บทที่ 192 ไปริมแม่น้ำ

บทที่ 192 ไปริมแม่น้ำ

“เสี่ยวเถียนเอ้ย หนูดูสิ แม่น้ำของเราสวยงามเสียนี่กระไร ถ้ามีเด็ก ๆ ไปเดินเล่นริมน้ำสักหน่อยอาจจะจับปลาได้ก็ได้นะ!”

ซูฉางจิ่วยังคงเกลี้ยกล่อมซูเสี่ยวเถียนอย่างต่อเนื่อง

เขาไม่เชื่อเลยที่เด็กคนหนึ่งจะทนต่อสิ่งล่อใจได้

จับปลา?

ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้หรอกนะ แต่จับปลาในแม่น้ำมันอันตรายเกินไป

ที่บ้านย้ำแล้วย้ำอีกว่าไม่ให้พวกพี่ ๆ ไปเล่นน้ำที่แม่น้ำ

ปกติแล้วเธอไม่ไปหรอก

เนื้อปลาก็ไม่เลว แต่ในยุคนี้เนื้อหมูดีกว่า!

“ลุงหัวหน้า ปู่บอกว่าแม่น้ำอันตรายเกินไป กลัวหนูจะพลัดตก หนูขอไปเดินรอบ ๆ ดีกว่า”

ขณะที่คนทั้งสองกำลังสนทนากัน ซูโส่วเวินก็รีบวิ่งเข้ามา

“โส่วเวิน เกิดอะไรขึ้น?” ซูฉางจิ่วถามอย่างจริงจังทันที

“สหายหลี่ด่าคนอีกแล้ว เขาบอกว่าเพราะคุณไม่อยู่ พวกสมาชิกเลยไม่สนใจพวกเขากัน”

ตอนพี่ใหญ่พูด เขามองหัวหน้าซูอย่างระมัดระวังเพราะกลัวจะโดนโกรธ

และซูฉางจิ่วก็พูดด้วยความโกรธขึ้นมา “ไอ้สหายหลี่นั่นมันไร้ประโยชน์จริง ๆ สินะ อารมณ์รุนแรงด้วย!”

ถ้าไม่ได้มาจากอำเภอ เขาก็คงจะเตะก้นมันไปแล้ว

เสี่ยวเถียนยืนอยู่ข้าง ๆ เกือบจะกลอกตา

หัวหน้าซูเอ้ย พูดต่อหน้าเด็กมันสมควรหรือเนี่ย?

ไม่กลัวเด็กเอาความลับไปบอกหรือไง?

“หัวหน้ารีบไปเร็วเข้า!” ซูโส่วเวินรู้สึกว่าหัวหน้าซูพูดแบบนี้ถึงคนจากคณะทำงานไม่ถูกต้อง

ไม่ใช่ว่าเขาเห็นด้วยนะ แต่บางเรื่องควรจำคะนึงถึงกันสักหน่อย

การรับมือกับคนแบบนี้ทุกวันมันเหนื่อยเกินไป และเขาไม่รู้วิธีจัดการกับมันจริง ๆ

ถ้าปล่อยให้เขาด่าทอคนอื่นแบบนี้ต่อไป สมาชิกชุมชนของเราจะหงุดหงิด แล้วถ้าเกินมีคนหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเกิดการวิวาทจะลำบากเอาได้

ซูฉางจิ่วมองเสี่ยวเถียนก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เสี่ยวเถียนไปกัน จากนี้ไปต้องตามลุงมานะ วางใจได้เลย ถึงริมน้ำเมื่อไรลุงจะคอยดูแลหนูเอง”

นี่หมายความว่าจะไม่ให้โอกาสเธอขัดขืนเลยสินะ

แต่โส่วเวินไม่รู้เรื่อง เขามองหัวหน้าแล้วมองน้องเล็ก

ทำไมหัวหน้าถึงปล่อยให้เสี่ยวเถียนไปริมน้ำเนี่ย?

