ตอนที่ 68-1 ยอมตาย

หลังจากได้ยินคำกล่าวของมารดาแล้ว แววตาของคุณหนูใหญ่จึงเปลี่ยนไปเป็นแววตาแห่งความสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นจึงหันหน้าไปยังผู้เป็นบิดาและส่งสายตาที่มีความซับซ้อนไปยังเขาขณะที่กล่าวออกมาว่า:

“ลูกเข้าใจแล้ว”

จากนั้นราวกับว่าหญิงสาวได้ตั้งปณิธานบางอย่างเอาไว้ในใจ นางก้าวมาข้างหน้าหลี่เสี่ยวหรันและคุกเข่าลงอย่างสง่างาม:

“ลูกขอขอบคุณท่านพ่อสำหรับความรักและการดูแลที่ได้รับมาตั้งแต่เล็ก

จากนี้ไปลูกมิมีบุญพอที่จะได้ดูแลท่านอีกต่อไปแล้ว ขอให้ท่านพ่อท่านแม่รักษาสุขภาพด้วย”

หลี่เสี่ยวหรันจ้องมองนางด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาคณะที่โบกมือและกล่าวว่า:

“ไปได้แล้ว”

ความผิดดังกล่าวหากปล่อยให้นางลอยนวล อาจทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายกับตระกูลหลี่ได้

หลี่จางเล่อลุกขึ้น และเบิกตามองไปที่หลี่เว่ยหยางอย่างอาฆาต

และมีร่องรอยของความเย่อหยิ่งที่สามารถตรวจจับได้ในประกายของดวงตาที่งดงามคู่นั้น

จากนั้นนางจึงรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

และเหตุการณ์ที่มิคาดฝันได้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา

เมื่อมาถึงตรงกลางห้องโถงใหญ่ หลี่จางเล่อได้หยุดชะงัก และหันกลับมามองพร้อมกับกล่าวว่า:

“สิ่งที่ลูกมิได้ทำ จะมิมีวันยอมรับเป็นอันขาด! ลูกยอมตายเพื่อลบล้างมลทินให้กับตนเอง!”

เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว นางจึงหันหน้าไปทางต้นเสาที่อยู่ใกล้ที่สุด

จากนั้นเสียงร้องในห้องโถงทั้งหมดได้กลายเป็นเสียงเดียวกันทันที

โชคดีที่นางอยู่มิไกลจากหลี่หมินเฟิงมากนัก เจาจึงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและสามารถคว้าร่างของนางเอาไว้ได้ในช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุด

ดังนั้นแม้ว่าหลี่จางเล่อจะมิได้ชนเสาอย่างเต็มที่ แต่นางก็เป็นลมล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

ฮูหยินใหญ่รีบวิ่งเข้าไปหาบุตรสาวของตนเองด้วยอาการตื่นตระหนกที่สุดในชีวิต:

“อา..จางเล่อลูกแม่!”

ส่วนท่านผู้อาวุโสหลี่นั้นกรีดร้องออกมาจนแทบจะเป็นลมด้วยความหวาดกลัว

หลี่เว่ยหยางยิ้มเยาะเย้ยเบา ๆ โดยที่มิมีผู้ใดสามารถสังเกตเห็นได้

จากการแสดงออกของนาง ดูราวกับว่าภาพตรงหน้านี้ส่งผลให้นางมีแต่ความสุข และเกิดอารมณ์เย้ยหยันขึ้นเท่านั้น

หญิงสาวเฝ้าดูเรื่องตลกนี้อย่างมิมีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด

แม้ว่านางจะมิได้ยินสิ่งที่ฮูหยินใหญ่กระซิบกระซาบกับบุตรสาวของตนเองเมื่อครู่ แต่เมื่อนางเห็นภาพตรงหน้านี้อย่างชัดเจน

จึงแน่ใจว่า สิ่งที่เห็นอยู่นี้จะต้องเป็นแผนการของฮูหยินใหญ่อย่างแน่นอน

ในการกระทำของคุณหนูใหญ่ในครั้งนี้ นับได้ว่าแยบยลมาก

แต่หากนางเต็มใจที่จะตายเพื่อลบล้างความผิดของตนเองอย่างแท้จริงแล้ว

เหตุใดจึงมิไปกระทำการดังกล่าวที่บริเวณด้านนอก?

เหตุใดจึงต้องมาทำต่อหน้าทุกคนเช่นนี้?!

ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันเปลี่ยนไปทันที เขาเดินมาอย่างรวดเร็วเพื่อตรวจดูบาดแผลของหลี่จางเล่อและสั่งว่า:

“ท่านหมอเฉินรีบมาดูอาการแล้วเข้า!”

