บทที่ 193 มาจากอำเภอแล้ววิเศษวิโสขนาดไหน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 193 มาจากอำเภอแล้ววิเศษวิโสขนาดไหน?

cw // เนื้อหาในตอนนี้มีพฤติกรรมของตัวละครที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากมีความคิดและพฤติกรรมที่ผิดปกติทางจิต ซึ่งตัวละครนี้เป็นโรคใคร่เด็ก (Pedophilia) โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

บทที่ 193 มาจากอำเภอแล้ววิเศษวิโสขนาดไหน?

เมื่อเข้าใจความคิดซูฉางจิ่ว เสี่ยวเถียนก็เดินตามไปด้วยความสบายใจ

ทำไมต้องไปน่ะหรือ? ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้เสี่ยวเถียนรู้เยอะ การทำงานที่เดิมที่ใช้เวลาหนึ่งเดือนก็เสียเปล่าไปหนึ่งส่วนสี่แล้ว

ผู้รับผิดชอบคณะทำงานที่มาในครั้งนี้ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เอาแต่ทำตามอำเภอใจตลอดทั้งวันเลย

ช่วงนี้เธอได้อ่านเรื่องที่เกี่ยวกับด้านการบริหารจัดการน้ำ ถ้ามีโอกาสก็อยากลองทำควบคู่ไปกับการลงมือปฏิบัติดู

ซูโส่วเวินเฝ้าดูน้องเล็กกระโดดโลดเต้นไปกับหัวหน้าแล้วปวดใจ!

ทำไมน้องสาวถูกหลอกง่ายแบบนี้?

หลังจากที่โดนหัวหน้าพูดกล่อมก็ตามไปถึงริมแม่น้ำ

ไม่สิ รอกลับบ้านไปก่อนจะพูดกับน้องดี ๆ เลยว่า อย่าไว้ใจใครแม้แต่หัวหน้าซู!

ระหว่างที่เดินอยู่ ในหัวของเสี่ยวเถียนก็คิดถึงสถานการณ์ที่ริมแม่น้ำ

จากการสังเกตดู เหมือนพยากรณ์อากาศอาจจะพูดถูก อีกไม่น่าจะมีฝนตกห่าใหญ่แน่นอน

พอถึงตอนนั้น หากน้ำฝนลงตามสภาพภูมิประเทศสู่แม่น้ำ นั่นแหละจะกลายเป็นปัญหา

และการขุดลอกแม่น้ำ ถึงจะทำให้น้ำไหลอย่างต่อเนื่องก็เป็นอีกปัญหา

ดูเหมือนว่าต้องวางแผนเรื่องนี้อย่างดี

แต่เห็นได้ชัดว่าปู่ฉือกับปู่ตู้ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ งั้นก็ต้องไปหาลุงเสิ่นเพื่อปรึกษาเรื่องเหล่านี้ ถึงเขาจะเชี่ยวชาญด้านการเกษตร อย่างไรก็เห็นว่าเขายังมีความรู้ด้านชลประทานบ้างอยู่ดี

เหตุผลที่ต้องการหาคนปรึกษาเป็นเพราะเธอก็ไม่แน่ใจในตนเอง

เธอคือคนที่วางแผนการรบบนกระดาษ*[1] มองดูผิวเผินอาจจะเป็นคนที่มีความรู้มากมาย แต่ความจริงแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจบางสิ่งมากเท่าไรนัก

ตอนนั้นเองที่คนทั้งสามเดินทางไปถึง

ยังไม่ทันถึงริมแม่น้ำก็ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งกำลังเอ่ยปากก่นด่า

ซูเสี่ยวเถียนเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ น้ำเสียงนั้นคงดูถูกคนชนบทอย่างเราไม่น้อย

“พวกแกมันคนบ้านนอกจะไปรู้อะไรเล่า? บะหมี่แป้งสาลียังไม่เคยกินแล้วยังกล้าขัดคำพูดฉันอีกหรือ? แกเก่งหรือ? ถ้าแกเก่งแล้วทำไมไม่รับผิดชอบล่ะ?”

“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นช่างเทคนิค หน้าที่คือเป็นผู้รับผิดชอบที่จัดการแม่น้ำสายนี้!”

