ฉู่ฮวนเจาบุ้ยปากไม่พอใจทันที “แล้วทำไมข้าจะต้องสนใจเรื่องพวกนั้นด้วยล่ะ?”
ในเวลาเดียวกัน อู๋ตี้ของตระกูลหยวนเดินขึ้นไปบนลานประลองแล้วเช่นกัน
ซูอันตัดสินใจที่จะดูการประลองนี้อย่างตั้งใจ เขาไม่เคยเห็นภรรยาของเขาสู้จริง ๆ มาก่อน เขาอยากรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้อยู่ห่างไกลจากผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถมากที่สุดในกลุ่มอายุของเขามากเพียงใด
“นามของข้าคือตี้อู๋ ข้ารอคอยที่จะได้ลิ้มรสเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ของแม่นางฉู่มานานแล้ว!” เมื่อเห็นใกล้ ๆ อู๋ตี้ก็อดประหลาดใจกับความงามของหญิงสาวชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ได้
**ปล.อู๋ตี้ ต้องปกปิดชื่อจริงตัวเองดังนั้นเขาจึงแนะนำชื่อตัวเองออกไปว่า ตี้อู๋**
ดวงตาของนางสวยงามราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และใบหน้าของนางดูราวกับว่าได้รับการวาดอย่างระมัดระวังโดยจิตรกรระดับปรมาจารย์ อู๋ตี้รู้สึกได้ถึงเปลวเพลิงตัณหาของตัวเองที่หลับใหลมานานกำลังลุกโชน
แต่แล้วความรู้สึกสิ้นหวังก็ตามมาบดขยี้เขาอย่างรวดเร็ว หากเขามีอายุ 20 และมีระดับการบ่มเพาะระดับ 6 เขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อไล่ตามนางอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขากลายเป็นชายวัยกลางคนไปแล้ว แถมศักยภาพการบ่มเพาะของเขายังไม่สามารถที่จะพัฒนาไปได้ต่ออีกต่างหาก เขาไม่มีทางที่จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบอย่างนางแน่นอน
ข้าสงสัยว่าผู้ชายแบบไหนในโลกที่จะคู่ควรกับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างนาง!
จากนั้นเขาก็นึกถึงข่าวที่เขาเคยได้ยินมาว่า คุณหนูใหญ่ฉู่เลือกคนไร้ค่าที่มีชื่อเสียงแย่ ๆ ในเมืองจันทร์กระจ่าง เป็นสามีของนาง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ความอิจฉาก็เกาะกุมหัวใจของเขาอย่างฉับพลัน
นี่มันไม่ยุติธรรม ! คนแบบนั้นจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร ? ถ้าคนอย่างข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะไล่ตามนาง ผู้ชายอย่างไอ้คน ๆ นั้นจะมีคุณสมบัติพอจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เหมือนนางฟ้าแบบนี้ได้อย่างไร!
—
ท่านยั่วยุ อู๋ตี้ สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +999!
—
ซูอันที่กำลังรอดูการประลองอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเห็นคะแนนความโกรธแค้นจากอู๋ตี้ไหลเข้ามา มันทำให้เขาตกใจ หือ? อู๋ตี้ คนนี้สมองผิดปกติรึเปล่า ทำไมจู่ ๆ กลับโกรธข้าอย่างรุนแรงขนาดนี้?
ซูอันรีบหันไปมองหน้าอู๋ตี้อย่างรวดเร็ว และนั่นมันก็ทำให้เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าฝั่งตรงข้ามก็กำลังจ้องมาที่เขาอย่างอาฆาตเช่นกัน เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตี้อู๋…อู๋ตี้… อ้อน่าสนใจๆ
ทันใดนั้น กรรมการบนลานประลองก็ประกาศเริ่มการประลอง อู๋ตี้จึงหันความสนใจกลับไปที่หญิงสาวสวยตรงหน้าเขาทันที
‘แม้ว่าข้าจะไม่มีหวังในตัวของเจ้า แต่ข้าจะทำให้เจ้าจำข้าได้ตลอดชีวิต ข้าจะทำให้เจ้าประสบกับความพ่ายแพ้ที่น่าเศร้าในวันนี้!’