ตั้งแต่เสี่ยวเถียนตกลงไปในน้ำ ปู่ได้บอกไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าให้ดูแลน้องให้ดี อย่าปล่อยให้เธอไปที่ริมน้ำอีก

“หัวหน้า พวกเรายุ่งแบบนี้จะเอาเวลาที่ไหนไปดูน้อง เดี๋ยวผมให้น้องห้ากับน้องหกมาดูน้องเล็กเอง!” เขาคิดถึงสิ่งที่ปู่พูดแล้วพยายามเกลี้ยกล่อมหัวหน้าซู

“ไม่ต้อง ๆ ตั้งแต่วันนี้ไป ช่วงกลางวันฉันจะดูแลเสี่ยวเถียนเอง ปกป้องอย่างดีเลย!”

ซูฉางจิ่วว่าแล้วดึงมือเสี่ยวเถียนเดินไป

ซูโส่วเวินสับสน นี่มันสถานการณ์อะไรเนี่ย? หรือย่าขอควมช่วยเหลือจากหัวหน้ามา?

แต่ก็ไม่ควรสิ ช่วงนี้หัวหน้าไม่ว่างเพราะเรื่องสร้างทำนบยุ่งมาก แล้วจะไม่กวนกันได้อย่างไร?

อีกอย่าง แม้แต่ในนา ปู่ย่ายังบอกเลยว่าร้อนเกินไปไม่ต้องให้น้องมา แม้แต่ตอนที่ยุ่งมากก็ยังให้น้องรองกับน้องสามไปช่วยแค่นั้น

เสี่ยวเถียนมองพี่ใหญ่ตาปริบ ๆ ดวงตาโตเต็มไปด้วยแรงปรารถนา หวังว่าพี่ชายจะช่วยพูดสักคำเพื่อไม่ให้เธอไปที่ริมน้ำ

สร้างทำนบกั้นน้ำไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเลย เธอไม่อยากไป!

เด็กสาวควรจะสวย ๆ สิ ไปแม่น้ำไปเป็นปลาตีนหรือไง?

ซูฉางจิ่วไม่เข้าใจความซับซ้อนในใจของหลาน แล้วลากเสี่ยวเถียนไปที่ริมน้ำ

“พี่ใหญ่!” ซูเสี่ยวเถียนงอแงเป็นเด็ก ๆ

พี่ใหญ่ทุกข์ใจมาก คิดถึงแสงแดดที่ริมน้ำแบบนั้น แล้วน้องเล็กตัวขาวจั๊วะ โดนแดดเผาขึ้นมาทำอย่างไร?

ถ้าปู่กับย่าเห็นว่าหัวหน้าซูลากเสี่ยวเถี่ยนไปที่ริมน้ำกับตาของพวกเขา คงไม่กล้าให้หัวหน้ามาคิดบัญชีหรอก แต่จะไปคิดบัญชีกับเขาแทนต่างหาก

พรุ่งนี้สองขาข้างนี้จะยังเดินได้อยู่ไหมนะ?

ไม่ได้การแล้ว ต้องช่วยเสี่ยวเถียนไว้

แต่หัวหน้าเป็นเจ้านายเขานี่นา!

“หัวหน้า เสี่ยวเถียนเป็นเด็ก ไปริมน้ำไม่ดีหรอก ให้ผมพาน้องกลับบ้านก่อนไหม?”

“ฉันพูดไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องยุ่งหรอก กลับไป ฉันจะไปหาปู่ของเธอเอง!”

หัวหน้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสี่ยวเถียนคิดอะไรอยู่

แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว นั่นคือสหายหลี่คนไร้ประโยชน์นะ แถมเอาแต่สร้างปัญหาทั้งวันเลย

ถ้าให้อีกฝ่ายดูแลการสร้างทำนบ เกรงว่าถ้าโดนฝนตกห่าใหญ่คงจะสร้างไม่เสร็จเสียก่อน

แต่เพราะเขาไม่รู้เรื่องนี้ เลยไม่รู้จะทำอย่างไร

ช่วงนี้ร้อนรนกับมันจนเกือบโมโหเป็นฟื้นเป็นไฟแล้ว

และหลังจากที่ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เสี่ยวเถียนคนนี้อาจไม่เข้าใจ

