บทที่ 245 หนานจ้าวหลบหนีออกจากคุก

เมื่อข้าเป็นองค์หญิงน้อยของฮ่องเต้ทรราช

บทที่ 245 หนานจ้าวหลบหนีออกจากคุก

บทที่ 245 หนานจ้าวหลบหนีออกจากคุก

นอกจากหนานกงสือเยวียนแล้ว องค์ชายของต้าเซี่ยต่างทำผลงานได้ดีเป็นอย่างมากในการล่าสัตว์ครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ชายสี่ผู้ไม่ค่อยเฉลียวฉลาดนัก พลังมหาศาลตั้งแต่ถือกำเนิดไม่ใช่เพียงแค่เรื่องโอ้อวดเกินจริงแต่อย่างใด

แม้ทักษะการยิงธนูของเขาจะยังไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่เมื่อยามที่ถูกหมาป่าล้อมรอบ เขาเลิกยิงธนูทันที จากนั้นก็กระโดดลงจากหลังม้า คว้าหมาป่าที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาขย้ำคอของเขาเอาไว้ ก่อนจะทุ่มมันลงพื้น ทำให้หมาป่าตัวนั้นตายโดยทันที อีกทั้งยังเกิดหลุมขึ้นบนพื้นด้วย

หลังจากที่เขาใช้มือข้างเดียวจับหมาป่าตัวหนึ่งทุ่มลงพื้นอย่างดุดันทรงพลัง ก็ทำให้หมาป่าตัวอื่น ๆ หวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้

อายุของเขายังไม่ทันจะสิบห้าดี หากเติบโตขึ้นแล้วจะไม่ยิ่งแข็งแกร่งกว่านี้หรือ

มารดาเจ้าเถิด ไม่เพียงแค่คนพ่อที่เก่งกาจ เหล่าลูกชายเองก็โดดเด่นเช่นเดียวกัน ในตอนนั้นเอง แม่ทัพทุกคนที่ออกล่าสัตว์ด้วยก็อดเกิดความรู้สึกย่ำแย่เช่นเดียวกับจี้หนานอ๋องไม่ได้

องค์ชายจากอาณาจักรอื่นยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ ส่วนพวกเขาเล่า?

หลงเหลือเพียงองค์ชายไร้ความสามารถ ส่วนองค์ชายที่ยอดเยี่ยมก็มีอยู่ ทว่าองค์ฮ่องเต้นั้นกลับเป็นคนไม่ได้ความทั้งยังตามืดบอดหูเบา ตนไร้ความสามารถแต่กลับมีความหวาดระแวงเป็นอย่างมาก กลัวบุตรได้ดีไปกว่าตน ทุกดินแดนต่างมีปัญหาของตัวเอง

หลังจากล่าสัตว์เสร็จก็มีงานเลี้ยงฉลอง ส่วนสุราที่รินในงานเลี้ยงก็คือเหล้าลูกพลับที่พวกเขาคะนึงถึง

แต่เป็นที่น่าเสียดายเล็กน้อยสำหรับผู้ชื่นชอบการดื่มเหล้าองุ่น

“ฮ่องเต้ต้าเซี่ย ข้าขอดื่มอวยพรแด่ท่าน ได้ยินมานานแล้วว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยเป็นเทพสงครามไร้พ่าย วันนี้ข้าได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้ว”

มีแม่ทัพผู้หนึ่งลุกขึ้นดื่มอวยพรให้เขา แม้แต่ละอาณาจักรจะมีจุดยืนไม่เหมือนกัน แต่หัวใจของคนเป็นแม่ทัพย่อมมีความเคารพเลื่อมใสต่อผู้ที่แข็งแกร่ง

เขาเป็นแม่ทัพที่อายุยังน้อย ทำให้มีจิตใจและความคิดเรียบง่าย ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับเทพสงครามไร้พ่ายแห่งต้าเซี่ยมาก่อน ทว่าไม่เคยพบพาน ในใจนั้นมีความไม่อยากจะเชื่ออยู่ แต่วันนี้เมื่อได้มาเห็นด้วยตาตนเอง ฮ่องเต้ต้าเซี่ยนั้นยามเผชิญหน้ากับอันตรายก็ยังคงเปี่ยมความมั่นใจและแข็งแกร่ง ประหนึ่งแม้ขุนเขาพังทลายลงก็จะไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด ธนูในตอนท้าย ไม่เพียงแต่จะยิงทะลุหัวหมีเท่านั้น ยังเหมือนแทงทะลุหัวใจของเขาไปด้วย!

นี่คือวีรบุรุษภายในใจของเขา!

