ตอนที่ 176 คนซื่อสัตย์จริง ๆ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตระกูลลู่ทำการค้าให้ทางราชสำนักและเป็นมหาเศรษฐีแห่งเมืองหลวง เครื่องเคลือบตระกูลลู่กระจายไปทั่วแคว้น หากเขายินดีทำการค้าเมล็ดสนปากอ้า อย่าว่าแต่เป็นพันเป็นหมื่นชั่งเลย ให้เติมเลขศูนย์เพิ่มอีกตัวก็ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก !

ท่าทีของหลินเว่ยเว่ยไม่ได้ดูจริงจังสักเท่าไร นางฉีกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ที่คุณชายลู่ชิมคือเมล็ดสนปากอ้ารสห้าเครื่องเทศ ยังมีรสเกลือและพริก รสหวาน ซึ่งแต่ละรสชาติก็ต่างกันออกไป มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากคุณชายไม่รังเกียจก็ชิมทุกรสได้เลย ! ถ้าชอบ ข้าจะมอบแต่ละรสให้คุณชายสักสองสามชั่ง…”

เจียงโม่หานมุ่ยปาก เด็กคนนี้ไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยว1 มอบให้สองสามชั่งอันใดกัน สุดท้ายก็ไม่ใช่การถอยแล้วค่อยรุก หลอกล่อกระต่ายให้มาติดกับหรอกหรือ ! คุณชายรองตระกูลลู่ก็แทบจะควักหัวใจออกมาในนางดูอยู่แล้ว ฮึฮึ…เทียบกับนายท่านลู่แล้ว คุณชายรองยังตามหลังอีกไกล !

เมื่อลู่เหวินจวินลองชิมแล้วก็เรียกให้ผู้ดูแลจางมาชิมด้วย “เมืองหลวงไม่มีเมล็ดสนที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ถึงเพียงนี้ พวกคุณหนูกับสตรีสูงศักดิ์เหล่านั้นต้องชอบแน่นอน ! ”

ผู้ดูแลจางอยากเตือนคุณชายรองว่าถึงแม้ท่านจะชอบก็ไม่ควรแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้ ! ทำการค้าหากชอบก็ห้ามแสดงออกจนทำให้อีกฝ่ายหลุดจากการควบคุมของตน นี่คือกฎสำคัญของการค้า !

ผู้ดูแลจางยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ลู่เหวินจวินก็เริ่มเอ่ยกับหลินเว่ยเว่ยต่อ “เมล็ดสนปากอ้าของท่านมีอีกกี่ชั่ง ? ข้าขอเหมาหมดเลย…”

“คุณชายรอง ราคา…ราคายังไม่ได้ตกลงเลยนะขอรับ ! ” แม้แต่ชิงเฟิงที่เป็นบ่าวรับใช้ก็ยังอดร้อนใจแทนเจ้านายไม่ได้ หากหลินกู่เหนียงยื่นข้อเสนอมากมาย ท่านก็จะทำตามทั้งหมดหรือ ?

ลู่เหวินจวินหันไปถลึงตาใส่ชิงเฟิงที่กำลังดึงชายเสื้อของตนแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ราคาอันใด ? หลินกู่เหนียงใจดีถึงเพียงนี้ นางจะวางอุบายใส่เราได้หรือ ? ”

“ในด้านการค้า พี่ชายท่านนี้เตือนได้ถูกต้องแล้ว ให้เราคุยเรื่องราคากันเสร็จ แล้วคุณชายลู่ค่อยตัดสินใจเรื่องปริมาณในการสั่งซื้ออีกทีดีกว่า ! ” หลินเว่ยเว่ยคิดว่าน่าหัวเราะมาก ๆ คุณชายลู่ท่านนี้ไม่เหมาะทำการค้าจริง ๆ ช่างไร้เดียงสาจนทำใจวางอุบายใส่เขาไม่ได้ เพราะนางคงรู้สึกผิดเสียเอง

ลู่เหวินจวินถามอย่างหมดความอดทน “ร้านค้าที่กู่เหนียงเป็นหุ้นส่วนด้วยให้ราคาเท่าไหร่ ? กู่เหนียงวางใจได้เลย ท่านเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้และยังดูแลสินค้าครั้งนี้ด้วย ดังนั้นราคาที่ข้าให้จะต้องไม่น้อยกว่าฝ่ายนั้นแน่นอน ! ”

ผู้ดูแลจางอดไม่ได้ที่จะยกมือปิดหน้า ท่านกล่าวเช่นนี้แล้วอีกฝ่ายไม่ตั้งราคาสูงก็แปลก คุณชายของข้า ท่านอย่าพูดอีกได้หรือไม่ เรื่องเจรจาการค้ายกให้ข้าน้อยทำก็พอ !

