บทที่ 228 ดาราจักร
บทที่ 228 ดาราจักร
ไม่กี่วันต่อมา ณ นอกยอดเขาวิถีเร้นลับ ศิษย์ผู้คุ้มกันยอดเขากำลังนั่งรวมกันและสนทนาถึงสิ่งที่อยากทำในภายภาคหน้า
ถึงอย่างไร บรรพชนเสวียนก็ล่วงลับไปแล้ว แม้จะผ่านไปหลายวัน แต่หาได้มีการแต่งตั้งบรรพชนวิถีเร้นลับคนใหม่ไม่ อีกทั้งในวันนั้นบรรพชนเสวียนเสื่อมเสียเกียรติยศมหาศาล พวกเขาจึงไม่อยากอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
ขณะที่ศิษย์หลายคนพูดคุยอย่างกระตือรือร้น หนึ่งในพวกเขาพลันเบิกตาโพลง ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษยามจับจ้องไปทิศทางหนึ่งโดยที่ตาไม่กะพริบ
เมื่อทุกคนเห็นดังนี้ พวกเขาอดสงสัยไม่ได้ “เจ้ากำลังทำอะไรหรือ? ทำไมสีหน้าดูไม่สู้ดี? เหมือนกับเห็นมัจจุราชอย่างนั้นเลย”
ชายผู้นั้นจ้องมองไกลออกไป ใบหน้าของเขาซีดเซียว “มัจจุราชกำลังมา”
หลังจากหลายคนได้ยินประโยคดังกล่าวจึงหันมองตาม เมื่อเห็นผู้มาเยือนอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าก็ย่ำแย่ลงทันตา
ไกลออกไป คนผู้หนึ่งเยื้องย่างอยู่กลางอากาศทีละก้าว ชายผู้นั้นมีคิ้วเข้ม ตาโต เรียวปากเผยรอยยิ้มแสยะกว้าง สวมชุดสีชาดห่มดำราวกับราชายมโลก
เขาคือลู่หยวน!
ยามบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้แล้วพบว่าใครหลายคนมีใบหน้าเศร้าโศก เขาก็ยกยิ้มมุมปาก “ไง เหตุใดถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น บิดามารดาเสียงั้นหรือ?”
เมื่อหลายคนได้ยินดังนี้ พวกเขาลอบกระอักโลหิตออกมา
บิดามารดาเจ้าน่ะสิที่ตาย!
แม้ในใจจะก่นด่าสาปแช่ง แต่พวกเขายังคงฝืนยิ้มออกมาก่อนทำความเคารพ “คารวะบุตรศักดิ์สิทธิ์”
หลายคนระแวดระวังลู่หยวนเป็นอย่างมาก
พวกเขาจำได้ดีว่าตอนที่ชายผู้นี้จัดการกับบรรพชนดาบ เขาได้พรากทุกชีวิตไปจากยอดเขาดาบ!
ที่มาวันนี้ คงไม่ใช่เพราะอยากกวาดล้างยอดเขาวิถีเร้นลับหรอกกระมัง!
ผู้นำศิษย์บรรพชนเสวียนสะกดอาการสั่นเทาเอาไว้ ก่อนก้าวมาข้างหน้าแล้วถามว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใด?”
“ข้ามาตามหาเสวียนเทียนชวน พวกเจ้าคลายค่ายกลให้หน่อยสิ ข้าอยากเข้าไป”
หลายคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง หลังจากฝืนใจอยู่สักพัก พวกเขาก็คลายค่ายกลให้อีกฝ่ายเข้ามา
ร่างของลู่หยวนวูบไหวก่อนเข้าสู่ยอดเขาวิถีเร้นลับ ทันทีที่มาถึงเขาพบว่าทุกคนต่างอยู่ในสภาพไว้ทุกข์
แทบทุกคนคาดผ้าขาวไว้ที่เอว สีหน้าของศิษย์ส่วนใหญ่เป็นปกติ แต่มีศิษย์บางส่วนที่ดวงตาแดงก่ำ บุตรศักดิ์สิทธิ์ผ่านหน้าของทุกคนไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ก่อนมุ่งหน้าสู่ห้องโถงหลักบนยอดเขา
ที่นี่มีโลงศพหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ ข้างในเป็นศพของบรรพชนเสวียนโดยมีศิษย์หลายคนกำลังคุกเข่าร่ำไห้อยู่ด้านข้าง
ครั้นเห็นลู่หยวนเข้ามา… สีหน้าของเหล่าศิษย์ก็เปลี่ยนไป หนึ่งในนั้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าแล้วก้มศีรษะให้ ทว่าสายตากลับเผยจิตสังหารออกมา
ขณะนั้นเอง เสวียนเทียนชวนก็รีบออกมาต้อนรับ
“คารวะนายท่าน!”
