บทที่ 209 ตี้อู๋... อู๋ตี้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ฉู่ฮวนเจาบุ้ยปากไม่พอใจทันที “แล้วทำไมข้าจะต้องสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ?”

ในเวลาเดียวกัน อู๋ตี้ของตระกูลหยวนเดินขึ้นไปบนลานประลองแล้วเช่นกัน

ซูอันตัดสินใจที่จะดูการประลองนี้อย่างตั้งใจ เขาไม่เคยเห็นภรรยาของเขาสู้จริง ๆ มาก่อน เขาอยากรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้อยู่ห่างไกลจากผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถมากที่สุดในกลุ่มอายุของเขามากเพียงใด

“นามของข้าคือตี้อู๋ ข้ารอคอยที่จะได้ลิ้มรสเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ของแม่นางฉู่มานานแล้ว!” เมื่อเห็นใกล้ ๆ อู๋ตี้ก็อดประหลาดใจกับความงามของหญิงสาวชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้

**ปล.อู๋ตี้ ต้องปกปิดชื่อจริงตัวเองดังนั้นเขาจึงแนะนำชื่อตัวเองออกไปว่า ตี้อู๋**

ดวงตาของนางสวยงามราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และใบหน้าของนางดูราวกับว่าได้รับการวาดอย่างระมัดระวังโดยจิตรกรระดับปรมาจารย์ อู๋ตี้รู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงตัณหาของตัวเองที่หลับใหลมานานกำลังลุกโชน

แต่แล้วความรู้สึกสิ้นหวังก็ตามมาบดขยี้เขาอย่างรวดเร็ว หากเขามีอายุ 20 และมีระดับการบ่มเพาะระดับ 6 เขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อไล่ตามนางอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นชายวัยกลางคนไปแล้ว แถมศักยภาพการบ่มเพาะของเขายังไม่สามารถที่จะพัฒนาไปได้ต่ออีกต่างหาก เขาไม่มีทางที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบอย่างนางแน่นอน

ข้าสงสัยว่าผู้ชายแบบไหนในโลกที่จะคู่ควรกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างนาง!

จากนั้นเขาก็นึกถึงข่าวที่เขาเคยได้ยินมาว่า คุณหนูใหญ่ฉู่เลือกคนไร้ค่าที่มีชื่อเสียงแย่ ๆ ในเมืองจันทร์กระจ่าง เป็นสามีของนาง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ความอิจฉาก็เกาะกุมหัวใจของเขาอย่างฉับพลัน

นี่มันไม่ยุติธรรม ! คนแบบนั้นจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร ? ถ้าคนอย่างข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไล่ตามนาง ผู้ชายอย่างไอ้คน ๆ นั้นจะมีคุณสมบัติพอจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าแบบนี้ได้อย่างไร!

ท่านยั่วยุ อู๋ตี้ สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!

ซูอันที่กำลังรอดูการประลองอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นจากอู๋ตี้ไหลเข้ามา มันทำให้เขาตกใจ หือ? อู๋ตี้ คนนี้สมองผิดปกติรึเปล่า ทำไมจู่ ๆ กลับโกรธข้าอย่างรุนแรงขนาดนี้?

ซูอันรีบหันไปมองหน้าอู๋ตี้อย่างรวดเร็ว และนั่นมันก็ทำให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝั่งตรงข้ามก็กำลังจ้องมาที่เขาอย่างอาฆาตเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตี้อู๋…อู๋ตี้… อ้อน่าสนใจๆ

ทันใดนั้น กรรมการบนลานประลองก็ประกาศเริ่มการประลอง อู๋ตี้จึงหันความสนใจกลับไปที่หญิงสาวสวยตรงหน้าเขาทันที

‘แม้ว่าข้าจะไม่มีหวังในตัวของเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าจำข้าได้ตลอดชีวิต ข้าจะทำให้เจ้าประสบกับความพ่ายแพ้ที่น่าเศร้าในวันนี้!’

เขาชักดาบโค้งออกมา และจากนั้นมันก็ถูกหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดงทันที แถมที่ข้างหลังเขาก็มีเงาที่คลุมเครือของเสือที่ดุร้ายปรากฏขึ้นมาให้เห็น คลื่นความร้อนแผ่ออกไปรอบลานประลอง สร้างความประหลาดใจให้กับฝูงชน

“ข…เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5! ตระกูลหยวนมีผู้บ่มเพาะระดับสูงมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!”

“ยิ่งไปกว่านั้น ธาตุที่เขาใช้คือธาตุไฟ ซึ่งเป็นคู่ปรับกับธาตุน้ำแข็งของคุณหนูใหญ่ฉู่!”

