บทที่ 189 พาเขาไปหาหมอ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 189 พาเขาไปหาหมอ

บทที่ 189 พาเขาไปหาหมอ

กู้เสี่ยวหวานวางคนบนหลังแล้วพิงต้นไม้ ร่างกายของนางกำลังจะแหลกสลาย ในที่สุดคนของนางก็มา นางดูเหมือนจะสูญเสียเรี่ยวแรงและไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป นางยืนพิงต้นไม้อย่างอ่อนแรง ก่อนนั่งลงบนพื้นและหอบอย่างหนัก นางไม่ต้องการลุกขึ้นอีกเลย

กู้หนิงผิงพาฉือโถวมาหานางในชั่วพริบตา และสิ่งที่เห็นคือกู้เสี่ยวหวานกำลังนั่งพิงต้นไม้ด้วยสีหน้าดูอ่อนล้า กู้หนิงผิงงงงวยเล็กน้อย เขาจะพบพี่สาวระหว่างทางได้อย่างไร

หลังจากเห็นใบหน้าที่แดงก่ำชุ่มไปด้วยเหงื่อของกู้เสี่ยวหวาน เสื้อผ้าที่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนขาดวิ่น และคนที่นอนอยู่บนพื้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจ “ท่านพี่ ท่านแบกเขาลงมาด้วยตนเองหรือ?”

“ใช่ พี่ฉือโถว เร็วเข้าเถอะ รีบพาเขาออกไปเถอะ ชายผู้นี้เลือดออกเยอะมาก ถ้ายังไม่รีบข้าเกรงว่าจะไปหาหมอไม่ทัน”

“อือ ตกลง!” เมื่อตอนที่ฉือโถวมา กู้หนิงผิงเล่าเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นให้เขาฟังแล้ว ฉือโถวจึงไม่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับผู้บาดเจ็บ เมื่อเห็นท่าทางกังวลใจของกู้เสี่ยวหวาน ฉือโถวก็นั่งลง ส่วนกู้หนิงผิงก็ช่วยพยุงชายผู้นั้นขึ้นบนหลังของฉือโถว ฉือโถวแบกชายคนนั้นไว้บนหลังของเขา และเดินลงไปตามถนนบนภูเขา

กู้หนิงผิงช่วยพยุงกู้เสี่ยวหวานขึ้นและเดินตามหลังฉือโถวลงจากภูเขา

พี่ฉือโถวทำงานตลอดทั้งปีและมีกำลังมาก ด้วยความช่วยเหลือของเขา พวกกู้เสี่ยวหวานจึงได้พัก ถึงกระนั้นก็โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานได้แบกชายผู้นั้นมาครึ่งทางแล้ว ทางลงจากภูเขาต่อจากนั้นก็ราบรื่น เมื่อเดินทางอีกไม่ไกล พวกเขาก็ออกจากมาภูเขาและตรงกลับบ้านของกู้เสี่ยวหวาน

เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน กู้เสี่ยวอี้ก็ยื่นน้ำที่เตรียมไว้ให้กับกู้เสี่ยวหวาน หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานรับไป นางก็ป้อนให้ชายผู้นั้น ริมฝีปากที่เคยแห้งแตกก็ชุ่มชื้นขึ้นเล็กน้อย

กู้เสี่ยวหวานที่หมดแรงแล้วนั่งอยู่บนขอบเตียงไม่ขยับ กู้หนิงผิงจึงวิ่งไปตามท่านหมอหม่า ในช่วงเวลานี้กู้เสี่ยวหวานจึงหยิบโสมที่น้องสาวใช้ไม่หมดขึ้นมา และใส่เข้าไปในปากของชายผู้นั้น

ทันทีที่ท่านหมอหม่าได้ยินว่ามีบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็รีบหยิบกล่องยาและรีบวิ่งไป เมื่อเห็นคนแปลกหน้าในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน ท่านหมอหม่าก็รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถถามอะไรได้

เมื่อตรวจชีพจรแล้วมองดูบาดแผล ท่านหมอหม่าก็ตื่นตระหนก

อาการบาดเจ็บของคนผู้นี้ไม่ธรรมดา!

ท่านหมอหม่ารู้ว่าความสามารถของตนเองยังไม่เพียงพอ เขารู้สึกละอายใจ ปาดเหงื่อที่หน้าผากของเขา และพูดอย่างอึดอัดใจ “เสี่ยวหวาน ข้าขอโทษจริง ๆ คนผู้นี้อาการหนักเกินไป ข้า……”

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คนผู้นี้ไม่ได้บาดเจ็บที่ผิวหนังภายนอกหรอกหรือ?”

“อาการบาดเจ็บที่ชายคนนี้ได้รับนั้นรุนแรงเกินไป เห็นได้ชัดว่านี่เป็นอาการบาดเจ็บจากการโดนดาบแทงจากหน้าอกด้านหน้าทะลุไปด้านหลัง นอกจากนี้ยังสูญเสียเลือดมากเกินไป ต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางและยาสมุนไพรชั้นดี ข้าเป็นเพียงหมอเท้าเปล่า*[1] ปกติคนในหมู่บ้านจะบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น เป็นต้นว่าอาการปวดหัวและเป็นไข้ เช่นนั้นข้ารักษาได้ แต่อาการอื่นข้ารักษาไม่ได้!”

“แล้วจะทำอย่างไรดี? อาการของคนผู้นี้รอช้าไม่ได้แล้ว!”

“รีบไปหาท่านหมอพานที่โรงหมอหุยชุนในเมือง” หมอหม่าแนะนำ “ท่านหมอพานผู้นี้รักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกอาวุธของมีคมได้ดีมาก!”

