ตอนที่ 86: ชายผู้แอบชอบหลินจื่อซื้อ 2

ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าชีวิตของเสี่ยวเฉิงได้รับการไต่เต้าด้วยการเอาชนะหรือเหยียบย่ําศพของผู้นําจากแก๊งจตุรเทพอีก มันก็คงจะทําให้อีกสามแก๊งที่เหลืออยู่รู้สึกหัวร้อนไม่น้อย ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะเป็นแก๊งมังกรฟ้า แก๊งเสือขาวหรือแก๊งหงส์แดง พวกเขาคงไม่ยอมให้เสี่ยวเฉิงได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแน่ ยิ่งเสี่ยวเฉิงประสบความสําเร็จในชีวิตมากขึ้นเท่าไหร่ในอนาคต ผู้คนก็จะเริ่มเยาะเย้ย และดูหมิ่นสามแก๊งที่เหลือมากขึ้นเท่านั้น

ถ้าเป็นเมื่อก่อนในฐานะเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน มันก็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นักที่จะไปประกาศสงครามกับแก๊งสี่จตุรเทพ นั่นเป็นเพราะยิ่งเสี่ยวเฉิงเข้าไปยุ่งกับแก๊งสี่จตุรเทพมากเท่าไหร่ ผู้บังคับบัญชาก็จะได้รับคําร้องเรียนจากเบื้องบนมากขึ้นเท่านั้น แต่ทว่า หลังจากที่เขาได้ถูกย้ายไปยังกรมสอบสวนคดีอาญา เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกว่าเขาสามารถประกาศสงครามกับอีกสามแก๊งได้ อย่างเปิดเผยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบุกเข้าไปเยี่ยมเยียนหรือเล่นด้วยสักนิดสักหน่อย

“ยังไงผมต้องขอขอบคุณหัวหน้าด้วยนะครับ สําหรับการช่วยเหลือทุกอย่างตั้งแต่ที่ผมได้มาอยู่ที่นี่” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวกับผู้บังคับบัญชา

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องพูดให้ซึ้งขนาดนั้นหรอก เอาล่ะ นายไปได้แล้ว ไปใช้เวลากับญาติ ๆ ของนายก่อนเถอะ แล้วภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็อย่าลืมไปรายงานตัวด้วยล่ะ”

เสี่ยวเฉิงพลันโค้งคํานับ “รับทราบครับหัวหน้า!”

ผู้บังคับบัญชาพลันเผยเสียงหัวเราะ เนื่องจากการปรากฏตัวของเสี่ยวเฉิง และการล่มสลายของแก๊งเต่าดําที่เคยรุ่งโรจน์ ผู้บังคับบัญชาจึงได้รับเครดิตมากมาย และบางที เขาเองก็อาจจะได้ย้ายไปประจําตําแหน่งอยู่ที่สํานักงานใหญ่ในอนาคตอันใกล้ก็ได้

หลังจากที่เสี่ยวเฉิงเก็บของและส่งต่องานที่เหลือให้กับเพื่อนร่วมงานแล้ว เขาก็พลันออกมาจากสถานี เสี่ยวเฉิงพลันนั่งแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่หลินจื่อซือจองเอาไว้ แต่ทว่า ทันทีที่มาถึง เสี่ยวเฉิงก็พบเข้ากับชาวต่างชาติคนหนึ่งที่มาพร้อมกับครอบครัวหลิน เสี่ยวเฉิงในตอนนี้พลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

ชาวต่างชาติคนนั้นเป็นคนอังกฤษ เขาหล่อมาก แถมยังเป็นเหมือนนายแบบทางแถบยุโรปอีกด้วย นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เสี่ยวเฉิงได้พบกับชายคนนี้

ทันทีที่ชายอังกฤษคนนั้นเห็นเสี่ยวเฉิง เขาก็พลันเผยยิ้มออกมา เขาเดินเข้ามาจับมือเสี่ยวเฉิงพร้อมกับแนะนําตัวเอง “สวัสดีครับ ผมชื่อเตเบซ”

เสี่ยวเฉิงพลันจับมือตอบ แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าทําไมชายคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ อันที่จริง นี่คือการรวมตัวกันของครอบครัวตระกูลหลินและเสี่ยวเฉิง ทําไมถึงมีคนนอกด้วยล่ะ?

