดได้อีกไม่กี่วันกระมัง

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นเยียบ เก็บอารมณ์บนใบหน้าหยุนถิงเอาไว้หมด พอคิดถึงว่า เมื่อคืนนางช่วยลงเข็มให้ตนทั้งคืน จวินหย่วนโยวยิ้มมุมปากขึ้นมา

ท่ามกลางสายตาตกตะลึง รังเกียจและสงสัยของทุกคน จวินหย่วนโยวยื่นมือไปโอบหยุนถิง และจุมพิตแผ่วเบาที่ขมับนาง

“พอใจหรือไม่?”

หยุนถิงเองยังตะลึง ใบหน้านี้ดำหยั่งกับถ่าน และยังมีฝ้ากระ น่ารังเกียจจะตาย ขนาดตัวเธอเองยังทนดูไม่ได้เลย ซื่อจื่อผู้นี้รสนิยมแปลกขนาดนี้ นี่ยังหอมลงมาได้อีก

วินาทีนี้หยุนถิงนับถือความกล้าหาญของเขาจริงๆ

“พอใจ พอใจมากเลย วิชาบนเตียงของซื่อจื่อมิมีผู้ใดเทียบได้เลย ข้าชอบมาก” หยุนถิงแสร้งทำท่าขวยเขิน

คนอื่นล้วนหน้าแดงเรื่อด้วยความอาย และหันหน้าหนีไปตามๆกัน ไม่กล้ามองดูพวกเขา ต่างก่นด่าในใจว่า หยุนถิงช่างไร้ยางอายจริง

“แค่กแค่ก!” ฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ทนมองไม่ไหวแล้ว เขากระแอมสองที ตัดบทความกระอักกระอ่วนเงียบเชียบนี้

หยุนถิงผู้นี้ช่างหน้าหนานัก กล้าจุมพิตสนิทสนมกันเช่นนี้ต่อหน้าผู้คน และยังพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้อีก ช่างไร้ยางอายจริงๆ

จวินหย่วนโยวถึงปล่อยหยุนถิงออก พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “กระหม่อมและคุณหนูหยุนรักใคร่ชอบพอกัน เมื่อครู่เสียมารยาทไป ขอฝ่าบาทอย่าได้ถือสาเลย”

“ฮ่องเต้ ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเห็นซื่อจื่อแล้วตื่นเต้นมากไปหน่อย ที่เขาว่ากันว่าไม่พบหน้าหนึ่งวันราวจากกันสามฤดู หม่อมฉันไม่ได้เจอซื่อจื่อมาทั้งวันแล้ว คิดถึงยิ่งนัก ขอฝ่าบาทโปรดอภัยด้วย” หยุนถิงไม่ปกปิดความรักใคร่ของตนที่มีต่อซื่อจื่อเลยสักนิด

ฮ่องเต้เหล่มองทั้งคู่ด้วยสีหน้าเข้มงวด “ไร้ยางอาย ในท้องพระโรงพวกเจ้ายังกล้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวข้าลงโทษพวกเจ้ารึ?”

“ฝ่าบาท หม่อมฉันกับซื่อจื่อมิผิดนะเพคะ ว่ากันว่าสองคนรักใคร่กัน ความรักลึกล้ำแล้วจะทนไหวได้อย่างไร ตอนนี้พวกหม่อมฉันตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทมีตำหนักหลังสาวงามสามพันนาง ย่อมต้องมีสักผู้ที่ฝ่าบาทรักใคร่ด้วยใจจริงกระมัง” หยุนถิงถาม

ดวงตาดำขลับของฮ่องเต้หรี่ลง ในหัวมีภาพใบหน้างดงามสดใสนั้นผุดขึ้นมา ดวงตาทุ้มลึกนั่นมีประกายปวดร้าววาบผ่าน ทำให้ไม่มีแก่ใจถามต่อทันที

“ข้าเหนื่อยละ พวกเจ้าออกไปเถอะ” ฮ่องเต้แค่นเสียงเย็นใส่

“พ่ะย่ะค่ะ” หยุนถิงลากจวินหย่วนโยวออกไป คนอื่นก็ทยอยถอยออกไป

พอออกจากพระราชวัง ทั้งคู่ขึ้นรถม้า หยุนถิงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ซื่อจื่อ ฝ่าบาทมีคนที่ชอบรึ เมื่อครู่เขาดูแล้วปวดร้าวนัก?”

“ในตอนที่ฮ่องเต้เป็นไท่จื่อ เคยรักใคร่ชอบพอกับสตรีผู้หนึ่ง ต่างฝ่ายต่างชอบพอกัน ตอนนั้นไท่จื่อโดนศัตรูห้อมล้อม สตรีผู้นั้นไปช่วยเขาโดยไม่สนใจความเป็นตาย ทั้งสองคนผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน และได้ให้สัจจะสาบานต่อกัน ตอนนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนวาดหวังพวกเขาไว้ ต่างพากันอิจฉา น่าเสียดายที่โชคชะตาเล่นตลก