“โรงหมอหุยชุน? ท่านหมอพาน?” ทันทีที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินชื่อบุคคลนี้ นางจึงจำได้ทันทีว่าครั้งล่าสุดที่นางไปโรงหมอหุยชุนก็เพื่อขายโสม

ปรากฏว่าเป็นชายชราที่มาต้อนรับพวกเขาคือคนที่ซื้อโสมไป

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจแล้ว และรีบพูดกับฉือโถวและกู้หนิงผิงว่า “พี่ฉือโถว ข้าทำได้แค่รบกวนท่านอีกครั้ง หนิงผิงเราไปที่นั่นเมื่อครั้งที่แล้ว เจ้ารู้ทาง ดังนั้นเจ้าไปกับพี่ฉือโถว!”

ฉือโถวไม่พูดอะไร และพากู้หนิงผิงออกไปจากประตู

เสื้อผ้าบนตัวคนผู้นั้นยังเปียกโชก ถ้ายังไม่ได้ผลัดเปลี่ยน เกรงว่าเขาคงจะแข็งตาย

กู้เสี่ยวหวานเขินอายเล็กน้อย

แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีอายุเพียงแปดขวบ ไม่สิ หลังจากปีใหม่นางก็อายุเก้าขวบ

แม้ว่าอายุยังน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วแนวคิดชายหญิงไม่สัมพันธ์กัน*[2] ก็ทำให้กู้เสี่ยวหวานไม่รู้จะวางมือวางเท้าไว้ที่ใด แล้วนางจะถอดเสื้อผ้าที่เปียกให้ชายผู้นี้ได้อย่างไร?

ท่านหมอหม่าที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนจะเห็นความลังเลของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “เสี่ยวหวาน เจ้าออกไปก่อน ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ชายผู้นี้ และจะพันแผลให้เขาด้วย เจ้าไปเอาน้ำร้อนสะอาดมาหนึ่งหม้อ”

กู้เสี่ยวหวานตอบรับอย่างรวดเร็ว เหลือบมองท่านหมอหม่าอย่างซาบซึ้ง และพากู้เสี่ยวอี้ออกไป หลังจากนำหม้อน้ำร้อนสะอาดมาวางแล้วก็ไปยืนรออยู่ที่ประตู

ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านหมอหม่าจึงเปิดประตูและออกมาเรียก “เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าเข้ามาเร็ว!”

กู้เสี่ยวหวานรีบเข้าไปในบ้าน บาดแผลบนร่างกายของชายผู้นั้นถูกห่อด้วยผ้าสีขาวอย่างดี และเสื้อผ้าถูกแทนที่ด้วยเสื้อชั้นในสะอาดสะอ้านที่ฉือโถวนำมา

ท่านหมอหม่ากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงข้าจะรักษาคนผู้นี้ไม่ได้ แต่ข้ายังคงใช้ผ้าพันแผลห้ามเลือดได้ ข้าจะดูคนผู้นี้จนกว่าท่านหมอพานจะมาถึง”

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองท่านหมอหม่าด้วยแววตาขอบคุณ ท่านหมอหม่าก็เหลือบมองดู จากนั้นจึงหยิบยาจากกล่องยาพลางกล่าวว่า “นี่เป็นยาแก้ปวด ถ้าท่านหมอพานยังไม่มาแล้วอาการของเขากำเริบอีกก็เอาให้เขากิน”

“ท่านหมอหม่า ขอบคุณมากเจ้าค่ะ!” กู้เสี่ยวหวานรับยาและรู้สึกขอบคุณมาก

“ไม่ต้องเกรงใจ พวกเราล้วนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน!” ท่านหมอหม่าโบกมือและรู้สึกว่าเขายังคงต้องพูดอีกสองสามประโยค “แต่เสี่ยวหวาน ข้าขอเตือนเจ้าว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนจากหมู่บ้านของพวกเรา ข้าไม่รู้ว่าเขามาจากที่ใดและไม่เคยพบกันมาก่อน คนผู้นี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ การที่เจ้าช่วยเขาเช่นนี้จะไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรือ?”

ท่านหมอหม่ากังวลเกี่ยวกับเด็กเหล่านี้เล็กน้อย คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากดาบ แน่นอนว่าต้องถูกศัตรูทำร้ายมา

ศัตรูที่โหดร้ายเช่นนี้ หากพวกเขารู้ว่ากู้เสี่ยวหวานช่วยชีวิตคนผู้นี้ พวกเขาจะทำอะไรกับเด็กเหล่านี้หรือไม่

กู้เสี่ยวหวานเข้าใจในสิ่งที่ท่านหมอหม่าพูด ตั้งแต่วินาทีที่ช่วยชีวิตคนผู้นี้ นางก็รู้ว่าตนเองอาจประสบปัญหาโดยไม่จำเป็น

แต่ในเมื่อพาเขามาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ควรคิดอะไรให้มากแล้ว “ท่านหมอหม่า ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูด แต่การช่วยชีวิตนั้นดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ถ้าไม่ช่วยเขา คนผู้นี้จะต้องตายในหุบเขาลึกอย่างแน่นอน”

*[1]หมอเท้าเปล่า หมายถึง เกษตรกรที่ได้รับการฝึกการแพทย์และผู้ช่วยแพทย์พื้นฐานขั้นต่ำและทำงานในหมู่บ้านชนบทในประเทศจีน

*[2] ความคิดที่ว่าชายหญิงที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือดหรือสามีและภรรยาควรรักษาระยะห่างไว้

………………………………………………………………………………………………………………………….