น่าเสียดายที่ไม่ใช่คนอาณาจักรเป่ยเยว่ของพวกเขา QAQ

เปลือกตาของจี้หนานอ๋องกระตุกเมื่อเห็นแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ยังมีหน้าไปยกย่องฮ่องเต้ต้าเซี่ย เขาพาอีกฝ่ายมาเพื่อหาประสบการณ์นำไปช่วยเหลือเป่ยเยว่ ไม่ใช่เพื่อให้มาชื่นชมฮ่องเต้ต้าเซี่ย!

ไม่ว่าภายในใจทุกคนจะริษยามุ่งร้ายต่อต้าเซี่ยเพียงใด แต่ยามนี้พวกเขาล้วนชื่นชมและเอ่ยเรื่องดี ๆ จำนวนไม่น้อยออกมา

เหล่าขุนนางและทหารของต้าเซี่ยต่างยืดอกอย่างภาคภูมิใจ

ฮ่องเต้ของพวกเขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!

ยามนี้พวกเขาลืมความหวาดกลัวที่มีต่อฮ่องเต้เมื่อก่อนหน้าไปหมดสิ้น ภายในอกตอนนี้มีเพียงความภาคภูมิใจ

เสี่ยวเป่าเองก็ภูมิใจเช่นกัน หากนางมีหางคงยกชี้ฟ้าแล้ว

การได้ยินคนชื่นชมท่านพ่อนั้นทำให้นางมีความสุขเสียยิ่งกว่าการที่มีคนชมนาง

ทว่าผู้เป็นหัวเรื่องอย่างหนานกงสือเยวียนนั้นสงบนิ่งเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้ภาคภูมิใจอันใดกับคำเยินยอสรรเสริญแม้แต่น้อย

หนานกงสือเยวียน: เพียงแค่ฆ่าหมีเท่านั้น ก่อนหน้านี้ยามสังหารศัตรูมากมายในสนามรบ เขาก็ไม่ได้รู้สึกพึงพอใจแต่อย่างใด

ทางฝั่งงานเลี้ยงฉลองเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตัดกับทางคุกหลวงที่ดูเงียบเหงายิ่งนัก ทำให้เกิดความรู้สึกมืดมน

“มหาปุโรหิต ท่านรีบหาหนทางออกไปจากที่นี่เร็วเข้า! หนานกงสือเยวียนถึงกับบังอาจกล้าขังพวกเราเอาไว้ ความอัปยศในวันนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องชดใช้!”

องค์ชายสามแห่งหนานจ้าวมีสีหน้าบิดเบี้ยวไม่น่าดู

มหาปุโรหิตแต่เดิมที่นั่งหลับตาอยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน พลันลืมตาขึ้น มององค์ชายสามพูดจาไม่ยั้งคิดด้วยแววตาเย้ยหยันระคนเหน็บแนม

องค์ชายสามแห่งหนานจ้าวของพวกเขานั้น เพียงแค่เผชิญหน้ากับฮ่องเต้ต้าเซี่ยครู่เดียวก็ตื่นตกใจกลัวจนแทบปัสสาวะราด ทว่าเมื่อไม่อยู่ต่อหน้ากลับกล้าพูดจาไร้การยั้งคิดออกมา

หุนหันพลันแล่น อารมณ์ขึ้นง่าย และไร้สมอง ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจริง ๆ ที่พาคนโง่งมเช่นนี้มาด้วย

“มหาปุโรหิต พวกเราต้องหาหนทางออกไป! จะต้องให้เสด็จพ่อส่งกองทัพมาโจมตีต้าเซี่ย!”

“ทำอันใดกันอยู่ ตอนนี้กลายเป็นนักโทษแล้วก็สงบเสงี่ยมเสียบ้าง!”

ผู้คุมที่ได้ยินเสียงดังเดินเข้ามาตักเตือน

สิ่งนี้ทำให้องค์ชายสามแห่งหนานจ้าวโกรธเคืองเป็นอย่างมาก

“เจ้าถือสิ่งใดมาบังอาจเอ่ยตักเตือนองค์ชายเช่นข้า!”

ท่าทีเกรี้ยวกราดข่มขู่ทำให้ผู้คุมชะงักค้าง ทว่าก็กลับมาตอบสนองอย่างรวดเร็วพร้อมยิ้มเยาะเย้ย

“ท่านเป็นองค์ชายผู้หนึ่งก็จริง ทว่าตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่นักโทษ อยู่ในคุกแล้วยังวางมาดเป็นองค์ชาย ช่างน่าขันยิ่งนัก”

ขณะที่เขาเอ่ยออกมาก็มองไปทางองค์ชายสามแห่งหนานจ้าวด้วยสีหน้ารังเกียจ พร้อมส่งเสียงจิ๊จิ๊ออกมา “คนอย่างท่านเทียบกับองค์ชายของต้าเซี่ยพวกเราแล้ว กระทั่งผมสักเส้นก็มิอาจเทียบได้”

“เจ้า!”