หลินเว่ยเว่ยมองท่าทีของผู้ดูแลจาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เมล็ดสนปากอ้านี้ ในเขตเริ่นอันขายชั่งละ 100 อีแปะ ราคาขายส่งสำหรับตระกูลหนิงคือ 50 อีแปะต่อ 1 ชั่ง ส่วนคุณชายลู่ต้องส่งไปยังเมืองหลวงด้วยระยะทางไกล จำเป็นต้องจ่ายค่าขนส่งและพวกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก…เอาเช่นนี้แล้วกัน หากคุณชายสั่งซื้อมากกว่า 1,000 ชั่ง ข้าจะลดให้ท่านอีก 5 อีแปะเป็นราคา 45 อีแปะต่อ 1 ชั่ง ท่านเห็นว่าอย่างไร ? ”

ขณะที่นางถาม ‘เห็นว่าอย่างไร’ ก็หันไปทางผู้ดูแลจาง

ผู้ดูแลจางได้ยินเช่นนั้นก็อดพยักหน้าไม่ได้ คุณชายรองทำการค้าไม่ไหวจริง ๆ ทว่าสายตาที่ใช้มองคนยังพอใช้ได้ กู่เหนียงคนนี้ถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์จริง ๆ !

ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากขอต่อราคาลงอีกสัก 2 อีแปะ คุณชายรองก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน “ไม่ต้องหรอก ! ราคาที่เมืองหลวงต้องแพงกว่าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เป็นเท่าตัว ข้าขอบอกกับกู่เหนียงตามตรงว่าหากเป็นที่เมืองหลวงเมล็ดสนเช่นนี้ต่อให้ขายในราคา 150 อีแปะ ก็ยังถือว่าไม่แพง…หลินกู่เหนียงเป็นผู้มีพระคุณและคนสำคัญของข้า อย่างไรก็จะให้ท่านเสียเปรียบไม่ได้ ! ที่บ้านกู่เหนียงยังมีเมล็ดสนเหลืออีกเท่าไร ข้าให้ราคา 50 อีแปะต่อชั่งและเหมาหมดเลย ! ”

ไอหยา ! บรรพบุรุษน้อยของข้า ! ท่านอย่าพูดอีกได้หรือไม่ เรื่องเจรจาการค้าจะรบกวนคุณชายรองอย่างท่านได้เช่นไร ? ไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือว่าการค้าในครั้งนี้ท่านแค่นั่งเป็นคุณชายรูปงามเท่านั้น ?

หัวใจของผู้ดูแลจางเจ็บปวดเหลือเกิน ! คุณชายยังประเคนเงินให้คนนอกอีก นางลดราคาให้แล้ว ท่านกลับทำให้มันราคาเท่าเดิม ! ไม่ได้การ กลับไปต้องเรียนนายท่านว่าคุณชายรองไม่เหมาะสำหรับทำการค้า ! เป็นคุณชายเจ้าสำราญไปวัน ๆ ไม่ดีหรืออย่างไร ?

หลินเว่ยเว่ยพยามยามกลั้นหัวเราะ พลางคิดว่าถ้าตนเป็นผู้ดูแลจางก็คงอยากตีเจ้านายให้ตายไปเลย !

ในเมื่อคุณชายลู่ใจกว้างถึงเพียงนี้ ไม่สนใจส่วนลดเล็กน้อยของนาง แล้วนางจะเกรงใจเพื่อเหตุใด ? หลินเว่ยเว่ยจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มทันที “เมล็ดที่คั่วเสร็จแล้วยังมีอยู่ประมาณสามพันกว่าชั่ง ! หากคุณชายลู่ยังไม่รีบกลับก็สามารถเร่งงานให้อีกพอสมควร ! ”

คุณชายลู่พยักหน้า “พวกเราต้องไปส่งสินค้าอีกครั้งและจะใช้เวลามากกว่าสิบวันในการไปและกลับ พวกท่านก็เริ่มทำงานได้เลย เรือข้าสามารถบรรทุกได้ทั้งหมด 20,000 ชั่ง ! ”

“ว้าว ! 20,000 ชั่ง ! ” คิ้วที่ขมวดกันของซัวถัวคลายออกทันที ! ปีนี้ในหมู่บ้านมีเมล็ดสนไม่ต่ำกว่า 60,000 ชั่ง ตอนแรกยังกังวลว่าหลินเว่ยเว่ยจะรับซื้อไม่ไหว แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาคงกังวลไปเอง

เสี่ยวเว่ยร้ายกาจมาก ! แค่คุยไม่กี่ประโยคก็ขายเมล็ดสนปากอ้าได้หนึ่งในสามส่วนแล้ว ทันใดนั้นความชื่นชมที่ซัวถัวมีต่อนางก็เปรียบดั่งสายน้ำไหลเชี่ยวไม่มีวันสิ้นสุด !

