บทที่ 238 ว่ากันไปตามสถานการณ์

พลิกชะตาหมอยา

เฟิ่งชิงหัวได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้ว และไม่ได้คัดค้านคำพูดของฮองเฮา เพียงแค่จ้องมองการเคลื่อนไหวระหว่างสองคน

เห็นได้ชัดว่าวันนี้เจียงหยูหวันมาเพื่อแสดงออกกับฮองเฮาว่าตนมีใจที่จะเกี่ยวดองกับทางองค์รัชทายาท และเห็นได้ว่าฮองเฮาเองก็สัมผัสได้ หรือพูดได้ว่า สิ่งที่ทำให้เจียงหยูหวันมีความคิดเช่นนี้ เป็นเพราะว่าเมื่อก่อนหน้านี้ฮองเฮาได้ส่งสัญญาณบางอย่างกับนาง วันนี้นางจึงได้ถือโอกาสในการถวายถุงหอมเพื่อตอบตกลง กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบเข้ากับตอนที่ฮองเฮาคิดจะดึงองค์หญิงซีหลันเข้ามาเป็นพวกพอดี

เฟิ่งชิงหัวยิ้มอ่อน ๆ วันนี้นาง มาได้ถูกเวลาจริง ๆ

เจียงหยูหวันได้ยินดังนั้น ก็ได้ยิ้มให้กับองค์หญิงซีหลันอย่างอ่อนโยนพร้อมกล่าว: “องค์หญิงซีหลัน ที่จวนข้ามีตำรับยาสำหรับการบำรุงผิวพรรณหน้าตาอยู่ พอใช้ได้ผลกับบาดแผลที่อยู่บนใบหน้า ไม่ทราบว่า พระองค์……”

เจียงหยูหวันยังไม่ทันจะกล่าวจบ เฟิ่งชิงหัวก็ได้เอ่ยตัดอย่างหมดความอดทน: “เอาของมาให้ข้าลองใช้มั่วซั่ว เจ้าอยากให้ข้าเสียโฉม จะได้หมดคู่แข่งไปอีกคนใช่หรือไม่? ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ต่อให้ข้าไม่พึ่งพาใบหน้าของข้าก็ยังเหนือกว่าเจ้าอีกมาก”

สีเลือดบนแก้มเจียงหยูหวันได้หายไปจนหมด มองดูองค์หญิงซีหลันที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เมื่อก่อนเข้ามาในวัง นางก็เคยพบเจอองค์หญิงซีหลันอยู่สองสามครั้ง แม้จะรู้สึกว่าค่อนข้างเย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ไม่ไว้หน้านางเหมือนดั่งในตอนนี้ วันนี้ทำไมถึงได้

เจียงหยูหวันมิใช่คนโง่เขลา เมื่อสักครู่ตอนที่นางเข้ามาพบว่าองค์หญิงซีหลันอยู่ในตำหนักของฮองเฮา นอกจากนี้แล้วทั้งสองคนยังมีท่าทางสนิทสนมกันมาก ซึ่งนั่นได้ทำให้นางระมัดระวังยิ่งขึ้น ที่เป็นฝ่ายเข้าหาองค์หญิงซีหลันอย่างเป็นมิตรก่อน เพียงเพราะทำให้ฮองเฮาดูเท่านั้น นางมีคุณสมบัติที่จะเป็นพระชายาองค์รัชทายาทอย่างแน่นอน และไม่ได้มีความรู้สึกอิจฉาริษยาหญิงอื่น แต่กลับคิดไม่ถึงว่า คนผู้นี้ จะไร้มารยาทเช่นนี้

“องค์หญิงซีหลัน นี่ท่านหมายความเช่นไร ข้าหวังดีกบท่าน ท่านกล่าวหาข้าเช่นนี้ได้อย่างไร ต่อให้พวกท่านคนเป่ยเว่ยปากไวตรงไปตรงมา แต่ที่นี่คือเทียนหลิง ท่านก็ควรที่จะให้เกียรติเทียนหลิงของเราบ้างมิใช่หรือ? ไม่กลัวว่ามันจะทำลายภาพลักษณ์องค์หญิงของท่านหรืออย่างไร!”