“ข้าคิดว่าการประลองรอบนี้คงไม่ง่ายซะแล้วสำหรับตระกูลฉู่”

“ไฟสามารถหลอมละลายน้ำแข็งได้ แต่น้ำแข็งถ้าแข็งแกร่งพอก็สามารถดับไฟได้เช่นกัน สุดท้ายมันการตัดสินว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”

ฉู่ชูเหยียนชักกระบี่ออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กระบี่ของนางถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกสีขาวและสีฟ้าอ่อนสลับกันไปอย่างน่าตื่นตา นี่เป็นผลจากความหนาวเย็นสุดขั้วของพลังธาตุของนางที่ถูกทำให้รวมเข้ากับกระบี่อย่างสมบูรณ์

ซูอันบ่นกับตัวเอง

ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบุคลิกของภรรยาข้าถึงเย็นชานัก แม้แต่อาวุธของนางก็ยังเย็นหยั่งกับก้อนน้ำแข็ง!

จากนั้นอู๋ตี้พลันเปิดการโจมตีก่อนด้วยการวาดดาบพุ่งเข้าใส่ฉู่ชูเหยียนราวกับเสือที่ดุร้าย

ซูอันรู้สึกทึ่งกับภาพที่เห็น โว้ว ๆ การโจมตีของอู๋ตี้อะไรนั่นมาพร้อมกับแสงสีเสียงประกอบที่น่าตื่นตาจริง ๆ! ข้าคิดว่าไอ้เจ้าอู๋ตี้อะไรนี่คงไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่ทุกคนเข้าใจแน่ ๆ แล้วแบบนี้ภรรยาของข้าจะรับมือกับไอ้คนผู้นี้ไหวรึเปล่าหว่า?

บนลานประลอง ฉู่ชูเหยียนค่อย ๆ ยกกระบี่ของนางขึ้นและสะบัดข้อมือส่งกระบี่ของนางแทงสวนไปยังศัตรูของนางที่กำลังพุ่งเข้ามา

ปลายกระบี่ของฉู่ชูเหยียนปะทะกับใบดาบของอู๋ตี้อย่างจังจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู และนั่นส่งผลให้ร่างเงาของเสือที่ดุร้ายที่อยู่เบื้องหลังอู๋ตี้หายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย และต่อจากนั้นคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่กระจายออกมาจากจุดปะทะของคนทั้งสอง

ผู้ชมครึ่งหนึ่งถูกคลื่นความร้อนจัด ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งตัวสั่นราวกับยืนตัวเปล่าในฤดูหนาวที่หนาวที่สุด

หลังจากการปะทะครั้งแรก ทั้งคู่ต่างกระเด็นถอยหลังห่างกันไปหลายจั้ง อู๋ตี้จ้องไปที่ร่างที่สวยงามซึ่งอยู่ห่างออกไปด้วยความประหลาดใจ เขาสามารถบอกได้ว่าความสามารถของฉู่ชูเหยียนในการจัดการใช้พลังชี่นั้นเหนือกว่าเขา

นี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับอัจฉริยะที่แท้จริงงั้นเหรอ?

แต่ไม่ว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เจ้าก็ไม่สามารถต่อกรกับประสบการณ์ยี่สิบปีที่ข้ามีมากกว่าเจ้าออกไปได้! เจ้าจะต้องแพ้การประลองครั้งนี้!

ตรงข้ามเขา ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว ปริมาณสำรองพลังชี่ของศัตรูของนางนั้นมีมากกว่าที่นางคาดไว้ ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยวน และเข้าร่วมการประลองนี้เพื่อจัดการกับนางโดยเฉพาะ

หลังจากหยุดพักกันครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็พุ่งเข้าปะทะกันอีกรอบอย่างรุนแรง ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาทำให้คนธรรมดาไม่สามารถมองตามทันได้ การโจมตีของฉู่ชูเหยียนนั้นสง่างามแต่เฉียบขาด ในขณะที่การโจมตีของอู๋ตี้นั้นดูทรงพลังและตรงไปตรงมา

เป็นการประลองที่น่าประหลาดใจ

“ชายคนนั้นสามารถรับมือกับคุณหนูฉู่ได้จริงๆ!”

“ตระกูลหยวนมีผู้บ่มเพาะระดับนี้ได้ยังไง?”

ฉินหว่านหรูเฝ้าดูลูกสาวของนางอย่างกังวล “สามี ผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?”

ฉู่จงเทียนขมวดคิ้วแน่น “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ข้ารู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเขา เพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ ของชูเหยียนนั้นแฝงไปด้วยพลังเยือกแข็งที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของศัตรูของนาง ตามปกติแล้วยิ่งนางสู้ ศัตรูของนางก็จะต้องยิ่งค่อย ๆ ช้าลง แต่ตี้อู๋คนนี้ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับพลังเยือกแข็งของลูกสาวเราเลย นี่มันแปลกจริงๆ”

“เป็นไปได้ไหมว่าเคล็ดวิชาการบ่มเพาะธาตุไฟของเขาสามารถต้านทานพลังเยือกแข็งของชูเหยียนได้?” นางถามฉินหว่านหรู

“มันก็เป็นไปได้” ฉู่จงเทียนตอบกลับในขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปบนลานประลองอย่างตั้งใจ

ในขณะนี้บนลานประลอง อู๋ตี้และฉู่ชูเหยียนแยกจากกันอีกครั้งเพื่อปรับพลังชี่ที่ยุ่งเหยิงในร่างของพวกเขา

มือของอู๋ตี้ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่เขาสลายมันด้วยเปลวเพลิง ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มประจบประแจง “ข้าได้ยินมาช้านานถึงความสามารถอันน่าทึ่งของคุณหนูใหญ่ฉู่ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องจริงจังซะแล้ว!”