20,000 ชั่ง ? หลินเว่ยเว่ยมองเข้าไปในดวงตาของลู่เหวินจวิน ไม่ว่ากะพริบตากี่ครั้งก็ออกมาเป็น ‘¥ ¥’ กำไร 30 อีแปะต่อชั่ง หาก 20,000 ชั่งก็ได้เท่ากับ 600 ตำลึง !

เพียงแต่จะทำเมล็ดสนออกมาให้ได้ 20,000 ชั่งภายใน 10 วัน ถือว่าเป็นเรื่องยากพอสมควร ! หลินเว่ยเว่ยเม้มปาก ความยากลำบากก็คือการโดนยกเลิกคำสั่งซื้อ ! ไม่ได้ก็ต้องได้ แม้จะมีเงื่อนไขให้ทำไม่ได้ นางก็ไม่อนุญาตให้มี !

เมื่อทั้งสองคนทำสัญญากันเสร็จแล้ว ลู่เหวินจวินก็จ่ายเงินมัดจำ ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็ตรงไปที่โรงตีเหล็กและซื้อกระทะอีก 2 ใบ เถ้าแก่โรงตีเหล็กเป็นชายร่างกำยำ เขาจดจำนางได้จึงถามว่า “บ้านเจ้ามีกี่คนกันแน่ เหตุใดจึงซื้อกระทะมากมายเช่นนี้ ? ”

หลินเว่ยเว่ยจึงตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ได้ซื้อให้บ้านตน แต่มาช่วยซื้อให้คนอื่น ! ”

“ข้าก็คิดอยู่ ช่วงสองสามเดือนนี้เจ้าซื้อกระทะไปทั้งหมด 10 ใบแล้ว ! ถ้าไม่ทราบสถานการณ์ของหมู่บ้านเจ้า ข้าก็คงคิดว่าเจ้ามีกินมีใช้แล้วทำอาหารบ่อยจนพังจึงมาซื้อใหม่ ! ” เถ้าแก่โรงตีเหล็กหัวเราะอย่างขบขัน

หลินเว่ยเว่ยกลอกตา ขอบคุณในความซื่อตรงของเจ้าและไม่สงสัยที่นางแอบซ่องสุมกองกำลังเล็ก ๆ เอาไว้ !

หลินเว่ยเว่ยถามเรื่อยเปื่อย “ข้าถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ในช่วงครึ่งปีมานี้ใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นลดราคากระทะ 2 ใบนี้ได้หรือไม่ ? ”

“เจ้าไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ที่สุด ! ยังมีคนที่ซื้อกระทะทีเดียวถึง 30 ใบจากร้านข้า บอกว่าจะเปิดร้านเมล็ดถั่วคั่วจึงจำเป็นต้องใช้ ! เขายังไม่ต่อราคาด้วย ! อีกอย่างราคานี้ก็ถือว่าถูกที่สุดแล้ว ! ” พอได้ยินว่าให้ลดราคา เถ้าแก่โรงตีเหล็กก็ส่ายศีรษะทันที

เจียงโม่หานได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตกใจ ซื้อกระทะกลับไปทีเดียว 30 ใบ ร้านค้าขายเมล็ดถั่วคั่วส่วนใหญ่ใช้กระทะเยอะถึงเพียงนี้เชียวหรือ ? อีกอย่างในพื้นที่ทางเหนือเช่นนี้ ถ้ามีร้านขายเมล็ดถั่วคั่วร้านใดที่ใช้กระทะเยอะขนาดนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ทราบ !

หรือว่า…ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมา…กองทัพ ! มีเพียงในค่ายทหารเท่านั้นที่จะใช้กระทะคราวเดียวเยอะเช่นนี้ ! จากร่องรอยของความทรงจำแล้ว เขาก็ค้นพบเบาะแสบางอย่าง

ชาติก่อน เวลานี้เป็นช่วงที่เขากำลังดิ้นรนเอาตัวรอด พลังทั้งหมดถูกวางไว้แค่การเอาชีวิตรอดและการสอบ พอหวนนึกถึงแล้วถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากอาจารย์ฟ่าน เขาก็ไม่มีทางผ่านฤดูหนาวในปีนั้นมาได้ น่าเสียดายที่ยังไม่ทันได้ตอบแทนพระคุณอาจารย์ พวกที่ทำการทุจริตข้อสอบก็โยนความผิดให้อาจารย์เสียก่อน…

1 ไม่เห็นกระต่ายไม่ปล่อยเหยี่ยว หมายถึง ลงมือเมื่อเห็นเป้าหมายชัดเจน

ตอนต่อไป