“เอ่อ…. พ่อของเตเบซเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับเราน่ะ” หลินกุ้ยเหรินพลันอธิบาย

หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันรู้สึกโล่งใจ

แต่ทว่า เตเบซกลับกล่าวคําพูดเสริมขึ้นมา ” อันที่จริง นิโคล (ชื่ออังกฤษของหลินจื้อซือ) กับผมเคยเป็นเพื่อนกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะครับ”

และในตอนนี้ การแนะนําตัวดูจะทําให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังหลินจือชื่อ แต่ทว่า เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย ราวกับเธอไม่ได้สนใจในตัวเตเบซคนนี้เลยด้วยซ้ํา

“งั้นคุณเตเบซมาที่นี่เพื่อพักผ่อนเหมือนกันหรือเปล่าล่ะครับ?” เสี่ยวเฉิงพลันถามด้วยความอยากรู้ อันที่จริง มันดูจะเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือเปล่านะ?

“จริง ๆ แล้ว ธุรกิจครอบครัวของผมมีสาขาอยู่ที่เมืองนี้ด้วย อีกอย่าง ผมเองก็เพิ่งจะเรียนจบก็เลยบินมาที่นี่เพื่อช่วยครอบครัวดูแลบริษัทน่ะครับ แต่ก็บังเอิญมากเลยนะครับที่ได้เจอนิโคล คุณป้าแล้วก็คุณลุงด้วย!” เตเบซเผยยิ้มและพูดขึ้น

หลินเหล่ยที่ยืนอยู่ข้างเสี่ยวเฉิงพลันกระซิบข้างหู”ผมคิดว่าพี่ชายชาวอังกฤษคนนี้ต้องมาหาพี่สาวผมแน่เลย ดูเหมือนว่าเขาจะชอบพี่สาวผมตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยด้วยแหละ”

อันที่จริง หลินจื้อซือเองก็รู้ดีว่าทําไมเตเบซถึงมาที่นี่ เธอพลันเดินมาเข้าไปหาเสี่ยวเฉิงและโอบแขนเขาไว้พร้อมกับเผยยิ้มให้เตเบซ “นี่คือเสี่ยวเฉิง สามีของฉันเองค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าและความรู้สึกของเตเบซก็พลันเปลี่ยนไป แต่ทว่า เขาก็กลับยิ้มให้หลินจื้อหือ “นิโคล คุณไม่จําเป็นต้องทําขนาดนี้ก็ได้นะ ผมรู้ว่าพวกคุณสองคนแต่งงานกันแค่ในนาม ไม่ใช่คู่รักกันจริง ๆ สักหน่อย”

เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังชายตรงหน้าและกล่าวคําพูดขึ้น ”หาข้อมูลมาแน่นเหมือนกันนะครับ”

“แน่นอน หลายต่อหลายคนต่างก็ชอบนิโคล แต่เธอกลับต้องมาแต่งงานกับชายที่ไหนก็ไม่รู้ที่เมืองฮัวเซีย อันที่จริง พวกทายาทเศรษฐีแล้วก็ผู้มีอิทธิพลกว่าครึ่งของอังกฤษต่างก็อยากรู้เหมือนกันว่าทําไมเธอถึงออกจากประเทศไปแบบนั้น” เตเบซพลันมองไปยังหลินจื้อซือและพูดต่อ “นิโคล. ถ้าคุณไม่ได้ออกจากมหาวิทยาลัยไปตั้งแต่ปีสองแบบนั้น บางที ชื่อของคุณอาจจะได้จารึกอยู่ในวิทยาลัยดนตรีกลางแห่งอังกฤษก็ได้นะ พูดตรง ๆ เลย คุณเป็นผู้หญิงที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรีมากเลยนะ แต่คุณกลับทิ้งความฝันทางด้านดนตรีเพื่อกลับมาจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง”