เฟิ่งชิงหัวหนวดผ่อนคลายไปบนแผ่นหลังของจ้านเป่ยเซียวพลางจิ้มเบา ๆ ตรงจุดที่เขาอาจจะเมื่อยล้า ด้วยการนวดอย่างเป็นมืออาชีพ
กว่าจ้านเป่ยเซียวจะนอนหงายอยู่บนเตียงอย่างผ่อนคลาย หลับตาสัมผัสกับการบริการของเฟิ่งชิงหัว คิ้วที่เคยขมวดแน่นเองก็ได้ผ่อนคลายลงตาม
หลังจากที่เฟิ่งชิงหัวได้ทำความคุ้นเคยกับชีพจรของจ้านเป่ยเซียว รอจนนวดเสร็จเวลาก็ได้ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว บุรุษที่เดิมทีนอนคว่ำอยู่ได้หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็มิอาจรู้ได้
เฟิ่งชิงหัวมองดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เอาผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างมาห่มให้เขา ส่วนตัวเองได้แอบเดินย่องออกไปด้านนอก
เฟิ่งชิงหัวออกมาจากประตูวังลั่วเซี๋ย นางกำนัลสองคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเอ่ยขึ้น: “องค์หญิง จะไปกราบพบฮองเฮาเหนียงเหนียงหรือเพคะ?”
เฟิ่งชิงหัวเลิกคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ องค์หญิงซีหลันไม่ได้อยู่นิ่งเลยจริง ๆ บาดเจ็บอยู่ยังไม่ลืมที่จะไปสร้างความสัมพันธ์กับคนในวัง
แต่ว่านางเตรียมที่จะเข้าวังเพื่อสืบหาความจริงอยู่พอดี จะดีมากหากได้รับรู้ข่าวคราวเกี่ยวกับหนานกงจี๋จากฮองเฮา
เมื่อถึงตำหนักของฮองเฮา พึ่งจะมีคนไปกราบทูลฮองเฮาก็เรียกนางเข้าพบทันที
พอเข้าไปถึงก็ได้กุมมือของนางเอา และกล่าวอย่างเต็มไปด้วยความเมตตา: “วันนี้ซีหลันได้ไปหาหมอเทวดามาแล้วสินะ สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง คราวนี้ดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
เฟิ่งชิงหัวมองดูรอยยิ้มที่เป็นมิตรเป็นพิเศษของนางก็รู้สึกขนลุก แต่ก็ยังคงกล่าวอย่างอ่อนโยน: “ขอบพระทัยฮองเฮาเหนียงเหนียงที่เป็นห่วง หมอเทวดาบอกว่าอีกครึ่งเดือนก็จะหายดีแล้วเพคะ”
“เช่นนั้นก็ดี
“เช่นนั้นก็ดี มิเช่นนั้นใบหน้าที่งดงามของเจ้าคงน่าเสียดายยิ่งนัก เวลาครึ่งเดือนก็ยังทัน ยังทัน” ฮองเฮายิ้มอย่างพอใจ
“ฮองเฮาเหนียงเหนียงหมายความว่า?” เฟิ่งชิงหักล่าวอย่างระมัดระวัง
“เด็กคนนี้นี่ เจ้าลืมไปแล้วหรือ
“เด็กคนนี้นี่ เจ้าลืมไปแล้วหรือ เดือนหน้าก็จะถึงวันคล้ายวันประสูติของฝ่าบาท ข้าได้หารือกับไทเฮาเป็นที่เรียบร้อย เดือนหน้า จะคัดเลือกพระชายาให้กับรัชทายาท อ๋องสิบสองและอ๋องเจ็ดอย่างไรเล่า ถึงตอนนั้น โอรสของข้าจะต้องเลือกเจ้าเป็นพระชายาอย่างแน่นอน พอถึงตอนนั้นเจ้าก็จะมาหาข้าทุกวันได้แล้ว พวกเราสองแม่ลูกก็จะได้พบกันทุกวันมิใช่หรือ?”ฮองเฮากล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
ใบหน้าของเฟิ่งชิงหัวเต็มไปด้วยความเขินอาย: “เหนียงเหนียง ยังเร็วเกินไปที่จะกล่าวเช่นนี้ องค์รัชทายาทเขา เขาอาจจะไม่ถูกใจซีหลันก็ได้เพคะ”
“ถูกใจสิ ถูกใจสิ เขาถูกใจเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจ้าแล้ว องค์หญิงซีหลันมีฐานะสูงศักดิ์ รูปร่างหน้าตายังโฉมสะคราญเช่นนี้ ไม่มีชายใดในโลกที่จะไม่ตกหลุมรักเจ้า”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างเอียงอาย
เฟิ่งชิงหัวยิ้มอย่างเอียงอาย ท่าทางอดที่จะหน้าแดงไม่ได้ ราวกับว่าพึงพอใจกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
“เหนียงเหนียง ความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และใต้เท้าเฉิงเซี่ยงคงจะดีมากสินะเพคะ ก่อนหน้านี้ ซีหลันได้ยินว่าใต้เท้าเฉิงเซี่ยงหย่ากับภรรยา ข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งเมืองหลวง” เฟิ่งชิงหัวพูดแค่ครึ่งเดียว ความหมายที่อยู่ด้านในสุดจะบรรยาย ต้องการที่จะดูว่าฮองเฮามีความคิดเห็นเช่นไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็บางลงเล็กน้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ฮูหยินท่านนั้นของจวนเฉิงเซี่ยง เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่คู่ควรที่จะเป็นฮูหยินเฉิงเซี่ยงเลยสักนิด หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นครอบครัวของนางมีบุญคุณกับเฉิงเซี่ยง คงไม่มีทางที่นางจะแต่งเข้าจวนเฉิงเซี่ยงได้ วันนี้ได้ถูกหย่าร้าง ก็เป็นเพราะตัวนางเอง”
“จริงหรือเพคะ เช่นนั้นคุณหนูใหญ่หนานกงก็ช่างน่าสงสารจริง ๆ เลย ฮูหยินเฉิงเซี่ยงเป็นคนให้กำเนิดนาง ตอนนี้สถานการณ์ของนางคงต้องประหม่ามากเลยสินะเพคะ?”