เจียงหยูหวันกล่าวไป สายตาก็แอบเหลือบมองฮองเฮาเหนียงเหนียง พบว่านางเองก็กำลังขมวดคิ้วมององค์หญิงซีหลัน ภายในใจก็รู้สึกได้ใจ

เจียงหยูหวันกล่าวต่อไป: “องค์หญิงซีหลัน ข้าไม่รู้ว่าคู่แข่งที่ท่านกล่าวนั้นหมายความว่าอย่างไร ข้าไม่เคยคิดที่จะแข่งกับท่านเลย สิ่งที่ข้าต้องการ คือสิ่งที่ควรจะเป็นของข้าอยู่แล้ว ถ้าหากมีสิ่งใดที่ข้าต้องการจริง ๆ เช่นนั้นข้าจะต้องได้มันมาโดยอาศัยความสามารถของข้าเป็นแน่ แต่ไม่ใช่เพราะใช้วิธีต่ำช้าอย่างที่ท่านว่า”

กล่าวไป น้ำเสียงของเจียงหยูหวันก็ได้สะอื้นขึ้นมา ขอบตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้า ด้วยท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนไม่ยอมให้น้ำตาไหลลงมา

ฮองเฮาเหนียงเหนียงรีบเอ่ยปลอบใจขึ้นมา: “หวันเอ๋อร์มานี่ มาหาข้ามา องค์หญิงซีหลันกล่าวหนักจนเกินไป เห็นเจ้าเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”

กล่าวไป ฮองเฮาก็มองไปทางเฟิ่งชิงหัว: “องค์หญิงซีหลัน ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บใบหน้าเสียโฉมจึงอารมณ์ไม่ดีนัก แต่ก็จะคาดเดาไปเองว่าหยูหวันเป็นคนเช่นนั้นไม่ได้ นางเป็นสตรีที่ดีพร้อมคนหนึ่ง ข้าทราบเป็นอย่างดี นางคนนี้น่ะ เป็นมิตรจนเกินไป เห็นว่าบาดแผลบนใบหน้าของเจ้ายังไม่หายดี ก็เลยคิดอยากจะช่วยเจ้าน่ะ”

เฟิ่งชิงหัวกล่าวด้วยความดื้อรั้น: “ความหมายของฮองเฮาเหนียงเหนียง ข้าควรที่จะกล่าวขอโทษนางเช่นนั้นหรือ? เรียนถามเหนียงเหนียง มีประโยคไหนที่ข้าพูดผิดหรือไม่?”

ฮองเฮาได้ยินนางแทนตนว่าข้าต่อหน้าตนเอง ก็รู้สึกไม่พอใจนัก

หากไม่ใช่เพราะจำได้ว่ารัชทายาทเคยบอกกับตนเอาไว้ว่าต้องการผูกมิตรกับองค์หญิงซีหลัน เพื่อเพิ่มอิทธิพล ตอนนี้นางคงไล่องค์หญิงซีหลันออกไปแล้ว

“องค์หญิงซีหลัน คำพูดนี้ของเจ้าไม่ถูกกระมัง เมื่อครู่ข้าได้ยินอย่างชัดเจน เป็นเจ้าที่กล่าวให้ร้ายก่อน ข้าเพียงแค่ว่ากันไปตามสถานการณ์เท่านั้นเอง”

“ว่ากันไปตามสถานการณ์เช่นนั้นหรือ?” เฟิ่งชิงหัวยิ้มเยาะ ปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนเสื้อผ้าของตนเอง การเคลื่อนไหวของนางสูงส่งเยือกเย็น แฝงไปด้วยความสูงศักดิ์

ได้ยินนางกล่าวขึ้น: “เช่นนั้นข้าก็จะกล่าวตามตรง ฮองเฮาเหนียงเหนียงมีใจอยากให้ข้าอภิเษกกับองค์รัชทายาท มีเรื่องเช่นนี้อยู่ใช่หรือไม่?”

