ตอนที่ 184 พายุโหมกระหน่ำ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 184 พายุโหมกระหน่ำ
ได้ยินฟางเหล่ากล่าวออกมาเช่นนี้ สีหน้าของรัชทายาทยิ่งซีดลงกว่าเดิม

“กล่าวเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ! ครั้งนี้พวกเรานำทหารมาเพียงห้าหมื่นนาย หากไว้ชีวิตทหารที่ยอมจำนน พวกเราต้องแบ่งกำลังคนไปคอยเฝ้าทหารเหล่านั้นเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาคิดกบฏ การสังหารเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฉินซ่างจื้อกำหมัดขอร้องรัชทายาทอีกครั้ง “องค์รัชทายาท! ได้โปรดรับสั่งให้ทหารคุ้มกันเมืองห้าร้อยนายไปส่งเสบียงเถิดพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หนานเยี่ยนกำลังตื่นตระหนก หากกองทัพของเราบุกเข้าโจมตีอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ต้องยึดอำเภอเฟิงคืนมาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ได้ยินฉินซ่างจื้อกล่าวอย่างตื่นเต้นจบ ฟางเหล่าเหลือบมองฉินซ่างจื้อนิ่งๆ แวบหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยเสียงนิ่งขรึม “องค์ชาย กองทัพของเรารบมาทั้งวัน ตอนนี้คงเหนื่อยล้ามากแล้ว กองทัพหนานเยี่ยนในอำเภอเฟิงมีพร้อมทั้งกายและใจ หากโจมตีตอนนี้…เกรงว่าคงไม่เป็นผลดีสำหรับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินซ่างจื้อมองฟางเหล่าแวบหนึ่ง ขบกรามแน่นพลางเอ่ยขึ้น “องค์ชาย! ตอนนี้ภูเขาเวิ่งเต็มไปด้วยเพลิงไฟสีแดง เปลวไฟไม่มอดดับ ขวัญกำลังใจของกองทัพเราไม่มีทางตกพ่ะย่ะค่ะ! หากไม่ถือโอกาสตอนที่กองทัพหนานเยี่ยนกำลังหวาดกลัวบุกเข้าโจมตีอำเภอเฟิง หากพรุ่งนี้เช้ากองทัพหนานเยี่ยนมีสติขึ้นมาแล้วรวบรวมกองกำลังใหม่อีกครั้ง พวกเราคงยึดอำเภอเฟิงกลับมาได้ยากกว่าเดิมนะพ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์ชาย…” ทหารลาดตระเวนเงยหน้ามองรัชทายาท “เสบียงอาหารแห้งและอาวุธที่แม่ทัพไป๋สั่งให้เตรียม ยังต้องเตรียมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์ชาย! รอช้าไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซ่างจื้อขบกรามแน่น

“องค์ชายลองนึกย้อนถึงแผนการทั้งหมดของแม่ทัพไป๋สิพ่ะย่ะค่ะ มีครั้งใดบ้างที่ไม่ได้จี้จุดสำคัญ เขาคาดเดาการวางแผนการรบของฝ่ายศัตรูได้อย่างแม่นยำไม่มีตกหล่น! แม่ทัพไป๋เป็นคนที่เจิ้นกั๋วอ๋อง ไป๋เวยถิงเคยกล่าวชมว่าเป็นยอดนักรบ! พระองค์ต้องเชื่อใจแม่ทัพไป๋นะพ่ะย่ะค่ะ! ขอเพียงครั้งนี้กองทัพของเราเอาชนะกองทัพที่ร่วมมือกันของซีเหลียงและหนานเยี่ยนได้ทั้งคู่ภายในคืนเดียว นับจากนี้ไปจะไม่มีผู้ใดกล้าลองดีกับแคว้นต้าจิ้นของพวกเราอีกพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทนึกถึงเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์จุดดักซุ่มโจมตีของซีเหลียงได้อย่างแม่นยำทุกจุด อีกทั้งเขาได้มอบตราทัพให้ไป๋ชิงเหยียนไปแล้ว นอกจากไป๋ชิงเหยียนเขาก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อใจผู้ใดได้อีก เขาพยักหน้าลง

“เร็วเข้า! ทำตามคำสั่งของแม่ทัพไป๋ สั่งให้ทหารคุ้มกันเมืองห้าร้อยนาย…ไม่สิ! แปดร้อยนาย สั่งให้ทหารคุ้มกันเมืองจำนวนแปดร้อยนายคุ้มกันส่งเสบียงอาหารและอาวุธไปยังอำเภอเฟิง! เร็วเข้า!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

มองดูทหารหน่วยลาดตระเวนวิ่งออกไปไกล รัชทายาทจึงหันหลังกลับไปมองที่ปรึกษาสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา กำหมัดคาราวะพลางกล่าวขึ้น “รบกวนท่านทั้งสามช่วยเราคิดหน่อยเถิดว่าเราจะจัดการกับคำครหาเรื่องสังหารทหารยอมจำนนเช่นไรดี”