“ไปตามหาหัวหน้าแกมา เขาใหญ่ขนาดไหนกันถึงไม่อยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่แล้วยังกล้าวิ่งพล่านไปทั่วอีก? ฉันจะต้องรายงานเขาไปทางชุมชนใหญ่!”

“ไอ้พวกไม่รู้เรื่อง ตั้งใจฟังฉันให้ดี อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉัน ไม่งั้นฉันจะวุ่นวายกับพวกแกจนถึงที่สุด!”

เสียงพูดของชายคนนั้นดังไปถึงซูเสี่ยวเถียน ทำให้เธอขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

นี่มันคนอะไรเนี่ย? โง่หรือเปล่า?

มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า มังกรที่ทรงพลังไม่สามารถบดขยี้งูเจ้าถิ่นได้*[2] เขาไม่กลัวกลับไปโดนใครต่อยหรือไง?

พอคิดถึงว่าสหายหลี่ที่แสนอ่อนโยนโดนต่อยก็อดหัวเราะไม่ได้

รอยยิ้มนั้นทั้งงดงามและน่ารัก

ซูฉางจิ่วหดหู่ใจ เด็กคนนี้โง่หรือเปล่า? ได้ยินคนด่ากันแล้วมีความสุขแบบนี้ได้อย่างไร?

รู้ไหมเนี่ยว่าคนที่โดนด่ามีพ่อทั้งสามคนของเธอด้วยน่ะ?

“เสี่ยวเถียน หัวเราะแบบนี้ไม่ดีเลยนะ!”

ซูเสี่ยวเถียนเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเองหัวเราะออกมา

อืม อันที่จริงก็ไม่แย่ขนาดนั้นหรอก แต่ดูเหมือนยินดีบนความโชคร้ายคนอื่นเลย

เธอดึงแขนเสื้อของซูฉางจิ่วก่อนจะเอ่ย “ลุงหัวหน้า เขาทำแบบนี้ทุกวันเลยหรือคะ?”

“ใช่แล้ว สาวน้อยไม่ชินใช่ไหมล่ะ?”

เสี่ยวเถียนคิดในใจว่า ถ้าชินก็แปลกแล้ว เธอไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ

มาทำงานนะ ร่วมมือกันหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องทำตัวเหมือนเหนือกว่าคนอื่นด้วย?

มาจากอำเภอแล้ววิเศษวิโสขนาดไหนเนี่ย?

คิดว่าตัวเองเป็นตัวละครอยู่หรือไง?

แล้วกล้าดีอย่างไรมาบอกว่าเป็นช่างเทคนิค?

ช่างห่วยแตกแบบนี้ ทำไมไม่รู้อะไรสักอย่างเลยล่ะ?

ความสามารถน้อยนิดแบบนี้เนี่ยนะ ยังเอามาอวดอีก?

ถึงพี่สามของตนเองจะเป็นมือสมัครเล่น แต่หลังจากที่ฟังผู้อาวุโสจากคอกวัวสั่งสอนบทเรียนแล้วก็ต้องมองออกอยู่แล้วว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมันมีปัญหา

“หัวหน้าซู คนแบบนี้จะช่วยส่งเสริมความเย่อหยิงไม่ได้นะคะ กลับไปต้องไปหาคนมาต่อยสักยกแล้ว!” ซูเสี่ยวเถียนยังคงหัวเราะ

ซูฉางจิ่วตกใจมากจนเกือบเซ อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆ

เด็กน้อยคนนี้กล้าพูดได้อย่างไรเนี่ย?

เขาเป็นคนที่ทางอำเภอส่งมานะ ถ้าไปต่อยอีกฝ่าย ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้า ชีวิตนี้ก็จบเห่กันพอดี ไม่แน่ว่าหงซินเราอาจจะซวยก็ได้

ซูเสี่ยวเถียนส่งเสียงร้องเหอะ

“ถ้าพวกเราไม่ทุบตีเขาในเขตของตัวเอง ถ้าเกิดเขามีโอกาสออกไปค่อยว่ากันค่ะ!”

ซูฉางจิ่วพูดไม่ออก สาวน้อยคนนี้เป็นเด็กที่อ่อนโยนไม่ได้หรือ? ทำไมต้องอยากไปทุบตีคนอื่นด้วยล่ะ?