เสวียนเทียนชวนยกมือขึ้นทำความเคารพ “เหตุใดนายท่านถึงมาที่นี่? หากต้องการสิ่งใดก็ส่งคนมาบอกข้าก็ได้ เหตุใดถึงมาด้วยตัวเองกัน?”
ลู่หยวนมาคราวนี้ก็เพื่อลูกแก้วส่องสวรรค์บนยอดเขาวิถีเร้นลับ แต่ยิ่งคนทราบเรื่องสอดส่องตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น
ชายหนุ่มจึงมาที่นี่เพียงลำพัง เพื่อเป็นสักขีพยานกับผลลัพธ์ด้วยตาตนเอง ระหว่างนั้นเขาแจงงานจิปาถะทั้งหลายให้เสวียนเทียนชวนจัดการเรียบร้อยแล้ว
“ข้าต้องการให้เจ้า…”
ก่อนลู่หยวนจะทันกล่าวจบ เขาก็รู้สึกถึงเจตจำนงกระบี่ฟาดฟันโดยพุ่งเป้ามาที่เขา
เจตจำนงกระบี่ตรงเข้าปะทะใบหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว แววตาของผู้ถือกระบี่เต็มไปด้วยความเดือดดาล “ลู่หยวน วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
วิ้ง!
ยามเจตจำนงกระบี่ห่างจากใบหน้าของชายหนุ่มไปสามฉื่อ มันก็พลันหยุดนิ่งลง
“ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียแล้ว”
ลู่หยวนเอ่ยคำเหล่านี้ออกมาอย่างช้า ๆ ก่อนพลังมังกรจะระเบิดขึ้นจนทั่วทั้งห้องโถงหลักพังทลายในพริบตา
ผู้ถือกระบี่เข้ามาฟาดฟันถูกพลังมังกรบีบอัดจนร่างกายแหลกเหลว เขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดด้วยซ้ำ
เมื่อเนื้อตกลงสู่พื้น ยามศิษย์โดยรอบเห็นภาพนี้ สายตาของพวกเขาที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงในตอนแรกกลับกลายเป็นความหวาดกลัวขึ้นมา
ศิษย์ที่เพิ่งถูกสังหารไป ถึงอย่างไรรากฐานการบ่มเพาะของเขาก็อยู่ขั้นเทียมเทพ แถมการแข่งขันภายในคราวนี้ เขาก็ติดอันดับสามในทำเนียบปฐพี!
แต่เมื่ออยู่ภายใต้กลิ่นอายพลังมังกรของลู่หยวน เขากลับถูกบดขยี้จนกลายเป็นก้อนเนื้องั้นหรือ?!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา สายตากวาดมองศิษย์ทั้งหลายในห้องโถงหลัก “ดูท่าพวกเจ้าศิษย์แห่งยอดเขาวิถีเร้นลับจะไม่พออกพอใจข้าสักเท่าไหร่… หากเป็นเช่นนั้น”
ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยจิตสังหาร เส้นสีแดงปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา
วิ้ง!