“ในเมื่อแม้ทัพไป๋เป็นคนรบในสงครามครั้งนี้ เรื่องสังหารทหารยอมจำนนก็เป็นคำสั่งของแม่ทัพไป๋ รัชทายาทแค่อ้างว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพระองค์ จากนั้นลงโทษแม่ทัพไป๋สถานหนักเรื่องสังหารทหารยอมจำนนต่อหน้าทุกคน คนทั่วหล้าย่อมเห็นถึงคุณธรรมความมีเมตตาขององค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! องค์ชายมิต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ…” ฟางเหล่ากล่าวอย่างสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน

รัชทายาทครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนกำลังไต่ตรองเรื่องที่ฟางเหล่าเสนอให้ประหารชีวิตไป๋ชิงเหยียน เขากล่าวออกมา

“ทว่า…หากทำเช่นนี้ผู้อื่นก็รู้นะสิว่าสงครามที่ภูเขาเวิ่งไม่ใช่ผลงานของเรา”

ฉินซ่างจื้อมองดูรัชทายาทที่กำลังขมวดคิ้วแน่นอยู่ภายใต้แสงไฟ ใจเต้นรัวเป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าเขาควรต้องรู้สึกเช่นไรดี

ไม่อยากแบกรับชื่อเสียงสังหารทหารยอมจำนน แต่อยากได้ความดีความชอบจากศึกภูเขาเวิ่ง รัชทายาทโลภมากเกินไปแล้ว

การตายของเจิ้นกั๋วอ๋องและแม่ทัพตระกูลไป๋ทุกคนถือเป็นการถอดชุดเกราะของแคว้นต้าจิ้นออกแล้ว หากรัชทายาทสังหารยอดนักรบที่หนึ่งร้อยปีจะมีสักคนอย่างไป๋ชิงเหยียนไปอีกคน แคว้นต้าจิ้นจะกลายเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวแน่นอน!

เมื่อนึกได้ว่ารัชทายาทมักเข้าข้างฟางเหล่าเสมอ ใจของฉินซ่างจื้อกระตุกวูบ รีบก้าวไปด้านหน้าพลางกล่าวขึ้น “องค์ชาย! ทรงประหารแม่ทัพไป๋ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! แม่ทัพไป๋มีความดีความชอบในชัยชนะครั้งนี้เป็นอย่างมาก ไม่เพียงวางแผนการรบแต่ยังไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าทหารจนชนะศึกภูเขาเวิ่ง หากทรงประหารแม่ทัพไป๋ เหล่าทหารต้องผิดหวังเสียใจ ต่อไปผู้ใดจะกล้าสละชีพเพื่อองค์ชาย สละชีพเพื่อบ้านเมืองอีกพ่ะย่ะค่ะ!”

รัชทายาทคิดตามคำกล่าวของฉินซ่างจื้อ

“อีกอย่าง ซีเหลียงและหนานเยี่ยนยังไม่ถอยทัพ สงครามยังไม่สงบ แม้แม่ทัพไป๋จะเป็นเพียงสตรี ทว่าได้รับการถ่ายถอดเรื่องการควบคุมกองทัพมาจากเจิ้นกั๋วอ๋อง องค์ชายจะทรงประหารทหารที่วางแผนการรบได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ! หากแม่ทัพไป๋เสียชีวิตลง สงครามที่หนานเจียงอย่าว่าแต่ยึดเมืองคืนเลยพ่ะย่ะค่ะ เมืองที่พวกเรายืนอยู่ตอนนี้ก็คงรักษาไว้ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ!” ฉินซ่างจื้อดวงตาแดงก่ำ

ไม่ว่าด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือส่วนรวม ฉินซ่างจื้อก็ต้องการปกป้องชีวิตของไป๋ชิงเหยียนเอาไว้

“คำกล่าวของฉินเซียนเซิงน่าขันเสียจริง แคว้นต้าจิ้นของเราต้องพึ่งพาสตรีเพียงคนเดียวจึงจะได้รับชัยชนะเช่นนั้นหรือ” น้อยครั้งนักที่ฟางเหล่าจะโมโห เขาถลึงตามองฉินซ่างจื้อแวบหนึ่ง กำหมัดคาราวะรัชทายาท

“ฉินเซียนเซิงกล่าวเช่นนี้ เอารัชทายาทไปไว้ที่ใดกัน เอาเหล่าทหารของแคว้นต้าจิ้นและที่ปรึกษาของจวนรัชทายาทไปไว้ที่ใดกัน!”