แน่นอนว่าถ้าพวกพี่ชายไม่ได้เรียนเก่งก็คงพาไปแล้ว

ซูฉางจิ่วขบคิด แล้วมองสาวน้อยตรงหน้า

ซูโส่วเวินเองก็ได้ยินสิ่งที่น้องเล็กพูด ตนเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน

น้องเล็กเปลี่ยนไปเป็นคนรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

นี่ก็ด้วย หัวหน้าจะจ้องเขาทำไมเนี่ย?

เสี่ยวเถียนบอกเองว่าต้องต่อยคนนะ และมันก็ไม่ใช่ความคิดเขาสักหน่อย

เด็กหนุ่มผู้คับข้องใจทำได้แค่คล้อยตามหลังสาวน้อยที่คิดจะใช้ความรุนแรงกับผู้อื่น ทั้งยังคิดว่าจะทำอย่างไรดีให้เธอล้มเลิกความคิดเช่นนี้ด้วย

คนทั้งสามเดินไปถึงริมน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่สหายหลี่กำลังสบถด่าอยู่

หลี่จื่อกั๋วที่กำลังด่าออกมาตรง ๆ พลันเห็นคนทั้งสามปรากฏตัวออกมา เขาจึงหยุดปากแล้วเปิดฉากพ่นคำด่าใส่หัวหน้าซูแทน

“หัวหน้าซู คุณล้มเหลวในการเป็นหัวหน้าของชุมชนการผลิตมาก ความคิดอุดมการณ์ของพวกสมาชิกคุณก็มีปัญหา ฉันต้องรายงานปัญหาต่อพวกผู้นำ ให้พวกคุณศึกษาและปฏิรูปความคิดร่วมกัน”

ความรู้สึกของซูฉางจิ่วตอนนี้เต็มไปด้วยความหดหู่

สถานการณ์ของชุมชนหงซินเรากำลังเป็นไปด้วยดี แล้วไปมีปัญหาด้านอุดมการณ์ตั้งแต่เมื่อไร? ถึงบางคนจะมีปัญหา แต่ส่วนใหญ่ก็ดีกันหมด

แล้วมันตกลงมาถึงขนาดต้องศึกษาและปฏิรูปความคิดร่วมกันได้อย่างไร?

ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ก็คิดถึงสิ่งที่สาวน้อยพูดก่อนหน้านี้คือที่จะเอาชายคนนี้มาต่อยสักยกก็พอแล้ว

พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ก็อดมองไปยังซูเสี่ยวเถียนตัวน้อยที่ตนเองกำลังจูงมืออยู่ไม่ได้

ซูเสี่ยวเถียนที่โดนมองแบบนั้นก็รู้สึกงุนงง หมายความว่าอย่างไรเนี่ยหัวหน้า?

ทำไมต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนั้นด้วย?

“หัวหน้าคะ หนูทำอะไรผิดหรือเปล่าคะ?”

เสี่ยวเถียนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ซูฉางจิ่วโบกมือบอกปัด “หนูทำดีแล้ว ๆ”

ไม่ใช่แค่ทำดี แต่ยังคิดได้เยี่ยมด้วยนะ ถูกต้องมากเลย!

หลี่จื่อกั๋วที่กำลังด่าอยู่ ครั้นเห็นซูฉางจิ่ว จู่ ๆ ก็มองเด็กข้างกายอย่างรวดเร็วแล้วยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้น

ก่อนจะมองไปยังเด็กคนนั้นบ้าง จากนั้นเสียงก่นด่าก็หยุดลงฉับพลัน

เด็กคนนี้สวยเหลือเกิน ผิวขาวสะอาด ใส่เสื้อผ้าดูดี ดีกว่าเด็กในเมืองเสียอีก

เป็นเพราะเสียงก่นด่าของหลี่จื่อกั๋วที่จู่ ๆ ก็หยุดลง ผู้คนเลยหันไปมองเขาด้วยความแปลกใจ

ซูฉางจิ่วเองก็มองไปที่เขาด้วยความสงสัยเช่นกัน

ด่าคนอยู่ดี ๆ ทำไมถึงหยุดไปเสียล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

*[1] เก่งแต่ปาก

*[2] ถึงจะทรงพลังแต่ก็ไม่สามารถปรามนักเลงเจ้าถิ่นได้