เขาชักดาบโค้งออกมา และจากนั้นมันก็ถูกหุ้มด้วยเปลวเพลิงสีแดงทันที แถมที่ข้างหลังเขาก็มีเงาที่คลุมเครือของเสือที่ดุร้ายปรากฏขึ้นมาให้เห็น คลื่นความร้อนแผ่ออกไปรอบลานประลอง สร้างความประหลาดใจให้กับฝูงชน
“ข…เขาเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 5! ตระกูลหยวนมีผู้บ่มเพาะระดับสูงมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ธาตุที่เขาใช้คือธาตุไฟ ซึ่งเป็นคู่ปรับกับธาตุน้ำแข็งของคุณหนูใหญ่ฉู่!”
“ข้าคิดว่าการประลองรอบนี้คงไม่ง่ายซะแล้วสำหรับตระกูลฉู่”
“ไฟสามารถหลอมละลายน้ำแข็งได้ แต่น้ำแข็งถ้าแข็งแกร่งพอก็สามารถดับไฟได้เช่นกัน สุดท้ายมันการตัดสินว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน!”
…
ฉู่ชูเหยียนชักกระบี่ออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง กระบี่ของนางถูกล้อมรอบไปด้วยหมอกสีขาวและสีฟ้าอ่อนสลับกันไปอย่างน่าตื่นตา นี่เป็นผลจากความหนาวเย็นสุดขั้วของพลังธาตุของนางที่ถูกทำให้รวมเข้ากับกระบี่อย่างสมบูรณ์
ซูอันบ่นกับตัวเอง
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบุคลิกของภรรยาข้าถึงเย็นชานัก แม้แต่อาวุธของนางก็ยังเย็นหยั่งกับก้อนน้ำแข็ง!
จากนั้นอู๋ตี้พลันเปิดการโจมตีก่อนด้วยการวาดดาบพุ่งเข้าใส่ฉู่ชูเหยียนราวกับเสือที่ดุร้าย
ซูอันรู้สึกทึ่งกับภาพที่เห็น โว้ว ๆ การโจมตีของอู๋ตี้อะไรนั่นมาพร้อมกับแสงสีเสียงประกอบที่น่าตื่นตาจริง ๆ! ข้าคิดว่าไอ้เจ้าอู๋ตี้อะไรนี่คงไม่ใช่ชายหนุ่มอย่างที่ทุกคนเข้าใจแน่ ๆ แล้วแบบนี้ภรรยาของข้าจะรับมือกับไอ้คนผู้นี้ไหวรึเปล่าหว่า?
บนลานประลอง ฉู่ชูเหยียนค่อย ๆ ยกกระบี่ของนางขึ้นและสะบัดข้อมือส่งกระบี่ของนางแทงสวนไปยังศัตรูของนางที่กำลังพุ่งเข้ามา
ปลายกระบี่ของฉู่ชูเหยียนปะทะกับใบดาบของอู๋ตี้อย่างจังจนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู และนั่นส่งผลให้ร่างเงาของเสือที่ดุร้ายที่อยู่เบื้องหลังอู๋ตี้หายไปในทันทีอย่างไร้ร่องรอย และต่อจากนั้นคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่กระจายออกมาจากจุดปะทะของคนทั้งสอง
ผู้ชมครึ่งหนึ่งถูกคลื่นความร้อนจัด ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งตัวสั่นราวกับยืนตัวเปล่าในฤดูหนาวที่หนาวที่สุด
หลังจากการปะทะครั้งแรก ทั้งคู่ต่างกระเด็นถอยหลังห่างกันไปหลายจั้ง อู๋ตี้จ้องไปที่ร่างที่สวยงามซึ่งอยู่ห่างออกไปด้วยความประหลาดใจ เขาสามารถบอกได้ว่าความสามารถของฉู่ชูเหยียนในการจัดการใช้พลังชี่นั้นเหนือกว่าเขา
นี่คือความแตกต่างระหว่างข้ากับอัจฉริยะที่แท้จริงงั้นเหรอ?
แต่ไม่ว่าเจ้าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เจ้าก็ไม่สามารถต่อกรกับประสบการณ์ยี่สิบปีที่ข้ามีมากกว่าเจ้าออกไปได้! เจ้าจะต้องแพ้การประลองครั้งนี้!