ฮองเฮาเหนียงเหนียงใบหน้าแข็งทื่อ มองดูเจียงหยูหวันแวบหนึ่ง จึงได้แต่กัดฟันพยักหน้า: “มีเรื่องนี้จริง แต่ก่อนหน้านี้ข้าก็ได้กล่าวแล้ว โอรสของข้าเป็นถึงรัชทายาท เป็นผู้ที่จะขึ้นครองบัลลังก์ในวันหน้า จะมีพระชายาเพียงคนเดียวไม่ได้”

แต่พระชายาองค์รัชทายาทมีเพียงคนเดียว มิใช่หรือ? เหนียงเหนียงจะให้ข้านั่งบนตำแหน่งนี้หรือจะให้สตรีที่มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับผู้อื่นมานั่งตำแหน่งนี้หรือ?”

“มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับผู้อื่น? เจ้าพูดถึงหยูหวันหรือ? เนไปไม่ได้” ฮองเฮาส่ายศีรษะด้วยสัญชาตญาณ นางได้สืบมาตั้งแต่แรกแล้ว เจียงหยูหวันมีนิสัยอ่อนโยน ใจกว้าง และไม่มีความใกล้ชิดกับบุรุษภายนอก บวกกับที่ตระกูลเจียงอยู่ในจารีตมาตลอด หากไม่มีโฉมหน้าของหนานกงเยว่หลี สตรีอันดับหนึ่งของเทียนหลิงคงเป็นเจียงหยูหวันอย่างแน่นอน

หลังจากที่เจียงหยูหวันได้ยินคำพูดขององค์หญิงซีหลันน้ำเสียงของนางก็โศกเศร้าลง: “องค์หญิงซีหลัน หม่อมฉันทราบว่าพระองค์มีฐานะสูงสิ่ง ต้องการจะเป็นพระชายาองค์รัชทายาท แต่ท่านก็จะเหยียบย่ำข้าเช่นนี้ไม่ได้ หม่อมฉันไปมีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หากท่านอธิบายไม่ชัดเจน หม่อมฉัน วันนี้หม่อมฉันจะไม่ยอมง่าย ๆ แน่”

เจียงหยูหวันมองไปทางฮองเฮาและกล่าว “เหนียงเหนียง ท่านพ่อและท่านย่าของหยูหวันสั่งสอนหยูหวันมาโดยตลอด เป็นคนตรงยืดอกตรง อย่าได้มีปากเสียงกับผู้อื่นเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่ว่า แต่ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงชื่อเสียงของหม่อมฉัน หยูหวันยอมทนมิได้จริง ๆ เพคะ ถ้าหากองค์หญิงซีหลันดึงดันจะสาดโคลนหม่อมฉัน หม่อมฉันคงได้แต่ชนเสาปลิดชีพอยู่ตรงนี้ แปดเปื้อนตำหนักของพระองค์ ขอพระองค์อย่าได้กล่าวโทษ หากท่านย่าถามเข้า ขอเหนียงเหนียงทรงช่วยบอกกับท่านย่าว่าหยูหวัน ผิดต่อคำสั่งสอนของท่านย่า”

เฟิ่งชิงหัวฟังคำพูดนี้ของนาง แล้วเกาหูอย่างหมดความอดทน รู้สึกเพียงว่าเจียงหยูหวันผู้นี้ก็คือแม่ดอกทองดี ๆ นี่เอง

หากกล้าทำกล้ารับ นางยังจะนับถือนางอยู่บ้าง ในเมื่อจนถึงตนนี้นางยังคงตีหน้าซื่ออยู่ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่นางไม่อ่อนโยนต่อสตรีก็แล้วกัน

“คุณหนูเจียง จะให้ข้าพูดออกมาจริง ๆ หรือ? หลังจากที่พูดออกมา ต่อจากนี้ไปคุณหนูเจียงอาจจะไม่มีหน้าไปพบผู้อื่นจริง ๆ ต้องชนเสาปลิดชีพอยู่ตรงนี้จริง ๆ ถึงตอนนั้นอย่างหาว่าข้าไม่คำนึงถึงชีวิตคน”

เจียงหยูหวันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องที่ตนทำนั้นไม่มีผู้ใดรับรู้ เมื่อได้ฟังคำพูดของซีหลันก็กล่าวขึ้นมาด้วยความโมโห: “ถ้าเช่นนั้น หากเรื่องราวถูกเปิดเผย ความจริงแล้วเป็นองค์หญิงที่ใส่ร้ายข้า ควรจะทำเช่นไรหรือ?”

