ตอนที่ 244 งอนจนหน้าแดง
วันเสาร์หลังจากกินข้าวกลางวันกับทุกคนที่ตำหนักพระจันทร์เสร็จ มู่เถาเยาก็จะให้เหลียงจีไปส่งลู่จือฉินที่เมืองฉินตู
ลู่จือฉินปฏิเสธ บอกว่าตัวเองซื้อตั๋วเครื่องบินไว้แล้ว แค่ไปส่งที่สนามบินก็พอ
กู่ย่ายิ้มอย่างอ่อนโยน “จือฉิน พี่กับพี่ชายเธอจะไปส่งที่สนามบินนะ”
“ได้ค่ะ”
มู่เถาเยา “หนูไปด้วยค่ะ”
“เสี่ยวเยาเยาพักผ่อนอยู่ที่บ้านดีกว่า” ลู่จือฉินปฏิเสธเธออีกครั้ง
ในบรรดาพวกเขาไม่มีใครยุ่งเท่าลูกศิษย์คนเล็กอีกแล้ว
อยู่ด้วยกันมาหนึ่งสัปดาห์ ลู่จือฉินได้รู้ว่ามู่เถาเยามีเวลาให้ตัวเองน้อยมาก
มู่เถาเยามักคอยช่วยคนอื่นอยู่ตลอด ราวกับว่าไม่มีเรื่องของตัวเอง แต่กลับดูมีความสุขมากที่เป็นแบบนี้ เธอจึงไม่อยากพูดอะไร
เด็กคนนี้เมื่อชาติก่อนก็คอยห่วงขุนนางประชาชน มาชาตินี้ก็พกความเคยชินนี้มาด้วย
มู่เถาเยาทำปากจู๋อย่างไม่รู้ตัว
อาจารย์ไม่ให้เธอไปส่ง งอนแล้วนะ…
ทุกคนมองเด็กสาวที่งอนตุ๊บป่อง หน้าแดงน่ารักไปหมด
เห็นเธอมีสีหน้าแบบนี้ได้ยากมาก!
ลู่จือฉินหยิกแก้มป่องของลูกศิษย์ “อาจารย์ว่าเดี๋ยวคงมีคนมาหาเธอ”
เมื่อคืนหลังกลับมาจากบ้านเหลยถิงเสี่ยวเยาเยาก็เล่าเรื่องครอบครัวเฉิงให้เธอฟัง
ถ้าเจียงเย่ว์เห็นอาการ ‘ถูกพิษ’ ของเหลยถิงแล้วไม่รู้ว่าเธอจะจัดการอย่างไร
“เจียงเย่ว์คงไม่มาหาหนูตอนนี้หรอกค่ะ เพราะเธอรู้ว่าเหลยถิงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต”
ลู่จือฉิน “งั้นเธอก็อยู่บ้านคัดลอกตำราไป”
“…ก็ได้ค่ะ”
เธองานยุ่งมาก ยังคัดลอกตำราโบราณพวกนั้นไม่เสร็จ
“เด็กดี อาจารย์จะกลับมาก่อนสุดสัปดาห์หน้า พอถึงตอนนั้นจะไปเยี่ยมแม่ของหันซูที่หมู่บ้านตงจี๋พร้อมเธอด้วย” ถือโอกาสดูโถดอกท้อด้วย
นึกไม่ถึงว่าของแบบนี้จะมาปรากฏที่นี่
แต่ก็ไม่แปลก ขนาดเสี่ยวเยาเยายังเจอจดหมายของเธอ ของเล่นของเยี่ยนหัง จะมีอะไรอีกก็ปกติ
“ค่ะ” มู่เถาเยาทำได้เพียงพยักหน้า
ทุกคนมองส่งกู่ย่ากับอาจารย์อาเล็กออกไปส่งลู่จือฉิน จากนั้นก็กลับเข้าบ้าน
เฉิงอันนั่ว “อาจารย์อาเล็กครับ ทางพี่ชายผมยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร”
“ไม่รีบ เหลยถิงต้องอดทนไว้แน่นอน แต่เจียงเย่ว์ดูออกแน่ๆ”
“เจียงเย่ว์มองออกก็น่าจะถอนได้หรือเปล่า เธอจะช่วย ‘ถอนพิษ’ ให้พี่ชายผมไหมครับ”
“ตอบยาก”
ศิษย์พี่หญิงห้าชิงหลิน “พิษกลับสู่ถิ่นถอนง่ายมาก ใครก็ตามที่มองออกย่อมถอนพิษได้ เสี่ยวเยาเยา เจียงเย่ว์มีพรสวรรค์ขนาดไหน”
เนื่องจากเรื่องเกี่ยวพันถึงเจียงจี๋ มู่เถาเยาจึงเล่าให้ศิษย์พี่หญิงห้าและศิษย์พี่หกรู้ด้วย