ฮ่องเต้คนก่อนพระราชทานสมรสให้ไท่จื่อกับองค์หญิงแห่งแคว้นเป่ยหลี ไท่จื่อยอมหักไม่ยอมงอ ฮ่องเต้คนก่อนจึงใช้ชีวิตครอบครัวสตรีผู้นั้นมาข่มขู่ เพื่อปกป้องนางไท่จื่อได้แต่รับปาก และรับปากว่าจะไม่พบหน้ากันตลอดชีวิต

ต่อมาฮ่องเต้คนก่อนสวรรคต ไท่จื่อขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่เขาทำคือตามหาสตรีนางนั้น สุดท้ายสตรีนางนั้นกลับบาดเจ็บสาหัสสลบไสล จนบัดนี้ยังไม่ฟื้นเลย ฮ่องเต้พร่ำเสาะหาหมอมีชื่อมากมายมาช่วยปลุกสตรีผู้นั้น แต่ก็ไร้ผล แต่ฮ่องแต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ ทุกปียังคงแปะประกาศเสมอ” จวินหย่วนโยวตอบ

หยุนถิงขมวดคิ้วบอก “บัดนี้ยังไม่ฟื้นเลย นั่นมิใช่เจ้าหญิงนิทรารึ”

ในยุคปัจจุบันเธอก็เคยเจอเจ้าหญิงนิทรามากมาย พวกที่โดนเธอรักษาก็ฟื้นขึ้นมาได้หมด สายตาหยุนถิงมีแววครุ่นคิดขึ้นมา ดูท่าเธอจะมีไพ่ตายเพิ่มอีกอย่าง วันไหนจะไปดูสตรีที่หมดสติผู้นี้เสียหน่อย

“วันนี้ตอนกลางวัน ข้ายังหมดสติ พ่อบ้านเป็นตัวแทนข้าไปมอบสินสอดที่จวนตระกูลหยุนแล้ว” จวินหย่วนโยวพลันเปิดปาก

“พ่อบ้านช่างทำงานว่องไวนัก งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็เข้าพิธีแต่งงานกัน ต่อไปข้าก็เป็นคนของท่านแล้ว ซื่อจื่อท่านต้องดีกับข้านะ” หยุนถิงประจบ

“ได้ พรุ่งนี้แต่งงานเจ้าต้องการสิ่งใดหรือไม่?” จวินหย่วนโยวถาม

“ไม่มีสิ่งใดต้องการ ซื่อจื่อท่านจัดการตามสมควรเถิด ข้าไม่ชอบพิธีการยุ่งยากเท่าไหร่”

“งั้นก็ทำทุกอย่างอย่างเรียบง่าย”

“ได้ มีซื่อจื่ออยู่ ข้าวางใจ ซื่อจื่อข้าง่วงแล้ว ขอหลับก่อน พอถึงบ้านแล้วเรียกข้าด้วยนะ” หยุนถิงหาวหวอดๆ เอนกายพิงมุมรถม้า

“ได้”

ไม่นาน หัวของหยุนถิงก็โอนเอนเหมือนนกน้อยผงกหัว ตัวโอนเอนซ้ายขวา เห็นนางจะหัวโขกกับหน้าต่างรถม้าอยู่แล้ว จวินหย่วนโยวยื่นมือออกไปโอบนางแผ่วเบา หยุนถิงจึงเอนพิงไหล่เขา

พอได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบาของนาง จวินหย่วนโยวพลันยิ้มมุมปากอ่อนๆ

สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอก แสร้งทำท่าเพ้อบุรุษต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ในพระราชวัง คงเพราะอยากจะลดทอนความสงสัยของฮ่องเต้ นางยังมีสิ่งน่าประหลาดใจมากเพียงใดให้กับตนอีกนะ

ทั้งที่รู้ว่านางแสร้งทำ จวินหย่วนโยวกลับยังเลือกที่จะช่วยนางเล่นละคร

จวินหย่วนโยวเหล่มองหยุนถิงที่เอนพิงไหล่ตนอยู่ ขนตางอนดุจปีกจั๊กจั่น ทั้งยาวและแน่นหนา ใบหน้าครึ่งหนึ่งดำเมี่ยม อัปลักษณ์ยิ่ง ปากน้อยจิ้มลิ้มสีลูกท้อ ประหนึ่งทาน้ำผึ้งไว้ ทำเอาจวินหย่วนโยวเหม่อลอย

พอคิดถึงที่หลิงเฟิงว่า เมื่อคืนนางนั่งอยู่ในถังน้ำกับตนทั้งคืน จวินหย่วนโยวพลันหายใจหนักหน่วง หูแดงเรื่อ ระหว่างก้มมองริมฝีปากสีชมพูนั้น ดวงตาจวินหย่วนโยวทุ้มลึก เขยิบเข้าใกล้อย่างไม่รู้ตัว

เพียงแต่เขาหยุดลงระหว่างที่ห่างจากหยุนถิงเพียงเสี้ยวเดียว ก่อนจะผงะออก

ตนกำลังทำอะไร เขามิใช่ว่าควบคุมได้ดีมากรึ เหตุใดจู่ๆถึงมีความคิดเช่นนี้ได้ จวินหย่วนโยวรู้สึกว่าตนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขารีบนั่งตัวตรง หลังตรงทันที

เขาไม่ได้เห็นว่า หยุนถิงที่หลับตานั้นแอบถอนหายใจโล่งอก