ตรงข้ามเขา ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว ปริมาณสำรองพลังชี่ของศัตรูของนางนั้นมีมากกว่าที่นางคาดไว้ ดูเหมือนว่าฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยวน และเข้าร่วมการประลองนี้เพื่อจัดการกับนางโดยเฉพาะ
หลังจากหยุดพักกันครู่หนึ่ง ทั้งสองคนก็พุ่งเข้าปะทะกันอีกรอบอย่างรุนแรง ความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาทำให้คนธรรมดาไม่สามารถมองตามทันได้ การโจมตีของฉู่ชูเหยียนนั้นสง่างามแต่เฉียบขาด ในขณะที่การโจมตีของอู๋ตี้นั้นดูทรงพลังและตรงไปตรงมา
เป็นการประลองที่น่าประหลาดใจ
“ชายคนนั้นสามารถรับมือกับคุณหนูฉู่ได้จริงๆ!”
“ตระกูลหยวนมีผู้บ่มเพาะระดับนี้ได้ยังไง?”
…
ฉินหว่านหรูเฝ้าดูลูกสาวของนางอย่างกังวล “สามี ผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่?”
ฉู่จงเทียนขมวดคิ้วแน่น “ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ข้ารู้สึกว่าบางอย่างมันไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเขา เพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ ของชูเหยียนนั้นแฝงไปด้วยพลังเยือกแข็งที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของศัตรูของนาง ตามปกติแล้วยิ่งนางสู้ ศัตรูของนางก็จะต้องยิ่งค่อย ๆ ช้าลง แต่ตี้อู๋คนนี้ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับพลังเยือกแข็งของลูกสาวเราเลย นี่มันแปลกจริงๆ”
“เป็นไปได้ไหมว่าเคล็ดวิชาการบ่มเพาะธาตุไฟของเขาสามารถต้านทานพลังเยือกแข็งของชูเหยียนได้?” นางถามฉินหว่านหรู
“มันก็เป็นไปได้” ฉู่จงเทียนตอบกลับในขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปบนลานประลองอย่างตั้งใจ
ในขณะนี้บนลานประลอง อู๋ตี้และฉู่ชูเหยียนแยกจากกันอีกครั้งเพื่อปรับพลังชี่ที่ยุ่งเหยิงในร่างของพวกเขา
มือของอู๋ตี้ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็ง แต่เขาสลายมันด้วยเปลวเพลิง ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มประจบประแจง “ข้าได้ยินมาช้านานถึงความสามารถอันน่าทึ่งของคุณหนูใหญ่ฉู่ ดูเหมือนว่าข่าวลือจะไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องจริงจังซะแล้ว!”
ใต้เวทีประลอง หยวนเหวินตงขมวดคิ้ว ทำไมผู้อาวุโสอู๋ตี้ถึงพูดมากในวันนี้? เขามักจะเป็นคนที่พูดน้อยอยู่เสมอนี่นา นี้ไม่เหมือนเขาตามปกติเลย!
อย่างไรก็ตาม ซูอันมีคำตอบสำหรับคำถามนั้น “ฮึ่ม! ไอ้เวรนั่นมันคงคิดว่าภรรยาของข้าสวย มันจึงทำทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดความสนใจของนาง ไอ้สารเลวเอ๊ย!”
โชคดีที่ฉู่ชูเหยียนไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของอู๋ตี้แม้แต่น้อยซึ่งมันเข้ากับพลังอันเย็นยะเยือกของนาง นางยืนโคจรพลังชี่อย่างเงียบ ๆ ดวงตาของนางสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์แบบ
อู๋ตี้รู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อเขาได้พบกับการจ้องมองอันบริสุทธิ์ของนาง น่าเสียดายที่โชคชะตาไม่ให้ข้าได้มีสิทธิ์ครอบครองผู้หญิงดี ๆ แบบนี้!
หลังจากถอนหายใจยาว เขาก็จึงใส่ความรู้สึกเสียดายลงไปกับการประลองครั้งนี้ทั้งหมด
ดาบเพลิงผลาญปฐพี!