เฟิ่งชิงหัวยิ้มกล่าว: “หากข้าให้ร้ายเจ้าจริง เช่นนั้นข้าจะคลานออกไปจากตำหนักแห่งนี้ แต่ถ้าหาก คุณหนูเจียงเป็นอย่างที่ข้ากล่าวจริง ไม่รักนวลสงวนตัว แล้วเจ้าจะทำเช่นไร?”

“เช่นนั้นข้าก็จะเอาศีรษะชนปลิดชีพตัวเองอยู่ที่นี่เสีย”

“แปะ ๆ ๆ ……” เฟิ่งชิงหัวปรบมือ ยิ้มจนตาหยี ยิ้มอย่างสดใสเป็นพิเศษ แม้มีผ้าปิดหน้าอยู่ยังงดงามจนสะเทือนถึงวิญญาณ

ฮองเฮาเห็นทั้งสองคนทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนั้น ก็รีบกล่าวขึ้นมา: “เหตุใดถึงได้จริงจังเช่นนี้เล่า ต่างก็เป็นสตรีเหมือนกัน มิสู้……”

ฮองเฮายังไม่ทันจะได้กล่าวจบ เจียงหยูหวันก็ได้กล่าวขึ้นมา: “เหนียงเหนียง หากวันนี้องค์หญิงไม่กล่าวให้ชัดเจน เรื่องในวันนี้แพร่งพรายออกไป คนภายนอกจะมองหยูหวันเช่นไรเพคะ วันหน้าหยูหวันจะเข้าออกพระราชวังอย่างไร จะยืนอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร? เรื่องนี้ ต่อให้หยูหวันยอมเจรจาไม่เอาความ แล้วท่านพ่อท่านแม่และคนในครอบครัวของหม่อมฉันจะยืนหยัดอย่างไรในวันหน้า?

เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงกลับคืนสู่ความเป็นจริง

มองดูทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้า ภายในใจของฮองเฮาเหนียงเหนียงนั้นทราบดี วันนี้เป็นวันที่นางจะต้องปล่อยมือจากลูกสะใภ้คนหนึ่งเสียแล้ว

แม้ว่าองค์หญิงซีหลันจะมีฐานะสูงส่ง มีเป่ยเว่ยคอยหนุนหลัง แต่อย่างไรเสียน้ำไกล้ก็ดับกระหายไม่ได้ บวกกับที่นางมีนิสัยเย่อหยิ่งอวดดี วันหน้าหากรัชทายาทแต่งกับนาง เช่นนั้นพวกนางสองแม่ลูกจะไม่ถูกองค์หญิงผู้นี้กดหัวเอาหรอกหรือ

แต่ถ้าหากเป็นเจียงหยูหวันนั้นแตกต่างกัน นางใจกว้างมีมารยาท ใจดีมีเมตตา บิดายังเป็นราชเลขา ไม่เพียงมีอิทธิพลในราชสำนัก แถมยังมีลูกศิษย์อยู่ทั่วทุกหนแห่ง และยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกสี่ผู้อาวุโสในวันหน้าอีกด้วย

ครุ่นคิดอย่างละเอียด ก็ได้มีตัวเลือกอยู่ในใจเป็นที่เรียบร้อย แววตาได้เย็นชาลงไปมากเมื่อหันไปมององค์หญิงซีหลัน

“ในเมื่อพวกเจ้าจะต้องพูดเรื่องนี้ให้ได้ เช่นนั้นก็พูดเถอะ ข้าเองก็อยากจะฟังเหมือนกันว่า แท้จริงแล้วใครถูกใครผิดกันแน่ หากว่าผู้ใดกล้าให้ร้ายผู้อื่น ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน”

คำพูดนี้ นับว่าได้บอกกับเจียงหยูหวันว่า นางได้คอยหนุนหลังนางอยู่

และนี่ก็คือสิ่งที่เฟิ่งชิงหัวต้องการ เลิกคิ้ว มองไปยังเจียงหยูหวัน กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ข้าได้ยินมาว่า คุณหนูตระกูลเจียงและท่านอ๋องเจ็ดจ้านเป่ยเซียวเติบโตมาด้วยกัน แถมยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงขั้นต้องหารือเรื่องงานสมรส มิทราบว่ามีเรื่องนี้อยู่หรือไม่?”