บทที่ 303 เข้าไปยังเกาะ
บทที่ 303 เข้าไปยังเกาะ
มีบางคนเล่าว่าบรรพบุรุษของนกกระเรียนอวกาศเคยถูกสาปแช่งทำให้สายเลือดของมันไม่อาจฝึกตนให้แข็งแกร่งขึ้นได้ เว้นแต่จะมีผู้เชี่ยวชาญที่รู้วิชาคำสาปมาถอนคำสาปให้ ไม่งั้นมันไม่มีทางแข็งแกร่งขึ้นได้เลยบวกกับลักษณะที่อ่อนโยนของกระเรียนอวกาศมันเหมาะมากที่จะเป็นพาหนะสำหรับมนุษย์ อาจเป็นเพราะเหตุผล 2 ข้อนี้ที่ทำให้มันรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน
ฉู่เหินเริ่มจดจ่อกับการศึกษาค่ายกลตรงหน้าอย่างจริงจัง ค่ายกลนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศอันงดงามดูเหมือนง่ายแต่จริง ๆ แล้วค่อนข้างซับซ้อน หากใครกล้าที่จะทำลายค่ายกลจะต้องถูกค่ายกลนี้ฆ่าอย่างแน่นอน
ฉู่เหินนั่งพิจารณาอย่างละเอียดโดยไม่หยุดพัก
1 วันผ่านไป ดวงตาของเขาก็ยังคงจ้องมองค่ายกล
2 วันผ่านไปก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
3 วันที่ผ่านไปเขาก็ยังไม่ได้พักผ่อนเลยแม้แต่น้อย
การศึกษาแบบไม่หยุดพักนี้ ทำให้เขารู้กระบวนการทำงานของค่ายกลนี้ไปอีกขั้นหนึ่ง
แต่การไม่หลับไม่นอน 3 วันทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ ดวงตาที่อ่อนล้ากับใบหน้าซีดขาว เห็นได้ชัดว่าเขาถึงขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์แล้ว บางทีการทำอะไรที่เกินขีดจำกัดอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาได้ แต่ฉู่เหินก็รู้ว่าถ้ายอมแพ้ตอนนี้ความพยายามก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า
วิธีการสร้างค่ายกลกับการฝึกฝนวรยุทธนั้นไม่เหมือนกัน การฝึกฝนวรยุทธมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผ่อนคลาย แต่วิธีการสร้างค่ายกลคุณต้องเข้าใจคุณถึงจะได้ไปต่อไป ไม่เช่นนั้นมันยากที่จะก้าวหน้าในวิชาค่ายกล! ด้วยเหตุนี้เขาใช้เวลา 3 วันไม่หลับไม่นอนศึกษามันอย่างต่อเนื่อง เสี่ยวชิงได้แต่มองแผ่นหลังของฉู่เหินด้วยสายตาที่เจ็บปวด
เธอกำลังจะเข้าไปขัดขวางฉู่เหิน แต่ถูกขวางเอาไว้โดยปาเค่อ ปาเค่อรู้เรื่องเกี่ยวกับค่ายกลไม่น้อย เขารู้ว่าการศึกษาค่ายกลเป็นเรื่องที่ยากและกินแรงมาก ฉู่เหินอยู่แบบนี้ไปอีก 10-15 วันก็ยังไม่แน่ว่าจะเข้าใจค่ายกลนี้ แต่ถ้าเมื่อเข้าใจมันแล้วจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตปาเค่อเลยไม่อยากให้ใครไปรบกวนฉู่เหินตอนนี้
ปาเค่อมองฉู่เหินก็รู้ได้เลยว่าฉู่เหินกำลังจะเข้าใจค่ายกลนี้แล้ว ปาเค่อรู้จักฉู่เหินดี เขารู้มาว่าฉู่เหินใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการฝึกฝนวิชาจนถึงปัจจุบัน เขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ การบรรลุขั้นพลังได้ขนาดนี้ภายในไม่กี่เดือนมีแต่คนที่สวรรค์ส่งมาเท่านั้นถึงทำได้
และเท่าที่เขารู้ ฉู่เหินไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ ด้านอื่น ๆ ก็นับว่าร้ายกาจมากเช่น การสร้างหุ่นเชิด ค่ายกล การหลอมยา การออกแบบเสื้อผ้า การสร้างกับดับ ทุกอย่าง ๆ ฉู่เหินทำได้ดีมาก การที่คน ๆ หนึ่งจะศึกษาได้ขนาดนี้ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตด้วยซ้ำ
แต่ฉู่เหินกลับทำได้ทุกอย่างแถมดีทุกอย่างด้วย ฉู่เหินมีโอกาศจะเข้าถึงระดับสูงสุดในทุกศาสตร์ที่เรียนรู้ จะเห็นได้ว่าความสามารถของฉู่เหินเยี่ยมยอดเพียงใด ตอนนี้ปาเค่อมีความเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าถ้าฉู่เหินลงมือทำไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรมันต้องสำเร็จ!