“คนที่ถึงขั้นไปแข่งทักษะทางการแพทย์ระดับนานาชาติได้ย่อมไม่ธรรมดา ขอแค่เธอไม่เดินทางผิดย่อมมีอนาคตที่สดใส”
ศิษย์พี่หกขมวดคิ้วพูด “กลัวแค่เธอจะเอาอย่างพ่อ”
มู่เถาเยายิ้ม “ดูท่าทางเธอจะเหมือนแม่มากกว่านะคะ”
หลี่อวี้เสวี่ย “เหมือนแม่ก็ไม่ดี ความคิดซับซ้อน เดาทางยาก หากเดินทางที่ถูกยังไม่น่ากลัว แต่ถ้าความคิดบิดเบี้ยวอาจมีคนต้องซวย”
คนยิ่งเก่ง หากจิตใจไม่สะอาดก็ยิ่งเป็นภัยต่อสังคม
ลึกๆ แล้วมู่เถาเยาก็ไม่ชอบเจียงเย่ว์ แต่ก็ต้องมองเป็นกลาง จะเอานิสัยส่วนบุคคลมาตัดสินดีร้ายไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นดีร้ายก็ยากที่จะจำแนก
คนดีบางคนก็เคยทำเรื่องชั่ว คนเลวบางคนก็ทำเรื่องดีได้
เฉิงอันนั่ว “อาจารย์อาเล็ก ไม่งั้นผมโทรหาพี่ดีไหมครับ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ถ้าเขาไม่มาหาพวกนาย พวกนายก็ไม่ต้องไปหาเขา ตอนเย็นไปกินข้าวบ้าน เหลยถิง ถ้าเหลยถิงพาเจียงเย่ว์กลับไปก็จะลองหยั่งเชิงได้พอดี”
ครอบครัวเฉิงหรานสามคนพยักหน้า
“งั้นอาจารย์อาเล็กไปด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ไปล่ะ ตอนบ่ายตี้อู๋เปียนกลับมา ตกลงกันแล้วว่าจะกินข้าวเย็นด้วยกัน”
“…อาจารย์อาเล็ก เอ่อ…คือ…”
“อะไรเหรอ”
“คุณชายเล็กตระกูลตี้…คือ…อาจารย์อาเล็ก…”
มู่เถาเยาไม่เข้าใจ
“นายพูดเรื่องอะไร”
เฉิงอันนั่ว “…คือโรคของเขารักษาให้หายได้ไหมครับ”
เดิมทีไม่ได้อยากถามเรื่องนี้ แต่พอสบกับดวงตากลมโตสุกใสของอาจารย์อาเล็กเขาก็พูดไม่ออก
สัปดาห์ก่อนตอนอยู่หมู่บ้านเถาหยวน เขาไปเจอความลับที่ยิ่งใหญ่เข้า…
มู่เถาเยาไม่เข้าใจว่าทำไมเฉิงอันนั่วถามเรื่องนี้ต้องทำตัวอึกอัก แต่ก็ตอบเขา
“ถ้าไม่มีหญ้าพิษชีวิตก็หายยาก อย่างน้อยตอนนี้พวกเราก็ไม่มีวิธีอื่น เรื่องหาสมุนไพรต้องมอบให้เป็นหน้าที่เขา รอฉันปิดเทอมหน้าร้อนค่อยไปลองหาที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ดูอีกที”
เฉิงอันนั่วตอบอ่อ
ถ้ารักษาให้หายได้ คุณชายเล็กตระกูลตี้ก็ดูคู่ควรกับอาจารย์อาเล็กของเขา
มู่เถาเยาหันไปมองชิงหลิน สายตาหยุดที่ท้องที่ยังไม่ค่อยนูนของเธอ ยิ้มมุมปาก “ศิษย์พี่ห้านอนกลางวันสักหน่อยสิคะ”
อีกไม่นานเยี่ยจั๋วก็ออกมาแล้ว
อืม รออีกแค่เจ็ดแปดเดือนเอง ไม่นานมาก
ศิษย์พี่หญิงห้ายิ้ม “เสี่ยวเยาเยา พี่กลับไปค่อยนอนดีกว่า เดี๋ยวคุณชายเล็กตระกูลตี้ก็กลับมาแล้ว”
“กลับมาก็กลับมาสิคะ คนกันเองทั้งนั้น ตอนเย็นกินข้าวด้วยกัน”
ใช่ สถานะของคนตระกูลตี้ในใจเธอเลื่อนเป็นคนกันเองแล้ว ไม่ต้องเกรงใจกันเพราะเห็นแก่หน้าอาจารย์ใหญ่อีก…