ดวงตาที่สามถูกเปิดออก เนตรเทวะปรากฏขึ้น พลังแห่งแปดแดนร้างโบราณแผ่กระจายในบัดดล
หมอกสีแดงปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาวิถีเร้นลับ มือสีแดงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นรอบข้างศิษย์ทั้งหลาย และคว้าจับพวกเขาไว้มั่น ก่อนตรึงไว้กับที่ไม่ให้สามารถดิ้นหลุดออกไปได้
เสวียนเทียนชวนนั่งอยู่บนรถเข็นหยิบกระดานเสี่ยงทายมาวางไว้บนตัก สายตาของเขาสงบ ราวกับผู้ถูกพันธนาการหาใช่สหายร่วมสำนักกับเขาไม่
เสียงของลู่หยวนพลันดังขึ้น “เสวียนเทียนชวน เจ้าสามารถใช้งานลูกแก้วส่องสวรรค์ได้หรือไม่?”
เสวียนเทียนชวนเงยหน้าขึ้น เขาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เรียนบุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าเปิดให้ได้”
ลู่หยวนสะบัดมือจนหมอกสีแดงรอบข้างม้วนตัว ศิษย์ทั้งหลายที่ถูกจับเอาไว้โดนลากไปพร้อมกัน ก่อนถูกโยนเข้าไปในโลงศพของบรรพชนเสวียน
“ข้าอยากทราบตำแหน่งที่แน่ชัดของตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรม รวมถึงจำนวนสมาชิกของตระกูล ตลอดจนจำนวนแน่ชัดของยอดฝีมือที่อยู่ขั้นเทียมเทพ ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ ขั้นจ้าวยุทธ์ และขั้นสูงขึ้นไป สำรวจอย่าให้ขาดตกบกพร่อง!”
สายตาของลู่หยวนจับจ้องศิษย์ของบรรพชนเสวียนเหล่านั้น “ใช้คนเหล่านี้ รวมถึงร่างของบรรพชนเสวียนเป็นเครื่องสังเวยเสีย!”
“รับทราบ!” เสวียนเทียนชวนขานรับเสียงนุ่มนวลตามปกติ “เชิญนายท่านตามข้ามา”
ไม่ช้า ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็ใช้ลมปราณเคลื่อนรถเข็นตรงไปด้านหลัง โดยมีนายท่านเดินตามมา
ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา ลู่หยวนเดินตามเสวียนเทียนชวนผ่านสิ่งปลูกสร้างมากมาย จนมาถึงโถงหลังหุบเขา
ทันทีที่ทั้งสองเข้าใกล้ ยันต์สีทองใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นและแผ่กลิ่นอายปกคลุมทั่วทั้งโถงเอาไว้ จนทั่วบริเวณเต็มไปด้วยพลังดวงดาว
เสวียนเทียนชวนยื่นมือขวาออกไป เพียงกรีดปลายนิ้วให้โลหิตไหลรินออกมา และประทับโลหิตลงบนยันต์ที่ลอยขึ้น พลังดวงดาวก็กระจัดกระจายไปทุกทิศทาง
ชายบนรถเข็นสร้างผนึกด้วยมือซ้าย พลังในยันต์ผันผวน ไม่กี่อึดใจ วิถีเร้นลับก็ระเบิด พลังดวงดาวทั้งหลายถูกยันต์สะกดเอาไว้อย่างแน่นหนา
วิ้ง!
แสงสีทองจากพลังดวงดาวมลายหาย
“เชิญนายท่าน”
เสวียนเทียนชวนผลักประตูห้องโถง ก่อนประสานมือเพื่อเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์เข้าไป
ลู่หยวนเอามือไพล่หลัง เสียง ‘พรึ่บ ๆๆ’ ดังไล่ตามฝีเท้าเขามา ในโถงที่เดิมมืดมนพลันมีดวงแสงสว่างไสวปรากฏมาจากประตูห้องโถง ทอดยาวไปตามทางเดินจนถึงด้านใน
ชายบนรถเข็นเข้ามาข้างใน ประตูโถงปิดไล่หลัง ที่ด้านนอกห้องโถงหลัก ยันต์ปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้วเคลื่อนลงมาอย่างเงียบงัน ไม่นานทุกสิ่งก็กลับสู่ความสงบ
บุตรศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง
เขาพบว่าตั้งแต่ที่ประตูโถงปิดลง พื้นที่โถงคล้ายกับเปลี่ยนไป โครงสร้างไม้รอบข้างหายไปทีละน้อย ถูกแทนที่ด้วยดาราจักรอันกว้างใหญ่