ตอนนี้เมื่อเห็นฉู่เหินใกล้จะเข้าใจค่ายกลนี้แล่ว เขาก็ได้แต่หวังว่าฉู่เหินจะสามารถเข้าใจมันเร็ว ๆ เพราะนานเข้าร่างกายฉู่เหินจะยิ่งย่ำแย่
โชคดีที่มีอาหารและน้ำที่เพียงพอ ในแหวนมิตินั้นสามารถเก็บรักษาความสดใหม่ของอาหารเอาไว้ได้ การใส่อาหารและน้ำจืดเข้าไปจะไม่เน่าไม่แห้งแม้ผ่านไปซักปีครึ่ง ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานขนาดไหนทุกคนจะได้กลับบ้าน ดังนั้นฉู่เหินจึงนำอาหารและน้ำจืดมาให้พออยู่ได้นับปี
อาหารที่ฉู่เหินเตรียมมายอดเยี่ยมมากมีแม้กระทั้งขนมอบกรอบและเครื่องดื่มอัดลม แต่เมื่ออาหารดี ๆ เหล่านี้กินเข้าไปในปากทุกคนก็รู้สึกเหมือนกับการเคี้ยวขี้ผึ้ง!
ที่เป็นแบบนี้เพราะพวกเขาต้องทนมองฉู่เหินที่กำลังนิ่งไม่ขยับมาหลายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยวชิงที่หลายวันมานี้ใบหน้าเธออาบไปด้วยหยดน้ำตา! เมื่อเห็นผ่านไปหลายวันฉู่เหินก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลย ทำให้เธอตื่นกลัวจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ต่อให้ฉู่เหินเข้าใจค่ายกลแล้ว ร่างกายที่เสื่อมโทรมของเขาคงต้องให้เวลาสักระยะเพื่อฟื้นฟู เพราะแบบนี้ไม่เพียงแต่เสี่ยวชิง แม้แต่ปาเค่อกับฉู่เฟิงก็เป็นห่วงฉู่เหินมาก
หลายวันมานี้แม้แต่นกคีรีบูนและนกกระเรียนอวกาศก็ไม่บินไปไหน พวกมันยืนเคียงข้างฉู่เหินพร้อมร่องรอยแห่งความโศกเศร้าในสายตา
นกคีรีบูนและนกกระเรียนอวกาศทั้งสองมีสติปัญญาเป็นของตัวเอง พวกมันรู้ว่าฉู่เหินกำลังอยู่ในอันตรายยิ่งนานวันเขาร่างกายฉู่เหินก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ นกคีรีบูนมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับฉู่เหิน หากไม่มีฉู่เหินก็คงไม่มีมันจนถึงทุกวันนี้! นกกระเรียนอวกาศเองแม้ว่าจะถูกฉู่เหินพามาจากต่างโลก แต่ตอนนี้ฉู่เหินก็ได้กลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของมันไปแล้ว
ฉู่เหินไม่ได้กดขี่มันหากมันต้องการบินเล่นก็แค่ไปขออนุญาติฉู่เหินเท่านั้น หากมันชอบฉู่เหินก็จะไม่บังคับอะไรมัน แม้แต่ในอนาคตหากมันรู้สึกอึดอัดมันก็สามารถไปจากฉู่เหินได้ นิสัยของฉู่เหินทำให้แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ นกกระเรียนอวกาศก็ยอมรับเขาอย่างสมบูรณ์
จนวันนี้เมื่อเห็นฉู่เหินร่างกายย่ำแย่ จิตใจมันก็รู้สึกเป็นทุกข์ จะยังมีอารมณ์บินเล่นได้ยังไงกัน! ผ่านไปอีก 2 วันในช่วง 5 วันมานี้เลือดลมภายในร่างกายของฉู่เหินถูกทำลาย วิชาที่ฝึกก็ทำให้ร่ายกายแข็งเป็นเหล็กแบบนี้ไม่นานเขาต้องตายแน่ ๆ
ทุกคนรู้สึกแย่มาก 2 วันหลังไม่มีใครกินข้าวลงเลย แม้แต่ต่อมรับรู้รสชาติก็หายไปเช่นกัน ทุกคนนั่งข้าง ๆ ฉู่เหิน มองดูเขาที่กำลังทุกข์ทรมาน!