อู๋ตี้กระโดดขึ้นไปในอากาศ ดาบของเขาชี้ขึ้นไปบนฟ้าจากนั้นเปลวเพลิงที่รุนแรงปกคลุมดาบทั้งเล่มจนหมดจดและค่อย ๆ ก่อตัวเป็นดาบยาว 3 จั้งเศษ
“บัดซับเอ๊ย ! แม้แต่วิชาดาบเปลวอัคคีของจิวม่อจื้อยังไม่ฉูดฉาดแบบนี้เลย!” ซูอันยืดตัวขึ้น ประทับใจกับภาพที่เห็น “ถ้าข้าสามารถเรียนรู้วิชาเจ๋ง ๆ แบบนี้ได้ในอนาคต ข้าคงสามารถเอาชนะใจสาว ๆ ได้อย่างง่ายดาย!”
**จิวม่อจื้อ เป็นตัวละครจากนิยายและภาพยนตร์ชุดเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ของ กิมย้ง**
“ข้าไม่เห็นสาว ๆ คนไหนส่งสายตาหวานเยิ้มให้กับอู๋ตี้สักหน่อยทั้ง ๆ ที่เขากำลังใช้วิชานี้” ฉู่ฮวนเจาเอ่ยขึ้นข้างๆ
ซูอันจึงอธิบายอย่างร่าเริงว่า “นั่นเป็นเพราะหน้าตาของเขาไม่น่าสนใจด้วยต่างหาก แต่ถ้าหากเป็นข้าผู้ที่มีหน้าตาหล่อเหลาใช้มันแล้วล่ะก็สาว ๆ แทบทั้งหมดจะต้องตามข้ากลับบ้านเป็นพรวนแน่นอน!”
แม้ภายนอกซูอันจะดูร่าเริง แต่ในใจของเขาเป็นห่วงฉู่ชูเหยียนมาก เขาไม่แน่ใจว่านางจะรับมือกับวิชาที่อลังการนี้ได้หรือไม่ มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ถ้าผมของนางไหม้ไปสองสามเส้นให้กับอู๋ตี้!
บนลานประลอง ฉู่ชูเหยียนเหวี่ยงกระบี่ของนางด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ซึ่งจากนั้นเกล็ดหิมะก็เริ่มปรากฏขึ้นและจำนวนของมันก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็วจนล้อมรอบตัวนางราวกับพายุหมุนหิมะเส้นผ่าศูนย์กลางหลายจั้ง
ภาพนี้มันคล้ายกับนางเป็นเทพธิดาที่กำลังเรียกพายุหิมะอันรุนแรงลงมาถล่มโลก
ผู้ชมต่างตกตะลึง
“ว้าว สวยมากเลย!”
“ภายใต้ความงามนั้นมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง แค่เกล็ดหิมะเพียงเกล็ดเดียวก็สามารถเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งได้เลย!”
“เอ…ว่าแต่ถ้าคุณหนูใหญ่ฉู่มีร่างกายที่เย็นขนาดนี้ สามีของนางจะไม่แข็งตายเพียงแค่กอดนางเหรอ?”
“เจ้าจะไปรู้อะไร ? ภายนอกนางอาจจะเย็นชา แต่ข้าพนันได้เลยว่านางภายในของนางร้อนแรงอย่างแน่นอน!”
“เจ้านี่มันมากตัณหาจริงๆ!”
ต่างจากเกล็ดหิมะทั่วไป เกล็ดหิมะที่ลอยอยู่รอบ ๆ ฉู่ชูเหยียน ไม่ตกลงบนพื้นและละลาย แต่พวกมันกลับรวมตัวกันเป็นดอกบัวน้ำแข็งอยู่รอบร่างของนาง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซ่างหงพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาช้านานเกี่ยวกับชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ฉู่ในฐานะผู้บ่มเพาะที่ยอดเยี่ยม แต่การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้มันช่างน่าประทับใจมากกว่าฟังข่าวลือที่ผู้คนพูดกันซะอีก ช่างน่าเหลือเชื่อที่นางสามารถควบคุมพลังชี่ของนางได้ถึงระดับนี้”
ไม่ไกลจากเขา ซ่างเชียนจ้องมองที่ฉู่ชูเหยียนด้วยสายตาที่ร้อนระอุ ถึงแม้ว่าเจิ้งตานจะงดงามจนน่าตกตะลึง แต่ถ้าเทียบกับฉู่ชูเหยียน นางยังด้อยกว่าอยู่พอสมควร ถ้าข้ามีผู้หญิงแบบนี้เป็นภรรยา แม้แต่ตอนหลับข้าคงจะหัวเราะทั้งคืน!
หากเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เขาพบว่าฉู่ชูเหยียนเลือกซูอันซึ่งด้อยกว่าเขาในทุก ๆ ด้าน เขาก็รู้สึกว่าเทพธิดาคนนี้ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมอย่างที่เขาคิดในตอนแรก แถมยิ่งในตอนนี้เขารู้แผนการของพ่อเขาแล้ว เมื่อไหร่ที่ตระกูลฉู่แตกสลาย นางก็จะไม่มีสถานะที่สูงส่งอย่างลูกสาวคนโตของอ๋องอีกต่อไป บางทีเมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะมีโอกาส
ส่วนที่ลำบากเพียงอย่างเดียวคือซือคุนซึ่งดูเหมือนจะสนใจนางเช่นกัน…
ในเวลาเดียวกัน ซ่างหงซึ่งไม่รู้ว่าลูกชายของเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาหันไปหาเจียงลั่วฝูและเริ่มคุยกับนาง “เรื่องนี้ต้องชมท่านอาจารย์ใหญ่เจียงที่ทำให้คุณหนูฉู่ก้าวหน้าขนาดนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย”
ขณะที่เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมตัวเอง เขาก็ยังคงไม่สามารถหยุดสายตาไม่ให้เหลือบมองไปถึงเรียวขาของนางได้ ขาของนางเรียวยาวอย่างงดงามเข้ารูปสมบูรณ์แบบ หากมีใครบอกเขาว่านี่เป็นประติมากรรมจากสวรรค์เขาจะเชื่ออย่างหมดใจ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังสวมถุงน่องที่ปกปิดผิวพรรณของนางไว้ ซึ่งมันยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกน่าค้นหา
ผู้หญิงคนนี้ช่างร้อนแรงจริงๆ!
เจียงลั่วฝูยิ้มตอบ “ความสำเร็จของฉู่ชูเหยียนส่วนใหญ่สร้างขึ้นจากความสามารถและสติปัญญาที่สูงส่งของนางเอง ทางสถาบันจันทร์กระจ่างทำแค่เพียงชี้แนะนางเล็กน้อยเท่านั้น”
“อาจารย์ใหญ่เจียงถ่อมตัวเกินไปแล้ว” ซ่างหงไม่คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่มากตัณหา แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขานั้นร้อนแรงเกินไป แม้เขาจะพยายามควบคุมตนเองอย่างดีแล้ว แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาเผลอแอบมองนาง
กลับไปบนลานประลอง อู๋ตี้ได้เสร็จสิ้นการเตรียมการโจมตีของเขาเรียบร้อย ด้วยดาบที่ควบแน่นจากพลังธาตุไฟยาว 3 จั้งในมือของเขา เขาฟันมันลงใส่ดอกบัวน้ำแข็งที่ปกคลุมรอบกายของฉู่ชูเหยียนอย่างรุนแรง
ไฟและน้ำแข็งเป็นศัตรูต่อกัน เมื่อเผชิญหน้ากัน กลีบดอกบัวชั้นนอกสุดละลายทันทีและจากนั้นดาบเพลิงค่อย ๆ ผ่าไปถึงตรงกลางดอกบัว ซึ่งฉู่ชูเหยียนยืนอยู่
“คุณหนูฉู่ ระวัง!”
“เทพธิดาฉู่ ระวัง!”
…
ฉู่ชูเหยียนนั้นสวยเกินไปจนถึงแม้ว่าฝูงชนที่ด้านล่างจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลฉู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนนางด้วยความกังวล
ซูอันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่คนพวกนี้ยุ่มย่ามกับเรื่องของภรรยาของเขา นี่ข้ายังไม่ได้ตะโกนเลยนะ แล้วพวกเจ้าจะตื่นตระหนกกันเพื่ออะไร?