หลี่อวี้เสวี่ย “เสี่ยวเยาเยา พวกเรากลับให้หมดดีกว่า ตอนนี้พอมีเวลาอยู่บ้าง เธอพักผ่อนนะ”
เฉิงหราน “นั่นสิ พี่จะกลับไปคัดลอกตำราด้วย”
ศิษย์พี่หกเว่ยฉางหย่วน “ของพี่เหลืออีกนิดหน่อย”
เฉิงอันนั่ว “ผมก็เหมือนกัน ปาอินเธอคัดลอกเสร็จหรือยัง”
ปาอิน “ยังเลย เดี๋ยวฉันจะไปคัด คัดที่นี่แหละ”
มู่เถาเยา “ก็ได้ค่ะ งั้นพรุ่งนี้เที่ยงมากินข้าวแล้วไปเที่ยวฟาร์มของตี้อู๋เปียนด้วยกัน ตอนบ่ายพวกเราย่างแพะทั้งตัวกินที่นั่น”
ศิษย์พี่หก “เสี่ยวเยาเยา ใช่ฟาร์มเทียนหรานที่อยู่ชานเมืองเซิ่งตูหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“ที่แท้ก็เป็นฟาร์มของคุณชายเล็กตระกูลตี้! มิน่าถึงปิดส่วนตัว!”
กู่เย่ว์พี่สะใภ้หกพูด “เสี่ยวเยาเยาจ๊ะ พรุ่งนี้เที่ยงพวกเราไม่มากินข้าวดีกว่า เธอโทรบอกล่วงหน้านะ พวกเราจะออกจากบ้านตรงไปเลย”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ”
หลี่อวี้เสวี่ย “งั้นพวกเรากลับนะ เดี๋ยวพี่โทรบอกทางอาจารย์อาเล็กให้”
“ค่ะ”
พอส่งพวกศิษย์พี่กลับไปแล้ว มู่เถาเยา เหลียงจี และปาอินก็ไปห้องหนังสือ
สองคนคัดลอกตำรา หนึ่งคนอ่านหนังสือ จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
พอเห็นเป็นเบอร์ของตี้อู๋เปียน มู่เถาเยาก็รู้ว่าเขากลับมาแล้ว
กดรับ
“กลับมาแล้วเหรอตี้อู๋เปียน”
“…”
“ได้ เดี๋ยวพวกเราไป”
“…”
วางสาย มู่เถาเยาให้เหลียงจีกับปาอินไปด้วยกัน
สองสาวก็ถือว่าคุ้นเคยกับคนตระกูลตี้ จึงไม่เกรงใจ
ตอนที่พวกเธอไปถึงบ้านตระกูลตี้ คนในบ้านก็ทยอยเอาของกลับมาจากลานจอดเครื่องบินทีละคันรถ
“ทำไมขนมาเยอะอีกแล้วล่ะ ตอนพวกเรากลับมาก็ขนมาเยอะแล้วนะ”
มุมปากของตี้อู๋เปียนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่งดงาม “ตอนพวกเธอกลับมาส่วนใหญ่ขนแต่ของที่อากับพี่ใหญ่ของเธอต้องเอากลับเผ่า ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้พวกศิษย์พี่ของเธอ ตอนนี้ไม่น่ามีเหลือในบ้านแล้ว”
มู่เถาเยา “…ก็ได้”
ตี้อู๋เปียนพูดถูก ในบ้านไม่มีแล้ว
“เดี๋ยวกินข้าวเย็นเสร็จค่อยเอากลับไปนะ”
“อืม”
หายไปคนหนึ่ง ตี้อู๋เปียนถาม “ซาลาเปาน้อย อาจารย์สามของเธอกลับฉินตูแล้วเหรอ”
มู่เถาเยาพยักหน้า “กินข้าวกลางวันเสร็จก็ไปสนามบินแล้ว”
“ต้องส่งของไปให้หน่อยไหม”
“เดี๋ยวตอนเย็นฉันลองถามดู”
“อืม”
พ่อบ้านจงยิ้มกว้างเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งสองคน “คุณชายเล็ก เสี่ยวเยาเยา พวกเราไปดื่มน้ำชายามบ่ายที่ห้องรับแขกกันดีกว่าครับ”
“อืม”