แต่เธอได้รับการสอนจากพวกผู้ใหญ่ที่คอกวัวมานะ

ทว่าเด็กหญิงไม่อยากไปเนี่ยสิ เธอก็เลยนั่งลงบนพื้น ไม่สนว่ากางเกงจะสกปรกหรือเปล่า

“เสี่ยวเถียน ลุงไม่มีทางเลือกนอกจามาหาหนูนี่ ถ้าหนูช่วยลุง รอลุงกลับไปจะเอาลูกอมกระต่ายให้นะ”

ซูฉางจิ่วรู้สึกว่า ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป สาวน้อยไม่ร้องไห้หรอก แต่เขาจะร้องแทนน่ะสิ

“หัวหน้า ทำไมล่ะครับ?” โส่วเวินถาม

“ก็หลี่เสี่ยง คนที่มาจากอำเถอนั่นน่ะ ไม่อยากให้เขามาเห็นพวกอาจารย์ที่คอกวัวเลย แต่เสี่ยวเถียนเป็นคนที่พวกเขาสอนมา!” ซูฉางจิ่วกำลังดึงเสี่ยวเถียนอยู่แล้วพูดกับโส่วเวินอย่างช่วยไม่ได้ ไม่สามารถซ่อนความสิ้นหวังในน้ำเสียงได้เลย

ซูโส่วเวินเงียบ หัวหน้าพูดถูก หากพวกอาจารย์ปรากฏตัวต่อหน้าคณะทำงานอาจเป็นปัญหาได้

บางทีเสี่ยวเถียนอาจเข้าใจ แต่…

“เธอบอกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ งั้นทำไมพวกอาจารย์ถึงเห็นว่าเสี่ยวเถียนดีล่ะ? ถ้าพวกเขาพอใจเธอ เห็นว่าเธอเรียนพอใช้ได้บ้าง ฉันก็ไม่ต้องตามหาเสี่ยวเถียนหรอก!”

ในหงซินมีเด็กชายหลายคน โดยเฉพาะบ้านซูที่มีแปดเก้าคน แต่ทำไมเทียบน้องเล็กคนเดียวไม่ได้เลยล่ะ?

ซูโส่วเวินพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมคนที่เจ็บปวดต้องเป็นเขาเสมอเลยล่ะ?

ไม่ใช่ว่าปู่กับย่าพอใจกับพวกอาจารย์หรือ? แต่ว่าสิ่งที่สอนก็ไม่ได้มีประโยชน์นี่ พวกวาดรูปอะไรนั่นน่ะไม่มีประโยชน์เลย!

เขาตัดสินใจแล้ว กลับบ้านไปจะไปสั่งสอนพวกน้อง ๆ ไร้ประโยชน์ให้หมดเลย

ซูฉางจิ่วพูดอีกครั้ง “ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกจริง ๆ นี่ จะไม่ให้สนใจในตัวสาวน้อยได้ยังไง?”

การเป็นหัวหน้านี่มันน่าอึดอัดจริง ๆ สถานการณ์ไม่ดีเลย ไม่รู้ว่าเมื่อไรบ้านเมืองจะสงบสุขพ้นจากความวุ่นวายเสียที

พอคณะทำงานมาถึง ก็เหมือนบรรพบุรุษมาเยือนเลย

เสี่ยวเถียนเพิ่งเข้าใจความหมายของหัวหน้าซู ก็ดี ๆ ยังดีที่หัวหน้าแค่คิดถึงเหล่าอาจารย์ของเธอเท่านั้น

เธอมองไปยังซูฉางจิ่วด้วยแววตาสงบลงมาก

แล้วเสี่ยวเถียนจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นวาทศิลป์ของอีกฝ่าย

คนเจ้าเล่ห์อย่างหัวหน้าจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเด็กหญิงกังวลอะไรอยู่!

เพราะรู้ว่าเธอกังวลอะไร จึงให้ความมั่นใจกับเธอก็พอ