“ดีมาก”

มหาปุโรหิตทนส่งเสียงออกมาไม่ได้ นิ้วของเขาแตะลงไปบนพื้น พลันมีแมงป่องสีดำขนาดเล็กที่สังเกตเห็นได้ยากหลายตัวปีนไต่ไปตามมุมกำแพง

“แม้ว่าพวกข้าจะกลายเป็นนักโทษแล้ว แต่ฮ่องเต้แห่งต้าเซี่ยจะกล้าสังหารพวกเราจริงหรือ”

เสียงของเขามืดมน ชวนให้ผู้ฟังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

ผู้คุมคนนั้นกำลังจะเอ่ยบางสิ่งออกมาเพื่อเยาะเย้ย แต่กลับรู้สึกเจ็บที่คอขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ก่อนที่จะได้เอื้อมมือขึ้นไปจับลำคอ ใบหน้าของเขาพลันซีดลงจนไร้สีเลือด ส่วนริมฝีปากก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ทวารทั้งเจ็ดเริ่มมีเลือดไหลออกมา

ผู้คุมล้มลงไปทันที

องค์ชายสามแห่งหนานจ้าวเห็นเช่นนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกกลัว ทว่ายังตื่นเต้นขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ เขารีบลากศพเข้ามาทันที ก่อนค้นเอากุญแจออกมาเปิดประตูคุก

มหาปุโรหิตมองด้วยสายตาลึกล้ำ “ไปเถิด มีคนมารับพวกเราแล้ว”

เมื่อเดินออกไปด้านนอกก็พบเข้ากับทหารยามทั้งหมดที่ถูกจัดการลงไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดล้วนสิ้นชีพด้วยพิษ

บุคคลในชุดสีดำแปลกประหลาดคุกเข่าลงต่อหน้ามหาปุโรหิต “ท่านมหาปุโรหิต”

มหาปุโรหิตมองไปทางเขาไป่สิงด้วยสายตาล้ำลึก

“พวกเราจะจากไปทั้งเช่นนี้หรือ”

องค์ชายสามแห่งหนานจ้าวรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่ง ต้องการจะกู้หน้าคืนกลับมาบ้าง

“ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน ข้าได้เตรียมของขวัญเอาไว้ให้พวกเขาแล้ว ฮ่า ๆ…หวังว่าฮ่องเต้ต้าเซี่ยจะไม่ ‘ประหลาดใจ’ จนเกินไป มิใช่ว่าเขาสนใจองค์หญิงผู้นั้นมากหรือ หากได้เห็นองค์หญิงผู้นั้นประสบเหตุขึ้นมา ยังจะสงบสติอารมณ์ได้อยู่หรือไม่”

เมื่อองค์ชายสามแห่งหนานจ้าวเอ่ยถาม เขาก็ไม่ได้บอกแผนที่เตรียมไว้แต่อย่างใด ทหารด้านนอกเริ่มตื่นตัวขึ้นมาแล้ว จะดีกว่าหากรีบหนีออกจากต้าเซี่ยให้เร็วที่สุด ในระหว่างที่หนานกงสือเยวียนไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่

ข่าวที่ว่าคนของหนานจ้าวหนีออกจากคุกในยามค่ำคืน ถูกส่งไปถึงหนานกงสือเยวียนอย่างรวดเร็ว

หนานกงสือเยวียนเคาะนิ้วลงบนโต๊ะ แสงเทียนสลัวทำให้ผู้อื่นไม่อาจมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน

“ฝ่าบาท กระหม่อมเต็มใจออกไปจับกุมพวกคนหนานจ้าว”

“ลูกก็เต็มใจเช่นกัน!” หนานกงฉีโม่ก้าวออกมา

“ไม่จำเป็น”

หนานกงสือเยวียนกล่าวเสียงเย็นชา “หนานจ้าวเก่งกาจเรื่องพิษและกู่ แม้จะยึดสิ่งของที่ใช้คุมตัวกู่บนร่างของพวกเขามาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้บนร่างของพวกเขามีพิษและกู่เหลือมากน้อยเพียงใด ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยง”

“แล้วจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ”

มุมปากของหนานกงสือเยวียนยกขึ้นอย่างเย็นชา “ปล่อย?”

เขาลุกขึ้นอย่างแช่มช้า ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

“ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้”

“ประกาศออกไป มหาปุโรหิตและองค์ชายสามแห่งหนานจ้าวพยายามลอบสังหารข้า กระจายข่าวการหลบหนีออกจากคุก ส่วนครอบครัวของเหล่าผู้คุมที่เสียชีวิตก็มอบเงินปลอบขวัญและจัดเตรียมที่อยู่ให้ พร้อมกับออกคำสั่งในกองทัพในหนานเจียงเตรียมตัวทำสงคราม!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

การกระทำของหนานจ้าวมาไม่ถึงเขาไป่สิง ทว่าพรุ่งนี้ยามฟ้าสาง ทุกอาณาจักรก็น่าจะได้ทราบถึงข่าวนี้