เขาไม่พอใจที่เห็นว่าผู้ชายจำนวนมากเพ้อฝันถึงภรรยาของเขา และเมื่อใดก็ตามที่เขาไม่พอใจ เขาก็ตั้งใจจะทำให้คนอื่นไม่พอใจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเริ่มตะโกนว่า “สู้เขาที่รัก! สู้เขาที่รัก! สู้เขาที่รักกกก!!!”
เสียงตะโกนของซูอันดังมากจนดูเหมือนว่าเขากลัวคนอื่นจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่อยู่บนเวทีเป็นภรรยาของเขา
และตามที่เขาคาดไว้ ทันทีที่เขาเริ่มตะโกน สายตาอาฆาตนับไม่ถ้วนก็จ้องมาที่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ผู้ชายคนนั้นคือสามีของคุณหนูใหญ่ฉู่งั้นเหรอ ? ฮ่าฮ่า เขาดูไม่มีอะไรพิเศษเลย!”
“ไม่มีอะไรพิเศษ ? เจ้าไม่รู้รึไงว่ามันเป็นนักเลงที่มีชื่อเสียงในเมือง!”
“โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม ผู้ชายอย่างเขามีสิทธิ์แต่งงานกับเทพธิดาของข้าได้ยังไง ? ข้ารับไม่ได้!”
“แม่งเอ๊ย ! แค่เห็นหน้ามันข้าก็อารมณ์เสียแล้ว!”
…
บนอัฒจันทร์ ซือคุนกำมือแน่นจนที่วางแขนของเก้าอี้แหลกคามือ เขาคิดอยู่เสมอว่าฉู่ชูเหยียนเป็นสมบัติส่วนตัวของเขาดังนั้นเขาจึงทนเห็นชายอื่นเรียกนางว่า ‘ที่รัก’ ไม่ได้ มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าภรรยาของเขาถูกผู้ชายคนอื่นแย่งไป “ไร้ยางอาย ! ไอ้สารเลวซูอันมันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
จี้เติ้งถูที่กำลังสอดส่ายสายตามองภรรยาชาวบ้านอย่างเมามันส์อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของซูอัน
“ข้าต้องหาโอกาสที่จะถามเขาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องต่อไปของหนังสือนั่น ตัวละครแซ่หวางตัวนั้นเปลี่ยนไปในท้ายที่สุดรึเปล่า?”
…
เมื่อมองไปที่คลื่นคะแนนความโกรธที่ถาโถมเข้ามา ซูอันก็รู้สึกเบิกบานเป็นอย่างมาก เยี่ยมจริง ๆ ที่ชีวิตนี้ข้ามีภรรยาที่สวยที่สุด ฮ่าๆๆๆ!
ฉู่ชูเหยียนไม่ได้แสดงอารมณ์แปรปรวนแม้แต่น้อยแม้จะต่อสู้กับอู๋ตี้มาเป็นเวลานาน แต่การตะโกนของซูอันกลับทำให้แก้มขาวผ่องของนางแดงขึ้นชั่วขณะ
เมื่อสังเกตเห็นอาการเขินอายบนใบหน้าของนาง อู๋ตี้ก็รู้สึกโกรธจัด เจ้าไม่ตอบสนองต่อสิ่งที่ข้าพูดก่อนหน้านี้สักนิด แต่ตอนนี้ใบหน้าของเจ้ากลับแดงเพราะคำพูดให้กำลังใจเล็กน้อยของไอ้ขยะนั่น ? ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ากล้าที่จะฟุ้งซ่านในระหว่างการต่อสู้กับข้างั้นเหรอ?!
