ตอนที่ 243 สะใภ้ที่รู้กัน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 243 สะใภ้ที่รู้กัน

วันศุกร์ เหลยโจวใช้โอกาสที่เฉิงซินกลับมาชวนมู่เถาเยากับปาอินมากินข้าวเย็นที่บ้าน

เฉิงซินจับมือมู่เถาเยา ยิ้มกว้างพลางพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ สูตรอาหารบำรุงของหนูได้ผลดีมาก พี่ไปทำงานต่างเมืองครั้งนี้ท้องไม่ผูกเลยจ้ะ”

เธอทำงานรัฐวิสาหกิจ มักต้องไปทำงานเมืองอื่นบ่อยๆ แบบที่ว่าทุกสามเดือนต้องไปทีครึ่งเดือน

เมื่อก่อนทุกครั้งที่ไปจะท้องผูก พอกลับมาก็ต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนถึงจะกลับสู่สภาวะปกติ

“อาการท้องผูกของพี่เฉิงไม่รุนแรง ขอแค่กินอาหารพักผ่อนปกติก็แก้ไขได้ง่ายค่ะ”

“อืม พี่ไปทำงานที่เมืองหลวงครั้งนี้มีของมาฝากเธอกับเสี่ยวอินด้วยนะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จจะหยิบให้จ้ะ”

มู่เถาเยากับปาอินพูดขอบคุณพร้อมกัน

เฉิงอันนั่วยิ้มถาม “ป้าครับ ของผมกับพี่ไม่มีเหรอ”

เฉิงซินเหล่มองลูกชายกับหลานชาย “โตเป็นหนุ่มกันแล้วทั้งสองคนยังจะเอาของฝากอะไรอีก ไม่อายเหรอ!”

เฉิงอันนั่วกับเหลยถิงมองหน้ากัน รู้สึกตกกระป๋องอย่างรุนแรง

ตอนที่อาจารย์อาเล็กยังไม่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเย่ว์ตู ทุกครั้งที่ป้ากลับจากไปทำงานต่างเมืองจะมีของมาฝากเขากับพี่ด้วย

นี่เพิ่งผ่านไปไม่นานก็เปลี่ยนไปแล้ว

“ของเสี่ยวเย่ว์ก็มี อาถิง พรุ่งนี้เอาไปให้เสี่ยวเย่ว์นะ จริงสิ วันนี้ทำไมไม่ชวนเสี่ยวเย่ว์มากินข้าวด้วยกันล่ะ”

แม้เธอจะไม่ชอบเด็กสาวที่นิ่งเฉยจนเกือบเย็นชาคนนี้ แต่อย่างไรเสียก็เป็นแฟนของลูกชาย ยังไงก็ต้องไว้หน้าอยู่บ้าง

เหลยโจวตอบแทนลูกชาย “หลักๆ คือผมอยากขอให้เสี่ยวเยาเยามาช่วยตรวจดูพ่อแม่และก็อาถิงน่ะ ถ้าเจียงเย่ว์มาเห็นเสี่ยวเยาเยารักษาอาถิง อาจคิดว่าอาถิงเจ็บป่วยแล้วจะ…”

ยังไม่ทันพูดจบ

เฉิงซินก็คิดต่อเอง ถ้าเจียงเย่ว์เห็นเสี่ยวเยาเยารักษาอาถิงอาจรังเกียจที่อาถิงไม่สบาย เดิมทีก็ไม่ได้ชอบลูกชายของเธอมากอยู่แล้ว…สามีก็เลยไม่ได้ชวนเจียงเย่ว์มาด้วย…

อืม พอคิดแบบนี้ไม่ชวนมาก็ดีแล้ว

หลี่อวี้เสวี่ยยิ้มพูด “พี่คะ ต่อไปไม่ต้องไปทำงานต่างเมืองแล้วไหมคะ”

“ไม่ต้องแล้วล่ะ อีกสามปีเกษียณ สอนงานคนมารับช่วงต่อจนเป็นกันแล้ว พี่จะค่อยๆ วางมือ”

“งั้นก็ดีค่ะ ต่อไปสุดสัปดาห์พวกเรานัดกันไปเที่ยวใกล้ๆ ได้”

“อืม”

เหลยโจวยิ้มพูด “ทุกคนคุยกันไปก่อนนะ ขอตัวไปทำกับข้าวก่อน”

เฉิงหราน “เดี๋ยวผมกับอันนั่วช่วยครับพี่เขย”

“เอาสิ”

ปาอินยกมือยืนขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ฉันก็ขอช่วยอีกแรงค่ะ”

เฉิงซินจับมือปาอินที่ยกอยู่ลง “เสี่ยวอินนั่งลง ปล่อยพวกเขาทำไป”

มู่เถาเยาก็พูดด้วย “เสี่ยวอิน เธอลองจับชีพจรคุณอาทั้งสองกับเหลยถิงดู”

“ได้เลย”

เสี่ยวเยาเยาจะสอนเธอ

ปกติเสี่ยวเยาเยายุ่งมาก อีกทั้งพวกเธอก็เรียนคนละสาขา อยากแลกเปลี่ยนความรู้ไม่ใช่เรื่องง่าย

ปาอินจับชีพจรให้สองผู้อาวุโสก่อน

“คุณอาทั้งสองสุขภาพดีมาก ไม่มีปัญหาใหญ่ ปัญหาเล็กก็น้อย…” บลาๆๆ พ่นศัพท์แพทย์ออกมาไม่หยุด

มู่เถาเยามองปาอินแล้วยิ้มไม่พูดอะไร

หลังจากปาอินพูดจบผู้อาวุโสทั้งสองก็พยักหน้า “ใช่ๆ เป็นแบบนั้นเลย”

มู่เถาเยาจับชีพจรให้ผู้อาวุโสทั้งสองอีกครั้ง พูดเสริมอีกหน่อย

“อ้อ เข้าใจแล้ว”

“เสี่ยวอิน เธอพูดถูกหมด สั่งยาก็ถูก ก็แค่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ยังมีแผนรักษาที่ดีกว่านั้น…”

มู่เถาเยาพูดเสริมในสิ่งที่ปาอินพูดไม่ครบ

“อืมๆ เข้าใจแล้ว”

“อาหรานเคยบอกอยู่ว่าเสี่ยวอินมีพรสวรรค์มาก” เฉิงซินยิ้มจนตาหยี

เธอกับเหลยโจวเหมือนกัน ต่างคิดว่าปาอินเป็นแฟนกับเฉิงอันนั่ว ก็เท่ากับเป็นคนในครอบครัว

ลูกหลานตัวเองมีความสามารถ นิสัยดี ผู้อาวุโสกว่าย่อมดีใจ!

ปาอินยิ้มหวาน รอยยิ้มดุจดอกกุหลาบที่บานสะพรั่งสองแก้ม

“เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ!” ย่าเฉิงมีสีหน้าเอ็นดู น้ำเสียงมีความสุข

เธอกับสามีก็คิดเหมือนกัน ชอบ ‘หลานสะใภ้’ คนนี้มาก

“ฮี่ๆ…”

ปาอินดีใจกับคำชมของผู้อาวุโส ไม่รู้เลยว่าคนครอบครัวเหลยกับครอบครัวเฉิงมองเธอเป็นสะใภ้ไปแล้ว

มู่เถาเยายิ้มมุมปาก “เสี่ยวอิน ลองตรวจเหลยถิงดูสิ”

“ได้เลย”

เหลยถิงเอามือวางบนหมอน

ปาอินจับชีพจรเสร็จก็มองมู่เถาเยา จากนั้นก็เลือกพูดในสิ่งที่พูดได้

คนครอบครัวเฉิงไม่สงสัยเป็นอื่น

มู่เถาเยาเปิดกล่องยาใบน้อยหยิบห่อเข็มออกมาแล้วพูดกับเหลยถิง “ฉันจะฝังเข็มให้นะ”

“ครับ”

เดิมทีเหลยถิงคิดว่าตัวเองหายแล้ว แต่มู่เถาเยาบอกจะฝังเข็มให้เขาก็ไม่ว่าอะไร

เพราะรู้อยู่แล้วว่าการรักษาด้วยวิธีโบราณใช้ระยะเวลานาน

สองครั้งก่อนที่ฝังเข็ม ครั้งแรกทำที่บ้าน คนเยอะ ไม่สะดวกถาม ครั้งที่สองทำในห้องทำงานของอาจารย์ปู่ แต่ติดตรงที่มู่เถาเยาต้องไปเรียน เขาทำเสียเวลาไม่ได้ เลยยังไม่ได้รู้เลยว่าร่างกายตัวเองมีปัญหายังไงกันแน่

แต่อาจารย์อาเล็กไม่พูด แสดงว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