ฮองเฮาเหนียงเหนียงได้ยินเช่นนัน ก็ได้กล่าวกับเฟิ่งชิงหัวด้วยรอยยิ้ม: “ซีหลันเจ้าได้ยินอะไรมาหรือเปล่า ตอนนั้นรัชทายาทและหนานกงเยว่หลีใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่ระยะหนึ่งจริง ๆ แต่ก็เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ต่อมาพบว่านิสัยของทั้งสองคนเข้ากันไม่ได้จึงไม่ติดต่อกันอีก เจ้าวางใจเถอะ หากเจ้าอยากจะแต่งเข้ามา ไม่มีผู้ใดกล้าข้ามหน้าเจ้าแน่ ลูกสาวของตระกูลเฉิงเซี่ยงยิ่งอย่าได้คิดเลย”
เฟิ่งชิงหัวยิ้มกล่าว: “ซีหลันนึกว่า ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพระองค์ ไม่ว่าอย่างไรพระองค์ก็คงจะเกลี้ยกล่อมบ้าง”
ฮองเฮาเหนียงเหนียงโบกมือ มีท่าทางเหยียดหยาม กำลังจะกล่าวขึ้น แม่นมที่รับใช้ข้างกายของฮองเฮาก็ได้เดินเข้ามา และกระซิบที่ข้างหูฮองเฮา: “เหนียงเหนียง แม่นางเจียงมาแล้วเพคะ”
ฮองเฮามองดูเฟิ่งชิงหัวแวบหนึ่ง เห็นว่าสีหน้าของนางยังอ่อนโยนอยู่ ยิ้มกล่าว: “คุณหนูเจียงมาได้อย่างไร ดูแล้ววันนี้เป็นวันที่ไม่เลวเลย แม้แต่คนที่ไม่ค่อยมายังได้มาเยี่ยมข้า รีบเชิญเข้ามาเถอะ”
ไม่นาน เจียงหยูหวันก็ได้ก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างเป็นกุลสตรี สายตามองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และกราบคารวะฮองเฮาเหนียงเหนียงอย่างเคารพนอบน้อม
“คุณหนูเจียงลุกขึ้นเถอะ นาน ๆ ทีเจ้าเข้าวังมาเยี่ยมข้า พอดีกับที่องค์หญิงซีหลันก็มาเหมือนกัน ช่างเป็นวาสนาจริง ๆ” ฮองเฮาเหนียงเหนียงยิ้มกล่าว
“กราบทูลฮองเฮาเหนียงเหนียง หยูหวันตามท่านย่าเข้ามาเยี่ยมพบไทเฮาเหนียงเหนียง ตอนนี้ท่านย่าอยู่ที่ตำหนักไทเฮา หยูหวันเลยได้มากราบพบพระองค์เพคะ นี่คือถุงหอมที่หยูหวันทำเองกับมือ ใส่เครื่องหอมเอาไว้ที่ด้านใน สามารถเพิ่มความสดชื่น เหนียงเหนียงเหน็ดเหนื่อยจากการจัดการเรื่องราวในวังหลังมาทั้งวัน หวังว่าเครื่องหอมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเหนียงเหนียงเพคะ”
เจียงหยูหวันกล่าวอย่างเรียบ ๆ ท่าทางบนใบหน้ายิ่งดูอ่อนน้อมถ่อมตน แม้แต่กล่าวประจบสอพลอยังจริงใจเช่นนั้น หลังจากได้ยินแล้วแม้แต่เฟิ่งชิงหัวเองยังจับผิดไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮองเฮาเหนียงเหนียงที่แสนจะเจ้าเล่ห์
“ลำบากเจ้าแล้วที่ยังนึกถึงข้า ประทานที่นั่งเถอะ” ฮองเฮาเหนียงเหนียงลองดมดูเครื่องหอมที่อยู่ในมือ ดูท่าจะชอบเป็นพิเศษ
หลังจากที่เจียงหยูหวันนั่งลงถึงได้หันไปกล่าวกับองค์หญิงซีหลัน: “น้อมพบองค์หญิงซีหลัน บาดแผลบนใบหน้าของพระองค์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“อ้อ ข้า……” เฟิ่งชิงหัวกำลังจะพูด ฮองเฮาเหนียง ๆ ที่อยู่ด้านข้างกลับได้เอ่ยตัดคำพูดของนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “บาดแผลบนใบหน้าขององค์หญิงซีหลันยังคงเหมือนเดิม ข้าเองก็ร้อนใจอยู่เช่นกัน”