ฉินซ่างจื้อจุกแน่นในลำคอ ขบกรามถามออกมาเสียงดัง “สงครามครั้งนี้ ที่ปรึกษาขององค์รัชทายาทอย่างพวกเราและเหล่าทหารของแคว้นต้าจิ้นทั้งหลาย มีผู้ใดคาดการณ์ตำแหน่งกองทัพของซีเหลียงได้แม่นยำเท่าแม่ทัพไป๋บ้าง! มีผู้ใดสามารถวางแผนการรบที่เยี่ยมยอดโดยการเอาชนะด้วยกองกำลังทหารที่น้อยกว่าได้ทันทีที่รายงานสถานการณ์รบมาถึงบ้าง! หลังจากกองทัพหนึ่งหมื่นห้าพันนายจบชีวิตอยู่ที่หลุมโพรงกลางหุบเขาเวิ่ง ผู้ใดสามารถนำทหารคุ้มกันเมืองหนึ่งพันนายไปออกรบจนชนะศึกที่ภูเขาเวิ่งได้บ้าง!”

“ข้าเคยกล่าวแล้วว่าแม่ทัพจางตวนรุ่ยคอยเฝ้าอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหุบเขา แม้หุบเขาฝั่งตะวันออกจะเป็นของซีเหลียง ทว่า ฝั่งตะวันตกคือแม่ทัพจางตวนรุ่ย กองทัพซีเหลียงถูกล้อมอยู่ในหุบเขา กองทัพต้าจิ้นของเราอาจไม่แพ้ก็ได้! เราได้รับชัยชนะในศึกครั้งนี้…มันก็สมเหตุสมผลแล้วมิใช่หรือ” ฟางเหล่าโมโหจนหน้าอกสั่นไหวอย่างรุนแรง

“ฉินเซียนเซิงรับเงินจากจวนรัชทายาท แต่กลับเข้าข้างไป๋ชิงเหยียนไปเสียทุกเรื่อง! ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าในใจของฉินเซียงเซิง ไป๋ชิงเหยียนหรือรัชทายาทกันแน่ที่เป็นเจ้านายของท่าน”

ฟางเหล่าถลกแขนเสื้อขึ้น ยืนเอามือข้างหนึ่งไขว้หลัง แสดงท่าทีราวกับไม่ต้องการเสวนากับฉินซ่างจื้ออีกแม้แต่คำเดียว

โทสะของฉินซ่างจื้อปะทุอยู่ในใจ แทบอยากชักดาบออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทว่า เขาไม่อาจลงมือกับคนชราได้ จึงแต่ข่มโทสะไว้ในใจ

“ฟางเหล่าอย่าลืมนะขอรับว่าผู้ที่วางแผนการจนได้รับชัยชนะในครั้งนี้คือผู้ใด! ฟางเหล่าเอาแต่กล่าวว่าตนกล่าวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ราวกับว่าท่านเป็นคนวางแผนการรบครั้งนี้ทั้งหมดเพียงคนเดียวอย่างนั้นแหล่ะ!”

“ฉินเซียนเซิง” ดวงตานิ่งขรึมของรัชทายาทมองไปทางฉินซ่างจื้อ รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของฉินซ่างจื้อเป็นอย่างมาก

“ฟางเหล่าเป็นผู้ใหญ่ ฉินเซียนเซิงไม่มีแม้แต่มารยาทในการเคารพผู้ใหญ่อย่างนั้นหรือ หรือฉินเซียนเซิงลืมไปแล้วจริงๆ ว่าผู้ใดคือเจ้านายของฉินเซียนเซิง”

ฉินซ่างจื้อ “…”

ฉินซ่างจื้อโมโหจนแทบกระอักเลือด ทว่า เขาทำได้เพียงอดกลั้นไว้เท่านั้น

มองส่งรัชทายาทและบริวารเดินจากไป ฉินซ่างจื้อยืนรับลงอยู่บนกำแพงสูง เขาหันกลับไปมองเปลวเพลิงสีแดงที่หุบเขาเวิ่ง หลับตาลง น้ำตาซึมบริเวณหางตาเล็กน้อย

บริเวณเนินเขาที่ห่างจากเมืองหลวงสิบลี้ ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนในชุดไว้อาลัยมอบม้า เสื้อคลุมขนจิ้งจอกและมีดป้องกันตัวให้เขา นางเคยกล่าวว่า…

หากวันหนึ่งไป๋ชิงเหยียนแบกธงเฮยฟานไป๋หมั่งของกองทัพไป๋ขึ้นมาได้ มีที่ยืนในราชสำนักในฐานะสตรี ยืดหยัดขึ้นได้ด้วยตัวเอง หวังว่าเซียนเซิงจะไม่ทอดทิ้ง ร่วมปกป้องชาวบ้านและบ้านเมืองแคว้นต้าจิ้นเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับไป๋ชิงเหยียน

ตอนนั้นเขารู้สึกตะลึงที่ไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงสตรี ทว่า กลับมีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่จะปกป้องชาวบ้านและบ้านเมือง เขารู้สึกเหมือนพายุโหมกระหน่ำอยู่ในใจ เลือดร้อนพุ่งพล่าน อยากหนุ่มลงสองสองสามปี สร้างความสำเร็จไปพร้อมกับสตรีที่มีปณิธานที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้