มู่เถาเยาพูดกับปาอินขณะที่ปักเข็ม “เสี่ยวอิน ดูให้ดีนะ ถ้าไม่เข้าใจก็จดไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยถามอีกที”

“อือๆ”

มู่เถาเยาตั้งใจฝังเข็ม

หลังจากปักเข็มหมดปาอินก็พยักหน้า “เข้าใจหมดแล้ว”

“อืม”

พิษชนิดนี้แก้ง่ายมาก

ใช้ยาแก้ก็ได้ แต่ฝังเข็มเห็นผลเร็วกว่า

อีกทั้งเธอยังต้องควบคุมเวลาให้ดี พรุ่งนี้เหลยถิงเอาของฝากไปให้เจียงเย่ว์ต้องแสดงอาการหลังจากถูกพิษด้วย

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงมู่เถาเยาก็ดึงเข็มออก

เหลยถิงรู้สึกปั่นป่วนในท้อง

พูดขอโทษกับทุกคนเสร็จก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสองไปห้องตัวเอง

เฉิงซินเห็นลูกชายรีบร้อนก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ “เสี่ยวเยาเยา อาถิงเป็นอะไรไปเหรอ”

“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เหลยถิงแค่ไปขับพิษออกในห้องน้ำ คุณภาพอากาศในเมืองหลวงแย่มาก เขาอยู่ที่นั่นมาสิบปี สะสมพิษในร่างกายอยู่ไม่น้อย อีกไม่กี่วันฝังเข็มอีกครั้ง หลังจากนั้นพิษก็จะถูกขับออกหมดค่ะ”

“อ้อ”

มู่เถาเยาเก็บเข็ม กลับไปค่อยฆ่าเชื้อ

ทุกคนคุยกันประมาณสิบห้านาทีเหลยถิงก็ลงมาจากชั้นบน

ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย ร่างกายมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ

ทุกคนรู้ว่าเขาไปห้องน้ำมา ฉีดน้ำหอมก็เพื่อดับกลิ่นไม่พึงประสงค์

“อาจารย์อาเล็กครับ ผมรู้สึกตัวเบาขึ้นเยอะเลยครับ”

ดวงตาดำขลับของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม “อีกไม่กี่วันจะฝังให้อีกครั้ง จากนั้นก็กินอาหารบำรุงตามคนในบ้านสักระยะก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมแล้ว”

“ขอบคุณครับอาจารย์อาเล็ก”

“ไม่เป็นไร ทำงานที่บริษัทเฟิงโถวมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วเป็นยังไงบ้าง”

“สภาพแวดล้อมดีครับ เพื่อนร่วมงานจริงใจ ดีกว่าตอนอยู่เมืองหลวงที่เจอเพื่อนร่วมงานชอบทำตัวเกรงใจห่างเหินเยอะเลยครับ”

“เมืองหลวงกับเย่ว์ตูไม่เหมือนกันจริงๆ”

เฉิงซินยิ้มพูด “ใช่ไหมล่ะ ตอนนั้นบริษัทจะส่งพี่ไปอยู่เมืองหลวงแต่พี่ไม่ไป เมืองเย่ว์ตูของเราบรรยากาศดี น้ำดี คุณภาพอากาศก็ดี ผู้คนเป็นมิตร คนอื่นยังอยากมาอยู่เลย แล้วทำไมเราจะต้องไปอยู่ที่อื่นด้วย”

ปาอินพยักหน้า แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเห็นด้วย “คนในเผ่าเราไม่ชอบไปอยู่ข้างนอก มีไปเที่ยวบ้างชั่วคราว แต่ถ้าให้อยู่ยาวก็ไม่เอาค่ะ”

เหลยถิงยิ้ม “เผ่าหมาป่าพระจันทร์เป็นสถานที่ที่ดี”

‘เป็นแฟน’ ของน้องชายเขา เขาไม่มีทางไม่รู้ว่าปาอินมาจากเผ่าหมาป่าพระจันทร์

“ใช่แล้ว เผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราดีมาก”

หลี่อวี้เสวี่ยแกล้งถาม “เสี่ยวอินชอบประเทศเหยียนหวงไหม”

“ชอบค่ะ” เพราะที่นี่มีเจ้าหญิงน้อยของเผ่า!

คนประเทศเหยียนหวงดีต่อเจ้าหญิงน้อย เธอเลยชอบ!

“งั้นก็ดีจ้ะ”

หลี่อวี้เสวี่ยกับเฉิงซินมองหน้ากัน ยิ้มอย่างมีเลศนัย