ความโกรธที่ท่วมท้นของเขาทำให้ดาบเพลิงยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งส่งผลคมดาบยิ่งผ่าทะลวงดอกบัวน้ำแข็งลึกลงไปอีก
ฝูงชนต่างอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพนี้และคิดว่าฉู่ชูเหยียนกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤต
อย่างไรก็ตาม อู๋ตี้เริ่มขมวดคิ้ว เพราะเขาตระหนักว่าดาบของเขามันเริ่มผ่าดอกบัวน้ำแข็งได้ยากยิ่งขึ้น
ฉู่ชูเหยียนยืนอยู่ตรงกลางดอกบัวน้ำแข็ง จ้องไปที่ดาบเพลิงซึ่งกำลังอยู่เหนือศีรษะของนางโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ส่วนเกล็ดหิมะก็ยังคงลอยอยู่รอบตัวนาง และต่อจากนั้นการปะทะระหว่างพวกเขาทั้งสองก็หยุดนิ่งอย่างน่าประหลาด
“ดู!” มีคนสังเกตเห็นความผิดปกติอย่างรวดเร็วและอุทานออกมา
ฝูงชนหันไปมองอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็เห็นว่าเปลวเพลิงบนดาบของอู๋ตี้เริ่มดับไปเรื่อย ๆ และถูกแทนที่โดยชั้นของหมอกสีขาวที่ดูเย็นยะเยือก
ดาบที่เคยลุกท่วมด้วยเพลิงตอนนี้กำลังถูกน้ำแข็งเกาะด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ และในไม่ช้า แม้แต่อู๋ตี้ก็จะกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งด้วย
ซูอันกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อเห็นภาพนี้ ภรรยาของข้าช่างน่าเกรงขามจริง ๆ … แต่เอ… ถ้าวันหนึ่งนางตัดสินใจใช้วิชานี้กับข้าบ้างข้าจะทำยังไงดี ? ไม่ใช่ว่าข้าคงแข็งตายภายในชั่วพริบตาเลยไม่ใช่เหรอ ? ไม่ได้การล่ะแบบนี้ไม่ดีแน่ ! ข้าต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นนางอาจจะแช่แข็งข้าสักวันหนึ่งก็ได้!
“แม้แต่พลังชี่ก็ยังถูกแช่แข็ง?” ผู้บ่มเพาะระดับสูงบางคนที่กำลังชมการประลองก็ยังรู้สึกตกตะลึง
“อย่างที่คาดไว้ผู้หญิงที่ข้าเลือกย่อมเหนือล้ำกว่าคนทั่วไปอย่างเทียบกันไม่ได้!” รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซือคุน ราวกับว่าความสำเร็จของฉู่ชูเหยียนสร้างชื่อเสียงให้กับเขาด้วย
ในทางกลับกัน สีหน้าของคนตระกูลอู๋และตระกูลหยวนกลับเปลี่ยนเป็นมืดหม่น การที่ฉู่ชูเหยียนเก่งกาจขนาดนี้เป็นเรื่องไม่ดีสำหรับพวกเขาเลย
เจ้าเมืองเซี่ยอี้ถอนหายใจยาว พลางคิดเสียดายที่ฉู่ชูเหยียนปฏิเสธการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับฝ่ายของราชันฉีในตอนนั้น
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของซ่างหงกลับรู้สึกโชคดีที่ฉู่ชูเหยียนเป็นผู้หญิง มิฉะนั้นถ้าฉู่จงเทียนมีลูกชายที่น่าเกรงขามขนาดนี้ แผนการของเขาคงพังทลายอย่างย่อยยับแน่นอน
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังมั่นใจว่าฉู่ชูเหยียนจะได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้แน่นอน แม้แต่ฉู่ชูเหยียนเองก็พูดขึ้นว่า “จบแล้ว.. หืม?”
นางกำลังวางแผนที่จะถอนพลังของนางเพื่อปลดปล่อยคู่ต่อสู้ของนาง แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ น้ำแข็งที่เกาะอยู่ทั่วร่างของอู๋ตี้เริ่มแตกร้าวและจากนั้นอีกเพียงอึดใจเสียงระเบิดก็ดังกึกก้องพร้อมกับน้ำแข็งทั้งหมดที่พังทลายลง
อู๋ตี้ปรากฏกายขึ้นโดยไร้รอยขีดข่วน ที่ร่างของเขามีแสงระยิบระยับล้อมรอบตัวราวกับว่ามันเป็นเกราะของเขา
“ระดับ 6!” ทุกคนที่ดูอยู่ต่างตกตะลึง เกราะธาตุเป็นทักษะที่มีเพียงผู้บ่มเพาะระดับ 6 ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถเรียกใช้งานได้ มันสามารถป้องกันการโจมตีจากธาตุระดับล่างได้เกือบทั้งหมด
…