“พี่ปาเค่อ ฉันตัดสินใจแล้วพวกเราควรเรียกให้พี่ฉู่ตื่น ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไปอาจตายได้เลยนะ จนวันนี้แล้วเขาก็ยังไม่เข้าใจค่ายกลพวกนี้เลยวันหลังค่อยลองใหม่ก็ได้ ถ้าพี่ฉู่เป็นอะไรไปพวกเราจะต้องเสียใจไปตลอดแน่” หลังจากรอจนถึงตอนนี้ ในที่สุดเสี่ยวชิงก็ทนไม่ไหวเธอลุกขึ้นยืนขึ้นและพูดกับปาเค่อ
หลังจากปาเค่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวชิงที่จ้องมองเขาอย่างดุเดือด เขาก็เข้าใจว่าเสี่ยวชิงพูดถูก แต่ถ้าฉู่เหินตื่นตอนนี้งั้นสิ่งที่ทำมาตลอดหลายวันจะไม่สูญเปล่าหรือไง? ในตอนนี้เขาเองก็จ้องตอบโต้เธอบ้างเหมือนกัน
สำหรับผู้ฝึกฝนวรยุทธ บางครั้งการบรรลุอะไรบางอย่างสำคัญกว่าชิวิตด้วยซ้ำและนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า “ฉันยอมตายดีกว่าถ้าทำเรื่องนี้!”
หากในเวลานี้พวกเขาขัดจังหวะฉู่เหินก่อนหน้านี้ก็จะไร้ประโยชน์ไปเลย ด้วยเหตุนี้ทำให้ปาเค่อลังเล เสี่ยวชิงเห็นปาเค่อขมวดคิ้วอย่างแน่น จนอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยใจที่ร้อนรน
“พี่ปาเค่อ ตอนนี้พี่ฉู่ทนไม่ไหวแล้วนะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่าชีวิตของพี่ฉู่ต้องมาทิ้งที่นี่แน่ๆ” ตอนนี้เสี่ยวชิงร้อนใจถึงที่สุดแล้ว เธอไม่สนว่าฉู่เหินจะมีแข็งแกร่งมากแค่ไหน จะประสบความสำเร็จมากขนาดไหน เธอแค่อยากให้ฉู่เหินมีสุขภาพที่ดีแข็งแรงและอยู่อย่างมีความสุข
ตอนนี้เมื่อเห็นว่าปาเค่อคัดค้านที่จะปลุกฉู่เหิน เสี่ยวชิงก็เตรียมที่จะเรียกคนรักของตัวเองทันที จะปล่อยให้เธอดูฉู่เหินตายต่อหน้าตัวเองเธอไม่ได้ หลังจากลุกขึ้นยืนเธอก็เดินไปหาฉู่เหิน ปาเค่อมองเสี่ยวชิงแม้ว่าเขาอยากจะเข้าไปขวาง แต่พอคิด ๆ ดูแล้วแล้วเขาก็เลือกที่จะกลืนคำพูดลงคอไป
อีกไม่กี่ก้าวเสี่ยวชิงก็จะถึงตัวฉู่เหินแล้ว ทันทีที่เธอยื่นมือจะแตะตัวฉู่เหิน จะเท่ากับว่าการฝึกฝนอย่างหนักของฉู่เหินในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้นไร้ประโยชน์ เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวชิงแล้วทั้งปาเค่อก็ก็เลือกที่จะเงียบ
ในขณะเดียวกัน มือของเสี่ยวชิงที่กำลังจะสัมผัสฉู่เหิน ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองอ่อน ๆ ปรากฏบนร่างของฉู่เหิน ทำให้ฝ่ามือของเสี่ยวซิงดันออกมาทำให้เธอไม่สามารถสัมผัสร่างกายของฉู่เหินได้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ทุกคนจิตใจสั่นไหว
เสี่ยวชิงไม่อาจรบกวนฉู่เหินได้อีกต่อไป เธอเลยก้าวไปจ้องมองฉู่เหินอย่างเงียบ ๆ แทน