ใต้เวทีประลอง หยวนเหวินตงขมวดคิ้ว ทำไมผู้อาวุโสอู๋ตี้ถึงพูดมากในวันนี้? เขามักจะเป็นคนที่พูดน้อยอยู่เสมอนี่นา นี้ไม่เหมือนเขาตามปกติเลย!

อย่างไรก็ตาม ซูอันมีคำตอบสำหรับคำถามนั้น “ฮึ่ม! ไอ้เวรนั่นมันคงคิดว่าภรรยาของข้าสวย มันจึงทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจของนาง ไอ้สารเลวเอ๊ย!”

โชคดีที่ฉู่ชูเหยียนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของอู๋ตี้แม้แต่น้อยซึ่งมันเข้ากับพลังอันเย็นยะเยือกของนาง นางยืนโคจรพลังชี่อย่างเงียบ ๆ ดวงตาของนางสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ

อู๋ตี้รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อเขาได้พบกับการจ้องมองอันบริสุทธิ์ของนาง น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่ให้ข้าได้มีสิทธิ์ครอบครองผู้หญิงดี ๆ แบบนี้!

หลังจากถอนหายใจยาว เขาก็จึงใส่ความรู้สึกเสียดายลงไปกับการประลองครั้งนี้ทั้งหมด

ดาบเพลิงผลาญปฐพี!

อู๋ตี้กระโดดขึ้นไปในอากาศ ดาบของเขาชี้ขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นเปลวเพลิงที่รุนแรงปกคลุมดาบทั้งเล่มจนหมดจดและค่อย ๆ ก่อตัวเป็นดาบยาว 3 จั้งเศษ

“บัดซับเอ๊ย ! แม้แต่วิชาดาบเปลวอัคคีของจิวม่อจื้อยังไม่ฉูดฉาดแบบนี้เลย!” ซูอันยืดตัวขึ้น ประทับใจกับภาพที่เห็น “ถ้าข้าสามารถเรียนรู้วิชาเจ๋ง ๆ แบบนี้ได้ในอนาคต ข้าคงสามารถเอาชนะใจสาว ๆ ได้อย่างง่ายดาย!”

**จิวม่อจื้อ เป็นตัวละครจากนิยายและภาพยนตร์ชุดเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ของ กิมย้ง**

“ข้าไม่เห็นสาว ๆ คนไหนส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับอู๋ตี้สักหน่อยทั้ง ๆ ที่เขากำลังใช้วิชานี้” ฉู่ฮวนเจาเอ่ยขึ้นข้างๆ

ซูอันจึงอธิบายอย่างร่าเริงว่า “นั่นเป็นเพราะหน้าตาของเขาไม่น่าสนใจด้วยต่างหาก แต่ถ้าหากเป็นข้าผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลาใช้มันแล้วล่ะก็สาว ๆ แทบทั้งหมดจะต้องตามข้ากลับบ้านเป็นพรวนแน่นอน!”

แม้ภายนอกซูอันจะดูร่าเริง แต่ในใจของเขาเป็นห่วงฉู่ชูเหยียนมาก เขาไม่แน่ใจว่านางจะรับมือกับวิชาที่อลังการนี้ได้หรือไม่ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าผมของนางไหม้ไปสองสามเส้นให้กับอู๋ตี้!

บนลานประลอง ฉู่ชูเหยียนเหวี่ยงกระบี่ของนางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ซึ่งจากนั้นเกล็ดหิมะก็เริ่มปรากฏขึ้นและจำนวนของมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วจนล้อมรอบตัวนางราวกับพายุหมุนหิมะเส้นผ่าศูนย์กลางหลายจั้ง

ภาพนี้มันคล้ายกับนางเป็นเทพธิดาที่กำลังเรียกพายุหิมะอันรุนแรงลงมาถล่มโลก

ผู้ชมต่างตกตะลึง

“ว้าว สวยมากเลย!”

“ภายใต้ความงามนั้นมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง แค่เกล็ดหิมะเพียงเกล็ดเดียวก็สามารถเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งได้เลย!”

“เอ…ว่าแต่ถ้าคุณหนูใหญ่ฉู่มีร่างกายที่เย็นขนาดนี้ สามีของนางจะไม่แข็งตายเพียงแค่กอดนางเหรอ?”

“เจ้าจะไปรู้อะไร ? ภายนอกนางอาจจะเย็นชา แต่ข้าพนันได้เลยว่านางภายในของนางร้อนแรงอย่างแน่นอน!”

“เจ้านี่มันมากตัณหาจริงๆ!”