ท่านหมอเฉินรีบร้อนคว้ากระเป๋ายาของตนเอง และพุ่งตัวเข้าไปหาคุณหนูใหญ่ทันที

หลังจากที่เขาตรวจดูบาดแผลของหลี่จางเล่ออย่างละเอียด จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และกล่าวว่า:

“คุณหนูใหญ่เพียงแค่เป็นลมเท่านั้น…. ส่วนอย่างอื่นมิมีสิ่งใดที่ต้องกังวลใจ”

ดวงตาคู่ของหลี่หมินเฟิงคมชัดขึ้น และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างขณะที่เขากล่าวว่า:

“ท่านพ่อ น้องจังเลิกเต็มใจที่จะจบชีวิตเพื่อลบล้างมลทินของตนเอง

ซึ่งเห็นได้ชัดว่านางต้องถูกใส่ร้ายแน่นอน”

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วเล็กน้อย และมิได้กล่าวอันใดออกมา

สะใภ้รองหัวเราะเยาะก่อนที่จะกล่าวว่า

“คุณหนูใหญ่ เป็นผู้ที่มองการณ์ไกล การกระทำเพียงแค่นี้ก็สามารถเรียกร้องความเห็นใจจากผู้คนได้”

ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แทบจะสำลักว่า:

“สะใภ้รองเจ้าเห็นจางเล่อมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เหตุใดเจ้าจึงกล่าววาจาที่โหดร้ายเช่นนี้?

ริมฝีปากของหลี่หมินเฟิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม และกล่าวว่า

“ท่านอาสะใภ้รอง จางเล่อเป็นเพียงเด็กสาวที่อ่อนแอแน่นอนว่าเป็นเพราะนางได้รับความอยุติธรรมอย่างมากจึงต้องทำเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในที่นี้จะมีสักกี่คนที่กล้าทำเช่นนี้”

ฮูหยินสามถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า:

“มิว่าจะด้วยความรู้สึก หรือเหตุผลใด ๆ คุณหนูใหญ่ก็มิควรทำเช่นนี้

วิธีนี้มันมิได้เป็นการหลบหลู่การตัดสินใจของท่านผู้อาวุโสหลี่และนายท่านหรอกหรือ?”

หลังจากคำกล่าวเหล่านี้จบลง ทั้งห้องก็ตกอยู่ในสภาวะเงียบสงัด

ฮูหยินใหญ่มีอาการสะดุ้ง จากนั้นจึงร้องไห้ราวกับว่าหัวใจของนางกำลังจะแตกสลาย

นางจ้องมองผู้เป็นสามีด้วยสายตาที่วิงวอนและกล่าวออกมาว่า:

“ท่านพี่ ข้าแต่งงานกับท่านมายี่สิบ กว่าปีแล้ว แม้ว่าจะเคยทำสิ่งที่ผิดพลาด แต่ความดีของข้าก็คงจะพอมีอยู่บ้าง

จางเล่อเป็นบุตรสาวสุดที่รักของข้า และนางยังเป็นบุตรสาวที่ท่านรักมากอีกด้วย

นางมิเคยได้รับการปฏิบัติที่

อยุติธรรมเช่นนี้มาก่อน ท่านดูนางตอนนี้สิ หัวของนางอาบไปด้วยเลือด!

ท่านก็รู้ดีว่า นางให้ความสำคัญกับเรื่องรูปลักษณ์มากที่สุด

หากรูปร่างหน้าตาของนางพังพินาศเช่นนี้แล้ว นับว่ามันร้ายแรงกว่าการเอาชีวิตของนางเสียอีก!

นางจะใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อบีบบังคับท่านได้อย่างไร?

ท่านพี่ เห็นได้ชัดว่านางเต็มไปด้วยความทุกข์!”

ท่านหมอเฉินผู้ซึ่งกำลังตรวจดูบาดแผลของหลี่จางเล่อพยักหน้า และกล่าวว่า:

“อันที่จริงแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่บนหน้าผากของนาง”

แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่ทราบดีว่ารูปลักษณ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่หากหลี่จางเล่อถูกส่งตัวไปที่สำนักแม่ชี ต่อไปนางจะสามารถมองหน้าผู้คนได้อย่างไร?

คงมิมีผู้ใดต้องการผู้หญิงที่ถูกครอบครัวของตนเองทอดทิ้งโดยมิทราบสาเหตุ!

ชีวิตของนางคงจะต้องพังพินาศ!

ในท้ายที่สุดหลี่เสี่ยวหรันก็ทนมิได้อีกต่อไป เขาจึงกล่าวว่า:

“ช่างมันเถิด ก่อนอื่นพานางกลับไปพักฟื้นก่อน”

หลี่หมินเต๋อรู้สึกขุ่นเคือง และก้าวมาข้างหน้าเพื่อกล่าวบางอย่างกับหลี่เว่ยหยาง ขณะที่เขาส่ายหัวของตนเองเล็กน้อย

ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดากำลังพยุงร่างของบุตรสาวออกไป ขณะที่หลี่จางเล่อหายใจอย่างอ่อนแรงและศีรษะของนางยังคงมีเลือดไหลออกมามิหยุด!”